‘เพชร กรุณพล’ และ ส.ส.พรรคก้าวไกล ปราศรัยหาเสียงในค่ายทหาร ก่อนการเลือกตั้งซ่อม ส.ส. กทม. เขต 9 (หลักสี่-จตุจักร) ย้ำ ต้องปฏิรูปเพื่อกองทัพที่มีศักดิ์ศรี เพิ่มโอกาสทางสายอาชีพทหาร ชูนโยบายยกเลิกเกณฑ์ทหารมาใช้ระบบสมัครใจและการพัฒนาอุตสาหกรรมทหารให้มีความทันสมัย 

28 ม.ค. 2565 ทีมสื่อพรรคก้าวไกลรายงานว่าวานนี้ (27 ม.ค. 2565) กรุณพล เทียนสุวรรณ ผู้สมัครเลือกตั้งซ่อม ส.ส. กทม. เขต 9 (หลักสี่-จตุจักร) พร้อมด้วย ส.ส.พรรคก้าวไกล กล่าวปราศรัยหาเสียงเลือกตั้งที่ห้องประชุมกรมยุทธโยธาทหารบก เขตจตุจักร ในช่วงก่อนโค้งสุดท้ายของการเลือกตั้งซ่อม

กรุณพลกล่าวว่าเขาคุ้นเคยและเข้าใจคนที่เป็นทหาร-ตำรวจ เนื่องจากบิดาของเขาเป็นตำรวจมาก่อน ได้เห็นความเหลื่อมล้ำที่เกิดขึ้นในค่ายทหาร เขาได้เห็นสิ่งที่ "ใครๆ ก็ทำกัน" ในกองทัพ เช่น การแบ่งกำไรกันระหว่างมิตรสหายเครือญาติกับคนในกองทัพ ซึ่งเป็นกำไรที่ได้จากการขายเสื้อ กางเกง ถุงเท้า เครื่องแบบของทหาร คนที่ทำงานอย่างซื่อตรงอาจไม่เจริญก้าวหน้าเท่าคนที่คอยรับใช้นาย บางคนเกษียณไปมีเงินเป็นพันล้านทั้งที่ลำพังเงินเดือนรับราชการอย่างเดียวไม่มีทางทำให้มีเงินพันล้านได้

กรุณพลกล่าวต่อไปว่า เมื่อก่อน เครื่องแบบทหารเป็นเครื่องแบบที่ลูกผู้ชายที่ทุกคนอยากสวมใส่ แต่เมื่อเขาโตขึ้นกลับรู้สึกผิดหวัง เพราะได้เห็นความเหลวแหลกของระบบ เห็นการใช้เงิน ใช้เส้นสาย ไต่เต้าไปมีอำนาจ ส่วนทหารชั้นผู้น้อยเมื่อเริ่มรับราชการ ครอบครัวของเขาอยู่บ้านพักทหารแบบไหน 30 ปีผ่านไปก็ยังคงเป็นอย่างนั้น ขณะที่นายทหารนายพลมีบ้านใหญ่โต ขับรถหรู มีกระเป๋าแบรนด์เนมราคาแพงใช้

กรุณพลฝากคำถามถึงทหารที่ไปฟังการปราศรัยหาเสียงของเขาในวันนี้ว่า หากเงินพันล้านเหล่านั้นถูกดึงมาปรับปรุงสวัสดิการของทหารทุกคน จะทำให้พวกเขามีอาหารที่ดีกิน มีบ้านที่อยู่อย่างสบาย ไม่จำเป็นต้องอยู่ในค่ายทหาร ซึ่งสิ่งเหล่านี้จะเกิดได้ ก็ด้วยการปฏิรูปกองทัพ

“การแยกลำดับชั้นอาจจะดีในการบังคับบัญชา แต่ทำไมสวัสดิการดีเท่ากันไม่ได้ ทำไมสวัสดิการแยกกันสำหรับชั้นประทวน ชั้นสัญญาบัตร ทำไมจะดีเหมือนกันไม่ได้ นี่แหละสิ่งที่พรรคก้าวไกลต้องการปฏิรูปกองทัพ เราต้องการกองทัพที่มีความเสมอภาค มีศักยภาพ” กรุณพลกล่าว พร้อมชูนโยบายของพรรคก้าวไกลที่ต้องการปฏิรูปกองทัพ เพื่อทำให้ทหารชั้นผู้น้อยอยู่ได้อย่างมีศักดิ์ศรี มีสวัสดิการ และอยู่อย่างที่ผู้คนชื่นชม ทำให้คนภาคภูมิใจในเครื่องแบบทหาร

ข่าวสดออนไลน์ [2]และมติชนออนไลน์ [3] รายงานว่า พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อและหัวหน้าพรรคก้าวไกลได้ขึ้นเวทีปราศรัยหาเสียงร่วมกับกรุณพล โดยพิธากล่าวว่าพรรคก้าวไกลเล็งเห็นความสำคัญเรื่องความมั่นคงทางทหาร พร้อมที่จะยืนอยู่เคียงข้างกองทัพ โดยเฉพาะอย่างยิ่งทหารชั้นผู้น้อย แต่สิ่งที่ยอมรับไม่ได้คือเมื่อทหารกับประชาธิปไตยไม่ได้ยืนอยู่คู่กัน ตั้งแต่การทำรัฐประหารครั้งแรกเมื่อปี 2490-2557 เรามีรัฐประหารไปแล้ว 11 ครั้ง เฉลี่ยแล้วทุกๆ 6 ปีจะมีรัฐประหาร 1 ครั้ง เชื่อว่าพลทหารชั้นผู้น้อยก็ยอมรับไม่ได้เช่นกัน เพราะทำให้ประเทศไทยไม่ไปถึงไหน

นอกจากนี้ ยังมีรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคก้าวไกล ร่วมกล่าวปราศรัยด้วย โดยรังสิมันต์กล่าวว่าพรรคกล้าวไกลถูกใส่ร้ายมาตลอดว่าเป็นพรรคที่รังเกียจกองทัพ หรือเข้ามายกเลิกกองทัพ แต่จริงๆ แล้วพรรคก้าวไกลต้องการเข้ามาพุ่งชนปัญหาของโครงสร้างใหญ่ในกองทัพ และได้พิสูจน์จากการทำหน้าที่ในสภาแล้วว่าทางพรรคต้องการทำเพื่อทหาร ตำรวจ และข้าราชการชั้นผู้น้อย พร้อมยกตัวอย่างกรณีร่าง พ.ร.บ.ยกเลิกบังคับการเกณฑ์ทหาร ที่จะเปลี่ยระบบการบังคับเกณฑ์ทหารมาเป็นระบบสมัครใจ สมัครได้ทั้งชายและหญิงที่อายุตั้งแต่ 18-40 ปี และจะปรับปรุงระบบสวัสดิการ รวมถึงเงินเดือน เพื่อให้ทหารทุกคนเป็นทหารอาชีพ ไม่ใช่ทหารรับใช้ พร้อมประกาศว่าจะเพิ่มโอกาสด้านการศึกษาและการเติบโตในสายอาชีพทหาร รวมถึงพีฒนาอุตสาหกรรมทหารให้มีความทันสมัยยิ่งขึ้น

สำนักข่าว PPTV HD36 [4] รายงานเพิ่มเติมว่ากรมยุทธโยธาทหารบกจัดที่นั่งสำหรับกำลังพลและครอบครัวที่อาศัยในค่ายทหารให้เข้ามานั่งฟังจำนวน 100 คน โดยเปิดให้ลงทะเบียนล่วงหน้า เจ้าหน้าที่เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวของ PPTV ว่าหลังเปิดให้ลงทะเบียนเพียง 30 นาทีก็มีสนใจมาลงทะเบียนเข้ารับฟังจนเต็มโควตา และนี่ไม่ใช่ปีแรกที่มีการหาเสียงในค่ายทหาร ก่อนช่วงโควิด-19 ระบาดก็เคยมีพรรคการเมืองทำเรื่องขอเข้ามาหาเสียงเลือกตั้งที่นี่เช่นเดียวกัน