สุริยะใส กตะสิลา

(ภาพจากเว็บไซต์ผู้จัดการ)

นายสุริยะใส กตะศิลา ผู้ประสานงานพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และเลขาฯ ครป. แถลงข่าวจากกรณีที่มีข่าวส่งต่อกันถึงเหตุการณ์ความรุนแรงที่เกิดขึ้นบริเวณหน้าหอประชุมใหญ่ว่า การจัดชุมนุมครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างเกินความคาดหมาย จากเดิมที่วางไว้ 4,000 คนแต่มีคนมาร่วมถึง 15,000 คน 

"หนุ่มหล่อประจำพันธมิตร" (ซึ่งเป็นคำที่สโรชา พรอุดมศักดิ์ พิธีกรประจำเวทีพันธมิตรฯ ใช้กล่าวแทนถึงสุริยะใส กตะศิลา) ได้กล่าวประณามพฤติกรรมการขว้างปาก้อนหิน ขวดน้ำ เข้าไปยังกลุ่มพันธมิตรฯ ว่าเป็นการกระทำที่ใช้ชาวบ้านเป็นเครื่องมือทางการเมือง ที่ป่าเถื่อนเกินไป เห็นได้ชัดว่ากลุ่มที่มาชุมนุมเป็นมวลชนของนายประชา ประสพดี ส.ส.พรรคพลังประชาชน ร่วมกับกลุ่มคนรักทักษิณ และแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ  (นปก.) ชี้ให้เห็นว่าการที่นายประชา ประสพดี ส.ส.สมุทรปราการ พรรคพลังประชาชน  ประกาศยุติการชุมนุมเป็นการจัดฉาก แต่เบื้องหลังได้ใช้แกนนำแถว 2 เข้าปะทะกับกลุ่มพันธมิตร ซึ่งหากเกิดความรุนแรงก็จะปัดความรับผิดชอบ และโยนให้กลุ่มพันธมิตร ซึ่งเป็นเกมที่พรรคการเมืองนี้มีความถนัด

"ขอตั้งสังเกตว่า การที่กลุ่มของนายประชา ไม่หยุดชุมนุม แสดงว่าคำสั่งของ นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ไม่มีอำนาจจริง เป็นเพียงคำสั่งของนอมินีใช่หรือไม่ แค่ห้ามคน 200-300 คนไม่ได้ จะไปทำอะไรได้  ทั้งนี้ยอมรับว่าการเคลื่อนไหวดังกล่าวส่งผลให้มวลชนของพันธมิตรหวาดกลัว ซึ่งเราก็ได้เตรียมมาตรการรักษาความปลอดภัยอย่างดีที่สุดในการเคลื่อนไหว ครั้งต่อไป" นายสุริยะใส กล่าว

นายสุริยะใส กล่าวว่า ทันทีที่ญัตติการแก้ไขรัฐธรรมนูญเข้าสู่สภาผู้แทนราษฎร กลุ่มพันธมิตรก็จะมีความชอบธรรมและจะชัดเจนว่าจะเคลื่อนไหวโดยการชุมนุม เนื่องจากจุดยืนของเราคัดค้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญไม่ว่ามาตราใดๆ เพราะไม่ใช่เรื่องสำคัญ รัฐบาลควรจะแก้ไขปัญหาอื่นของประเทศชาติก่อนที่จะแก้ไข รัฐธรรมนูญ

ผู้สื่อข่าวถึงถามย้ำว่า นี่ถือเป็นการประกาศเตือนใช่หรือไม่ นายสุริยะใส กล่าวว่า ใช่ เป็นการประกาศเตือน ส่วนจะเคลื่อนไหวในรูปแบบใดก็ต้องศึกษารายละเอียดอีกครั้ง

จากกรณีที่มีคนตั้งข้อสังเกตว่า การเคลื่อนไหวที่ผ่านมาเป็นเงื่อนไขของการปฏิวัติรัฐประหาร ซึ่งนายสุริยะใสกล่าวว่า ที่ผ่านมาทหารได้รับบทเรียนมากมาย และเงื่อนไขสถานการณ์ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปมาก พันธมิตรยืนยันว่าจะไม่สนับสนุนการรัฐประหาร และเห็นว่าแนวทางรัฐสภา จะแก้ไขปัญหาสังคมได้ แต่ทั้งนี้รัฐสภาต้องทำงานอย่างมีเหตุมีผล ไม่ใช่ทำงานเพื่อฟอกใครคนใดคนหนึ่ง