ไม่ให้ประกัน 2 สมาชิกทะลุวัง รอบ 5 แม้อาการ ‘บุ้ง’ ทรุดหนัก ศาลอ้างรักษาใน รพ.ราชทัณฑ์ได้
ศาลอาญากรุงเทพใต้ไม่ให้ประกัน 2 นักกิจกรรมกลุ่มทะลุวัง ครั้งที่ 5 ทำให้ทั้ง ‘บุ้ง-ใบปอ’ ถูกขังมาแล้ว 50 วัน และอดอาหารมาแล้ว 22 วัน แม้ก่อนหน้านี้มีข่าวว่า บุ้ง อาการแย่ลง แต่ศาลมองว่า ในเรือนจำมี รพ.และสถานพยาบาล สามารถให้การรักษาได้
23 มิ.ย. 2565 เว็บไซต์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน [1] รายงานวันนี้ (23 มิ.ย.) เวลา 08.41 น. ที่ศาลอาญากรุงเทพใต้ ทนายความได้ยื่นคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว “ใบปอ” (นามสมมติ) และ “บุ้ง” เนติพร (สงวนนามสกุล) นักกิจกรรมกลุ่มทะลุวัง เป็นครั้งที่ 5 ในคดีจากการทำโพลสำรวจความเดือดร้อนจากขบวนเสด็จ ที่บริเวณห้างสยามพารากอน เมื่อวันที่ 8 ก.พ. 2565 โดยขอวางเงินสดเป็นหลักประกันคนละ 200,000 บาท

(ซ้าย) 'บุ้ง' เนติพร และ (ขวา) 'ใบปอ' จากกลุ่มทะลุวัง
ก่อนหน้านี้ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญากรุงเทพใต้ 4 ยื่นฟ้องคดีนี้ เมื่อวันที่ 30 พ.ค.ที่ผ่านมา จากนั้น ศาลมีคำสั่งให้ประกันจำเลย 6 คนระหว่างพิจารณาคดี โดยกำหนดเงื่อนไขติดกำไล EM ห้ามทำกิจกรรมหรือกระทำการใดๆ ในลักษณะเดียวกับที่ถูกฟ้อง อันอาจก่อให้เกิดความเสียหายหรือเสื่อมเสียต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ฯลฯ แต่ไม่ให้ประกันตัวบุ้งและใบปอ ซึ่งก่อนหน้านั้นถูกถอนประกันไปเมื่อวันที่ 3 พ.ค. 2565 แม้พนักงานอัยการจะไม่คัดค้านการปล่อยตัวชั่วคราวจำเลยทั้ง 8 คน
โดยคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราวในครั้งนี้ มีใจความสำคัญ ระบุว่า
1.จำเลยทั้งสองถูกคุมขังอยู่ในทัณฑสถานหญิงกลาง กรุงเทพมหานคร ตั้งแต่วันที่ 3 พ.ค. 2565 ตามหมายขังของศาลอาญากรุงเทพใต้มาเป็นระยะเวลากว่า 50 วันแล้ว และส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ของจำเลยทั้งสอง โดยทั้งสองมีอาการปวดท้อง เวียนหัว ร่างกายอ่อนเพลีย โดยเฉพาะบุ้ง จำเลยที่ 3 ที่มีอาการอาเจียนร่วมด้วยหลายครั้ง ประกอบกับก่อนที่จะถูกคุมขัง แพทย์เฉพาะทางที่รักษาบุ้งเป็นประจำได้วินิจฉัยพบว่าบุ้งมีก้อนเนื้อที่มดลูก ซึ่งมีความจำเป็นจะต้องกินยาเป็นประจำเพื่อช่วยลดความเสี่ยงต่อการที่ก้อนเนื้อดังกล่าวจะกำเริบต่อไป การที่ถูกคุมขังในคดีนี้ทำให้จำเลยไม่สามารถรักษาตัวได้อย่างต่อเนื่อง
เกี่ยวกับการต่อสู้คดีนั้น จำเลยทั้งสองจำเป็นต้องได้ติดต่อขอความยินยอมต่อประจักษ์พยานและพยานบุคคลอื่นด้วยตนเอง เพื่อให้มาเป็นพยานพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของจำเลยในชั้นศาล
2.การที่จำเลยทั้งสองถูกคุมขังมาเป็นระยะเวลากว่า 50 วัน ยังส่งผลต่อการดำเนินชีวิตประจำวันของจำเลยทั้งสอง กล่าวคือ ใบปอ จำเลยที่ 2 ในฐานะนิสิต นักศึกษาประจำวิทยาลัยพัฒนศาสตร์ ป๋วยอึ้งภากรณ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ได้ขาดสอบวัดผลตามกำหนดการที่มหาวิทยาลัยได้จัดขึ้น
อย่างไรก็ตาม ใบปอยังตระหนักถึงความสำคัญของสิทธิในการศึกษาที่จะส่งผลต่ออนาคตของตัวเอง จึงได้ดำเนินเรื่องขออนุญาตภาควิชาในการดำเนินการสอบวัดผลย้อนหลังหากได้รับอนุญาตในการปล่อยตัวชั่วคราว เพื่อเป็นการปกป้องสิทธิของจำเลยไม่ให้ต้องพ้นสภาพนักศึกษา
ในส่วนของบุ้งนั้น ก่อนถูกคุมขังในคดีนี้ บุ้งมีอาชีพรับจ้างสอนพิเศษ เพื่อเลี้ยงดูมารดาของตัวเอง ซึ่งมีอาการป่วยหนัก และมีภาระค่าใช้จ่ายจำนวนมาก หากจำเลยได้รับการปล่อยตัวชั่วคราวย่อมทำให้จำเลยมีโอกาสกลับไปเลี้ยงดูและจัดการค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวเนื่องกับการรักษาโรคของมารดาได้
ทั้งนี้ เพื่อแสดงให้เห็นถึงเจตจำนงของจำเลยทั้ง 2 คน ที่มีความประสงค์ขอปล่อยตัวชั่วคราวเพื่อรักษาอาการเจ็บป่วย และค้นหาพยานหลักฐานมาพิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนเอง รวมถึงสามารถกลับไปสอบวัดผลและศึกษาต่อในสถานศึกษาได้ ตลอดจนกลับไปประกอบอาชีพ เพื่อเลี้ยงดูมารดาได้ จำเลยทั้ง 2 คนได้ให้คำยืนยันว่า หากศาลกำหนดเงื่อนไขให้จำเลยทั้งสองปฏิบัติขณะปล่อยชั่วคราวในระหว่างพิจารณา จำเลยทั้ง 2 คนยินดีปฏิบัติตามเงื่อนไขศาลอย่างเคร่งครัด
หากศาลเกรงว่า จำเลยไม่สามารถปฏิบัติตามเงื่อนไขของศาลซ้ำอีก ก็ขอให้มีคำสั่งอนุญาตปล่อยตัวชั่วคราวโดยมีกำหนดระยะเวลา 60 วัน ซึ่งหากจำเลยไม่สามารถปฏิบัติเงื่อนไขที่ศาลกำหนด ศาลอาจสั่งเพิกถอนประกันหรือไม่อนุญาตให้ประกันจำเลยต่อไปในภายหลัง
ต่อมาในเวลา 11.57 น. เนตรดาว มโนธรรมกิจ รองอธิบดีผู้พิพากษาศาลอาญากรุงเทพใต้ มีคำสั่งยกคำร้องขอปล่อยตัวชั่วคราว ระบุว่า “พิเคราะห์คำร้องประกอบการขอปล่อยตัวชั่วคราวแล้วเห็นว่าการที่จำเลยที่ 2 และ 3 อ้างว่ามีอาการปวดท้อง ร่างกายอ่อนเพลียนั้นเนื่องจากในเรือนจำมีแพทย์และโรงพยาบาลที่สามารถดูแลรักษาอาการดังกล่าวได้ กรณีจึงไม่มีเหตุเปลี่ยนแปลงคำสั่งเดิม ยกคำร้อง”
อย่างไรก็ตาม เมื่อ 22 มิ.ย.ที่ผ่านมา บุ้งมีอาการทรุดหนักจนต้องถูกส่งตัวเข้าสถานพยาบาลกลางดึก อีกทั้งการที่บุ้ง ไม่ได้รักษาก้อนเนื้อในมดลูกจากแพทย์เฉพาะทางอย่างต่อเนื่อง อาจส่งผลต่อสุขภาพของเธอในระยะยาว และการที่ใบปอ ไม่สามารถรักษาสิทธิทางการศึกษาของเธอไว้ได้ อาจส่งผลต่ออนาคตทางการศึกษาของเธอในภายภาคหน้าอีกด้วย
'บุ้ง' อาการแย่ลง
อานนท์ นำภา [2] ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน โพสต์ข้อความเฟซบุ๊กเมื่อ 21 มิ.ย. เผยว่า วันที่ 21 ของการอดอาหารของใบปอ และบุ้ง เมื่อประมาณเที่ยงคืน บุ้งมีอาการแสบท้อง หายใจไม่ออก และแน่นหน้าอก จนต้องเรียกเจ้าหน้าที่ และพาตัวบุ้ง ออกไปสถานพยาบาล ใบปอต้องหิ้วตัวบุ้ง ไปขึ้นรถเข็น ต้องแยกจากกัน ไม่สามารถตามไปได้ แต่ใบปอ บอกให้บุ้ง เข้มแข็งให้ดูแลตัวเอง เมื่อคืนเป็นคืนแรกที่ทั้ง 2 คน ต้องแยกกัน
โพสต์ระบุว่า ช่วงนี้บุ้ง มีอาการอ้วกทุกวัน แต่ไม่ได้เรียกเจ้าหน้าที่ เพราะยืนยันจะปฏิเสธการรักษา แต่เมื่อ 20 มิ.ย.ที่ผ่านมา บุ้งอาการหนักมาก โดยอ้วกตั้งแต่เย็น อ้วกออกมาเยอะมาก แต่ก็มีแต่น้ำกับน้ำย่อย มีอาการแสบท้อง ตอนประมาณห้าทุ่มกว่าๆ ใบปอเรียกเจ้าหน้าที่เป็นชั่วโมง กว่าจะได้ออกไปสถานพยาบาลก็ราวๆ ตีหนึ่ง ตอนนี้ใบปอ เป็นห่วงบุ้ง อยากให้บุ้ง ได้รับการรักษาที่มีประสิทธิภาพ เพราะครั้งที่แล้วไปสถานพยาบาล แล้วได้รับการรักษาโดยแพทย์ที่พูดจาแบบนั้น จึงไม่ไว้วางใจ
บุ้ง สู้มาก แต่ตอนนี้บุ้ง จะไม่ไหวแล้ว ผ่านการยื่นประกันมา 4 ครั้งแล้ว ศาลก็ยังยกคำร้องทั้งหมด
ไม่รู้เลยว่าเขาอยากให้อาการทรุดลงขนาดไหน หวังว่าจะได้รับสิทธิเสรีภาพและได้ออกไปรักษาตัวในเร็ววัน เพราะบุ้ง จะไม่ไหวแล้ว
การต่อสู้ครั้งนี้มันแลกมาด้วยหลายอย่างจริงๆ และไม่รู้ว่าเขาต้องการให้แลกด้วยชีวิตเลยหรือเปล่า