เมื่อวันที่ 17 กันยายน 2548 ที่ห้องประชุมองค์การบริหารส่วนจังหวัดปัตตานี พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ซึ่งเดินทางมาพบกับพระสงฆ์ในพื้นที่ 5 จังหวัดชายแดนภาคใต้เพื่อรับฟังแนวทางการแก้ปัญหาความไม่สงบ

พล.ต.อ.ชิดชัย กล่าวกับพระสงฆ์ทั้งหมดว่า รัฐบาลมองว่าคนในพื้นที่ไม่มีความขัดแย้งในเรื่องของศาสนา มีแต่กลุ่มคนเล็กๆ ที่ก่อเหตุทำให้มีความขัดแย้งบาดหมางกัน จึงต้องไม่หลงประเด็นของกลุ่มก่อความไม่สงบที่ต้องการยั่วยุให้ชาวพุทธเกิดอคติจะส่งผลให้เรื่องบานปลาย

พระมหาถวิล เขมกโร เจ้าคณะจังหวัดปัตตานี กล่าวในภายหลังว่า การแก้ปัญหาชายแดนภาคใต้ต้องแก้ที่ต้นเหตุ ทุกวันนี้มีแต่คนที่จะคอยเอาตัวรอดและวิ่งหนีปัญหา ทำให้เข้าทางผู้ก่อการร้าย การส่งทหารมาคุ้มกันพระที่ออกบิณฑบาต มีเพียงบางพื้นที่ มาแล้วก็กลับไป ทำให้เสียความรู้สึก

พระสมเกียรติ สุเมโธ วัดห้วยเงาะอำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี กล่าวว่า ขณะนี้ต้องพึ่งตัวเองมากกว่า จะให้พึ่งตำรวจหรือทหารนั้นลำบาก เพราะต่างก็ต้องระวังตัวเองเหมือนกัน อยากให้หน่วยงานหรือผู้ที่เกี่ยวข้องลงมาถามความต้องการว่าพระต้องการอะไร ไม่ใช่จะเอาสิ่งต่างๆ ลงมาให้โดยไม่ได้คำนึงถึงความต้องการของพระ

พระมหาถวิล กล่าวอีกว่า คนในพื้นที่มีอาวุธมากมาย แต่รัฐไม่เคยค้นหาอาวุธเหล่านี้เลย มีแต่คนดีเท่านั้นที่ยินยอมมอบอาวุธให้ ส่วนพวกก่อความไม่สงบไม่ได้มามอบ การแก้ปัญหาเหมือนกับเดินตามพวกก่อความไม่สงบ ทุกวันนี้แนวร่วมมีมากถึง 97 % การประชุมหรือมีความลับคนพวกนี้จะสอดแทรกเข้ามา เพราะเขามีคนอยู่ในทุกรูปแบบ และจะมีการบอกต่อกันไปว่ารัฐจะทำอะไร หรือขยับตัวเขาก็รู้

พระมหาถวิล กล่าวอีกว่า การแก้ปัญหาต้องทำตามพระราโชวาท ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว คือ เข้าใจ เข้าถึง พัฒนา ส่วนเจ้าหน้าที่รัฐจะต้องมีอริยะสัจ 4 คือ ทุกข์ รู้ปัญหาที่เกิดขึ้นว่าเกิดเหตุการณ์อะไร สมุทัย หาต้นเหตุปัญหา นิโรธ ต้องหาวิธีการจัดการกับปัญหา มรรค ต้องมีข้อปฏิบัติในการแก้ไขปัญหาโดยใช้ ศีล สมาธิและปัญญา

พระมหาถวิล กล่าวว่า ชาวชาวพุทธต้องสามัคคีกันโดยให้วัดเป็นแกนนำ ผนึกกำลังแต่ไม่ใช่การต่อต้าน จะได้ช่วยกันเป็นหูเป็นตาปกป้อง เสริมสร้างให้ลูกหลานให้มีความรู้ พัฒนาอาชีพ ทำให้ประชาชนรักถิ่นฐานของตนเอง เมื่อทำเช่นนี้แล้ว ก็จะส่งผลให้ศัตรูภายนอกเข้ามาทำอะไรไม่ได้ เพราะว่าเรามีความเป็นปึกแผ่น