ในขณะที่รัฐบาลเกาหลีเหนือเพิ่งจะประกาศว่าจำนวนผู้เสียชีวิตจาก COVID-19 คงตัวแล้ว และอ้างว่าพวกเขาสามารถควบคุมสถานการณ์การระบาดเอาไว้ได้ แต่ก็มีผู้เชี่ยวชาญตั้งข้อสงสัยในเรื่องนี้ เพราะเกาหลีเหนือไม่มีแม้กระทั่งวัคซีน ในขณะเดียวกันก็มีแหล่งข่าวให้สัมภาษณ์ต่อสื่อต่างประเทศว่าผู้ป่วย COVID-19 ในเกาหลีเหนือเผชิญความยากลำบากมากโดยเฉพาะคนที่เป็นหญิงท้องเพราะระบบการรักษาพยาบาลที่ย่ำแย่ในประเทศของพวกเขา

รัฐบาลเกาหลีเหนือประกาศเมื่อช่วงเย็นของวันที่ 23 พ.ค. ที่ผ่านมาว่า ในเกาหลีเหนือไม่มีผู้เสียชีวิตจากการป่วยเป็นไข้ของโรค COVID-19 แล้ว และอ้างว่าจำนวนผู้ติดเชื้อมีน้อยลงเรื่อยๆ ทำให้พวกเขา "ประสบความสำเร็จ" ในการยับยั้งการแพร่กระจายของโรคนี้ได้ แต่ผู้เชี่ยวชาญก็กังวลว่าอาจจะมีการบิดเบือนตัวเลขสถิติผู้ติดเชื้อให้น้อยกว่าความเป็นจริงจากฝั่งเกาหลีเหนือ

นับตั้งแต่วันที่ 12 พ.ค. ที่มีการประกาศเรื่องการระบาดของ COVID-19 ในเกาหลีเหนือ ก็มีความกังวลจากต่างชาติในเรื่องที่ว่าเกาหลีเหนือไม่มีวัคซีนและไม่ระบบสาธารณสุขที่ดีพอ รวมถึงความกังวลในเรื่องความเป็นไปได้ที่จะเกิดวิกฤตอาหารในเกาหลีเหนือที่มีประชากร 25 ล้านคนด้วย

ถึงแม้จำนวนตัวเลขล่าสุดของทางการเกาหลีเหนือในเย็นวันที่ 23 พ.ค. จะระบุว่ามีผู้ป่วยใหม่ 134,510 ราย และนับเป็นวันที่ 3 ติดต่อกันแล้วที่จำนวนผู้ป่วยใหม่อยู่ต่ำกว่า 200,000 ราย แต่ก็ไม่มีใครที่อยู่นอกเกาหลีเหนือจะสามารถตรวจสอบยืนยันจำนวนตัวเลขที่แท้จริงได้ นอกจากนี้ในเกาหลีเหนือยังไม่มีชุดอุปกรณ์ที่จะใช้ตรวจวินิจฉัย COVID-19 ได้อีกด้วย ทำให้การยืนยันจำนวนผู้ติดเชื้อที่แท้จริงทำได้ยาก ตัวเลขที่ทางการเกาหลีเหนือรายงานออกมานั้นพวกเขาวัดจากจำนวนผู้ที่เป็นไข้เท่านั้น

จำนวนผู้ป่วยสะสมทั้งหมดในเกาหลีเหนือตั้งแต่ปลายเดือน เม.ย. จนถึงตอนนี้อยู่ที่ 2.95 ล้านราย จากข้อมูลของรัฐบาล ขณะที่จำนวนตัวเลขผู้เสียชีวิตที่ทางการเกาหลีเหนือรายงานอยู่ที่ 68 ราย สื่อรัฐบาลเกาหลีเหนือระบุว่าสถานการณ์ COVID-19 ในเกาหลีเหนือนั้น "คงตัวอย่างเห็นได้ชัด" เพียงแค่ไม่กี่วันหลังจากที่พวกเขาประกาศใช้มาตรการฉุกเฉินในการควบคุมโรคติดต่อ

สื่อรัฐบาลเกาหลีเหนือระบุว่า "อัตราการป่วยและการเสียชีวิตในระดับประเทศลดลงอย่างมากแล้ว และจำนวนผู้ที่หายป่วยก็เพิ่มขึ้น ส่งผลให้มีการป้องกันและควบคุมการแพร่กระจายของโรคติดต่อได้อย่างมีประสิทธิภาพและทำให้อยู่ในสถานการณ์คงตัวอย่างเห็นได้ชัด"

แต่สิ่งที่สื่อรัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานมานี้จริงหรือไม่ มีนักวิเคราะห์จำนวนมากที่กังขาต่อเรื่องนี้ พวกเขาบอกว่ากรณีที่สื่อเกาหลีเหนือรายงานเช่นนี้สะท้อนให้เห็นเพียงว่ามันเป็นเรื่องยากมากเพียงใดที่จะประเมินข้อมูลเกี่ยวกับการระบาดของ COVID-19 ในประเทศที่แยกตัวออกจากสังคมโลกอย่างเกาหลีเหนือ

คริสโตเฟอร์ กรีน ผู้เชี่ยวชาญด้านเกาหลีเหนือจากมหาวิทยาลัยไลเดน ประเทศเนเธอร์แลนด์ กล่าวว่าสถิติจากทางการเกาหลีเหนือนั้น "จริงๆ แล้วเป็นเรื่องเหลวไหล"

กรีนระบุว่า จากที่เกาหลีเหนือไม่มีการตรวจวินิจฉัยโรคอย่างเหมาะสม หน่วยงานของรัฐในระดับล่างๆ ไม่มีแรงจูงใจที่จะรายงานตัวเลขผู้ติดเชื้อหรือผู้เสียชีวิตอย่างจริงจัง ทำให้ไม่ว่ากลุ่มผู้นำระดับสูงของเกาหลีเหนือจะหวังอะไรอยู่ก็ตาม ตัวเลขสถิติเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นเรื่องเหลวไหล

มุนจินซู ผู้ช่วยศาสตราจารย์จากวิทยาลัยแพทย์มหาวิทยาลัยแห่งชาติกรุงโซลยังได้ตั้งคำถามว่า ทำไมตัวเลขผู้เสียชีวิตที่รัฐบาลเกาหลีเหนือรายงานถึงอยู่ที่ร้อยละ 0.002 จากตัวเลขผู้ติดเชื้อทั้งหมด ทำให้เขามองว่าเมื่อพิจารณาในแง่สถิติแล้ว การรายงานตัวเลขรายวันจากทางการเกาหลีเหนือถึงแทบจะไม่เป็นไปตามมาตรฐานสากลเลย และดูเหมือนจะเป็นการรายงานตัวเลขโดยมุ่งเป้าไปที่ผู้รับชมสื่อในเกาหลีเหนือเองเท่านั้น

ก่อนหน้านี้ ทางการเกาหลีใต้และทางการสหรัฐฯ เคยเสนอกับเกาหลีเหนือว่าจะช่วยเหลือแก้ไขปัญหาการระบาดใหญ่ของ COVID-19 รวมถึงจะให้ความช่วยเหลือด้านวัคซีนกับพวกเขาด้วย แต่ทางการเกาหลีเหนือก็ปฏิเสธ

ทางการเกาหลีเหนือระบุว่าพวกเขาได้ทำการแจกจ่ายอาหารและยาทั่วประเทศ มีการวางกำลังแพทย์ทหารเพื่อช่วยเหลือแจกจ่ายยาและทำการตรวจสุขภาพประชาชน นอกจากนี้ยังอ้างว่าทางเกาหลีเหนือได้เพิ่มการผลิตยาที่จำเป็น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ให้รายละเอียดว่าเป็นยาอะไร

หน่วยงานข่าวกรองของเกาหลีใต้เคยพูดถึงเรื่องสถิติผู้ป่วย COVID-19 ที่พวกเขามองว่าบิดเบือนเอาไว้เช่นกันว่า ตัวเลขผู้ป่วย COVID-19 ที่มีการรายงานออกมาจากทางการเกาหลีเหนือนั้นดูเหมือนจะเอาตัวเลขผู้ป่วยโรคอื่นเข้ามาปะปนด้วย จากที่เกาหลีเหนือในตอนนี้กำลังมีเหตุการณ์ที่คนติดโรคระบาดอย่างอื่นซึ่งแพร่กระจายทางน้ำที่ไม่ใช่โรค COVID-19

ทั้งนี้ยังมีรายงานข่าวเรื่องสภาพย่ำแย่ในสถานพยาบาลที่เกาหลีเหนือที่ใช้กักตัวและรักษาผู้ป่วย COVID-19 ซึ่งถึงขั้นส่งผลให้คนท้องหลายคนแท้งลูกเพราะการดูแลรักษาพยาบาลที่ไร้ประสิทธิภาพ

มีแหล่งข่าวจากเกาหลีเหนือที่ไม่ประสงค์ออกนามเพื่อความปลอดภัยของตัวเองเปิดเผยว่าคนที่ถูกระบุจากทางการว่าป่วย COVID-19 นั้นจะถูกนำไปกักตัวไว้ตามโรงแรม, โกดังหรือยุ้งฉาง และสถานที่อื่นๆ ที่ถูกจัดให้เป็นสถานพยาบาลชั่วคราวแบบไม่ได้มีการเตรียมการไว้ก่อน ซึ่งสถานที่เหล่านี้ขาดอุปกรณ์ทางการแพทย์ที่เหมาะสม

แหล่งข่าวยกตัวอย่างกรณีที่รัฐบาลแยกกักตัวผู้คนที่มีอาการแบบ COVID-19 ไว้ที่โรงแรมอันจู โดยมีการคัดแยกผู้คนจากทั้งหมดรวม 200 คน ให้แต่ละคนแยกกันอยู่ตามห้องของตัวเอง และในแต่ละวันจะมีการจัดยาแก้ปวดให้ 2 เม็ด แหล่งข่าวเปิดเผยต่อสื่อเรดิโอฟรีเอเชียว่าในจำนวนผู้ป่วยที่ถูกกักตัวนี้มีจำนวนมากที่เป็นคนท้องที่มีอาการหนัก คนที่ท้องใกล้คลอดมีความเสี่ยงที่จะทำให้เด็กเสียชีวิตหลังคลอดได้เพราะคลอดก่อนกำหนดจากการที่ผู้ตั้งครรภ์ป่วยหนักเกินไปและไม่ได้รับการดูแลรักษาที่ดีพอ นอกจากนี้เจ้าหน้าที่รัฐยังไม่ได้ให้การดูแลเยียวยาใดๆ เป็นพิเศษต่อแม่ที่ต้องสูญเสียลูกของตัวเองไปเพราะเหตุนี้และจะอนุญาตให้พวกเขาออกจากโรงพยาบาลได้เฉพาะเมื่อไม่มีอาการแบบโรค COVID-19 แล้วเท่านั้น

แหล่งข่าวอีกแห่งหนึ่งในเกาหลีเหนือให้สัมภาษณ์ต่อเรดิโอฟรีเอเชียระบุว่า มีผู้ถูกระบุว่าเป็นโรค COVID-19 จำนวน 300 รายถูกคัดแยกกักตัวอยู่ในยุ้งฉางที่นารวมแห่งหนึ่ง ซึ่งรัฐบาลจัดการรักษาแบบแค่ให้ยาแก้ไข้ 2 เม็ดต่อวันกับผู้ป่วย แต่ยานี้ใช้ไม่ได้ผลกับผู้ป่วยที่มีไข้สูงมาก ในจำนวนผู้ป่วยนี้มีคนท้องอยู่ประมาณ 20 ราย หลังจากที่พวกเขาถูกแยกกักตัวเป็นเวลานานกว่า 10 วันภายใต้สภาพแวดล้อมที่เลวร้าย ประสบภาวะแพ้ท้อง มีไข้สูง มีอาการบวม และปวดไปทั่วร่างกาย พวกเขาก็เรียกร้องขอให้มีการรักษาพยาบาลที่ดีกว่านี้

แหล่งข่าวเปิดเผยต่อเรดิโอฟรีเอเชียอีกว่าคนท้องเหล่านี้ได้รับการดูแลรักษาแบบเดียวกับคนอื่นๆ ได้รับอาหารเป็นแค่ข้าวหุงกับข้าวโพดและซุปผักโขมเท่านั้น ไม่มีการรักษาพยาบาลอย่างจริงจัง คนท้องบางคนป่วยหนักจนกินข้าวไม่ได้ ทำให้ลูกของพวกเธอเสียชีวิตในครรภ์

เรียบเรียงจาก

• North Korea says COVID-19 outbreak under control, but analyst says claim 'essentially nonsense', ABC News, 24-05-2022 [2]
• North Korea says no new fever deaths, COVID-19 situation under control, CNA, 24-05-2022 [3]
• Pregnant women with COVID suffer in North Korea’s run-down medical system, Radio Free Asia, 23-05-2022 [4]