Skip to main content
sharethis

ประชาไท-22 มิ.ย. 48 "เมื่อใดที่มีการแปรรูปรัฐวิสาหกิจแล้วส่งให้เอกชน อำนาจแบบผูกขาดที่เกิดขึ้นมันจะไม่กลับมาหารัฐอีกเลย ทั้งที่จริงแล้วรัฐควรดูก่อนว่า ระบบในการปฏิรูปนั้นถูกหรือไม่ที่เอาเอกชนมาผูกขาดเช่นนี้ เขื่อน น้ำ ที่ดินเวนคืนหรือสายส่ง สิ่งพวกนี้รัฐได้อนุมัติให้แปรรูปไปแล้ว และเรากำลังพบว่ามันล้มเหลวในระบบการแปรรูป ที่กลายเป็นการแปรรูปทุจริตไม่ใช่รัฐ วิสาหกิจ ในการถ่ายเททรัพย์สินของประชาชนไปให้เอกชนในการผูกขาด" นายโสภณ สุภาพงษ์ ส.ว.กรุงเทพฯ กล่าวระหว่างงานสัมมนา เรื่อง น้ำมันแพง-ขาดดุลพุ่ง วิเคราะห์ทางออกเศรษฐกิจไทย จัดโดยมหาวิทยาลัยรังสิต

นายโสภณเป็นผู้เปิดโปงแนวทางการแปรรูปรัฐวิสาหกิจของรัฐบาลว่า เป็นการทำร้ายประเทศชาติ ชี้ชัดจากตัวเลขกำไรในตลาดหุ้นของบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) ที่เพิ่มสูงขึ้น 2-3 เท่าตัว เกือบ 4 หมื่นล้านบาทภายใต้การบริหารด้วยระยะเวลาเพียง 1 ปี

นายโสภณ กล่าวต่อว่า ในขณะนี้โครงสร้างของระบบตลาดน้ำมันในประเทศมีปัญหามาก เพราะบริษัท ปตท. จำกัด มหาชน ได้เข้าตลาดหุ้นไปแล้ว 48 % เป็นของต่างชาติและเอกชน ทำให้ทิศทางและนโยบายในการทำงานเปลี่ยนไปตามกฎของตลาดหุ้น ที่ต้องรักษาผลประโยชน์ขององค์กรและรักษาผลกำไรให้สูงสุด มิใช่ทำเพื่อประชาชนอย่างที่แล้วมา

"เราจะเห็นได้จากผลกำไรของปตท. ในปี 46 ผลกำไรอยู่ที่ 24,506 ล้านบาท แต่พอมาในปี 47 กำไรอยู่ที่ 62,666 ล้านบาท เพิ่มขึ้นมาถึง 38,160 ล้านบาท และกำไรจากโรงกลั่น 4 โรงคือ สตาร์ ระยอง ไทยออยล์ และบางจาก ซึ่งในปี 2546 รวมกันแล้วอยู่ที่ 4,090 ล้านบาท แต่พอมาในปี 47 เพิ่มสูงขึ้นถึง 45,917 ล้านบาท คิดเป็นการเพิ่มแล้วอยู่ที่ 1,122 % ซึ่งทั้งหมดนี้ผมคิดว่ามันไม่ยุติธรรม ขณะที่ประชาชนกำลังเดือดร้อน แต่คนบางกลุ่มบางพวกกลับรวยขึ้นจนน่าตกใจ" สว.กรุงเทพฯ กล่าว

ทั้งนี้นายโสภณกล่าวต่ออีกว่า การคิดราคาน้ำมันเช่นกัน รัฐบาลจะอ้างอิงราคาน้ำมันจากทางสิงคโปร์ไม่ได้ เพราะราคาน้ำมันจะเกินและสูงกว่าต้นทุนประมาณ 3 บาทกว่า ต่อ 1 ลิตร ซึ่งในความเป็นจริงแล้วต้องคิดจากราคาน้ำมันกลางของดูไบ ที่จะเป็นราคามาตรฐานกลางมากกว่า

"อย่างเช่นราคาดีเซลที่เพิ่มสูงขึ้นกว่าราคาน้ำมันเมื่อเทียบจากราคามาตรฐานกลางดูไบแล้ว ปัจจุบันเราพบว่า ส่วนต่างของราคาต้นทุนน้ำมันดีเซลสิงคโปร์และดูไบมันอยู่ที่ 3.8 บาทต่อลิตร อีกทั้งราคาของน้ำมันดีเซลสิงคโปร์ยังเพิ่มสูงจากปี 45 ถึง 18 บาท จากเดิมอยู่ที่ 6.5 บาท แต่ของดูไบเพิ่มขึ้นแค่ 13.4 บาท จากเดิม 5.7 บาทต่อลิตร" นายโสภณชี้แจง

สว.กรุงเทพฯ กล่าวเพิ่มเติมในเรื่องของแก้ไขปัญหาในเรื่องน้ำมันขึ้นว่า รัฐบาลควรดูปัญหาทั้งทั้งประเทศในภาพรวม และต้องบอกขนาด ตัวปัญหา และวิธีการแก้ไขได้ อีกทั้งวิธีแก้ไขนี้ต้องต่อการคิดและการทำด้วย

"ในการประหยัดพลังงานเราสามารถจะเอาเงิน 500 หรือ 1,000 มาเผาเป็นเชื้อเพลิงได้ แต่สุดท้ายมันก็จะไม่คุ้ม อย่างเช่นให้ลดการทำงานลง 1 วัน แต่ให้เพิ่มชั่วโมงในการทำงานอีก 4 วันแทน เราก็จะประหยัดพลังงานไปได้ 1 วัน หรือไม่ก็ให้ท่านนายกฯ เลิกรถนำขบวนเสีย เพราะผมเล็งเห็นว่าไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไรและเปลืองน้ำมันอีกด้วย แต่อย่างไรก็ตาม ผมมองว่าการแก้ไขปัญหานั้นควรจะแก้ที่ระบบการผูกขาดในตลาดน้ำมันมากกว่า จะแก้ที่การประหยัด" สว.กรุงเทพฯ กล่าว

นายโสภณกล่าวว่า ถ้ารัฐบาลยังมองปัญหาที่เกิดขึ้นในบ้านเมืองอย่างเกลียดชังและโหดร้าย ประเทศก็จะไปไม่รอด ไม่ว่าจะให้ความรุนแรงก่อนใช้ความจริงหรือสังคมยังมีการคอร์รัปชั่นและการผูกขาด ซึ่งทั้ง 2 อย่างหลังนี้ จะทำให้ประเทศพังพินาศ เพราะการคอร์รัปชั่นนี้จะอยู่ในส่วนที่มีเงินมาก คนรวยได้เงินแต่ผลกระทบที่เกิดขึ้นตามมานั้นจะส่งผลต่อประชาชนคนจน

สิรินภา อิ่มศิริ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net