ในขณะเดียวกันทุกๆ ปีเราก็ได้ยินการพยากรณ์ที่ว่า จะมีชาวเอเชียเสียชีวิตเนื่องจากเอชไอวี/เอดส์ เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ เนื่องจากเอดส์ยังคงมีความรุนแรงในการแพร่ระบาดในภูมิภาคนี้ต่อไปเรื่อยๆ
แต่ว่าจะมีใครคิดบ้างหรือไม่ว่ามีโรคๆ หนึ่งที่หลายคนมองข้ามไป และจริงๆ แล้วก็เป็นโรคที่มีความเสี่ยงที่จะเกิดเพิ่มขึ้นอย่างมากและเป็นปัญหาสุขภาพมากกว่าทั้งสองโรคที่ว่านั้นเสียอีก นั่นก็คือ เบาหวาน
เบาหวานนั้นสามารถระบุไว้ล่วงหน้าได้อย่างแน่นอนกว่าไข้หวัดนกเสียอีกว่า จะเป็นโรคที่คร่าชีวิตคนไปนับล้านๆ คน เช่นเดียวกัน การเสียชีวิตอันเกี่ยวเนื่องกับเบาหวานในเอเชียในอีก 2-3 ทศวรรษข้างหน้านี้ก็จะสูงกว่าการเสียชีวิตจากเอชไอวี/เอดส์เสียอีก
จากรายงานที่เพิ่งเปิดเผยออกมาขององค์การอนามัยโลก (WHO) กล่าวว่าในบรรดาโรคเจ็บป่วยเรื้อรังนั้นเบาหวานนั้นมีตัวเลขสูงสุด ปัจจุบันนี้การเสียชีวิตจากเบาหวานคิดเป็นสองเท่าของการเสียชีวิตจากโรคติดเชื้อต่างๆ (รวมทั้ง เอชไอวี) ครรภ์เป็นพิษ และโรคทุพโภชนาการรวมกัน
ในรายงานชื่อ "Prevention Chronic Disease: A Vital Investment" (การป้องกันโรคเรื้อรัง :การลงทุนกับชีวิต) ก็ได้ชี้ว่า แนวโน้มเช่นนี้จะยังคงดำเนินต่อไป
ในทศวรรษหน้า จำนวนคนที่เป็นโรคเบาหวานในโลกนี้จะเพิ่มขึ้นอีกหนึ่งในสี่ เนื่องจากโรคอ้วนและการเคลื่อนไหวน้อย โรคนี้อาจยังเป็นสาเหตุที่จะทำให้ การประมาณอายุของคนลดลงเป็นครั้งแรกในรอบกว่า 200 ปี และที่เจอปัญหานี้มากที่สุดก็ไม่มีที่ใดเกินเอเชีย
ปัจจุบันมีประชากรกว่า 90 ล้านคนในเอเชียเป็นเบาหวาน และเอเชียก็เป็นอาศัยของประชากรที่เป็นเบาหวานสูงสุด 4 ใน 5 แห่งของผู้เป็นที่เบาหวานมากที่สุดในโลกอาศัยอยู่ นั่นคือ อินเดียมีคนที่เป็นเบาหวาน 33 ล้านคน จีน 23 ล้านคน ปากีสถาน 9 ล้านคน และ ญี่ปุ่น 7 ล้านคน
จากการประมาณการของ WHO ประชากรที่เป็นเบาหวานในโลกนี้จะเพิ่มขึ้นเป็นกว่า 200 ล้านคนในปี 2010 และเป็น 330 ล้านคนในปี 2025 ภาระในเอเชียก็จะเพิ่มขึ้น ทั้งนี้เนื่องจากภายในอีกไม่ถึงทศวรรษ จะมีผู้ป่วยโรคเบาหวานร้อยละ 60 ของจำนวนผู้ป่วยเบาหวานในโลกนี้จะอยู่ที่เอเชีย
ดังนั้น เอเชียไม่ควรที่จะนิ่งนอนใจในเรื่องนี้ เพราะอันที่จริงแล้วเบาหวานนั้นเป็นโรคที่รักษาได้ ทว่าการขาดการเข้าถึงการรักษา หรือ การเข้าถึงการรักษาอย่างจำกัดนั้นเป็นสาเหตุหลักที่ทำให้ผู้คนต้องตายไปก่อนกำหนด
บางครั้งแม้ว่าจะได้รับการรักษา แต่เบาหวานก็อาจสามารถคร่าชีวิตคนไปได้ก่อนกำหนด รวมทั้งขโมยคุณภาพชีวิตของมนุษย์ไป และยังสร้างปัญหาในเรื่องของทรัพยากรอย่างเห็นได้ชัด
มีความเข้าใจที่ผิดๆ อยู่ว่าโรคเบาหวานนั้นไม่ใช่โรคที่เป็นแล้วตาย ด้วยว่าความตายนั้นมาจากความซับซ้อนของอาการต่างๆมากกว่าจากตัวโรคเอง แต่ว่า เบาหวานนั้นทำให้คนอยู่ในภาวะเสี่ยงต่อโรคอื่นๆ มากมาย และทำให้ตายก่อนวัยอันควร เนื่องจากได้เป็นสาเหตุให้เนื้อเยื่อต่างๆของร่างกายถูกทำลายลงไป เพิ่มการอุดตันของเส้นเลือดในสมอง โรคหัวใจ ไตวาย ตาบอด ติดเชื้ออื่นๆได้ง่าย และต้องถูกตัดขาเนื่องจากสูญเสียระบบการไหวเวียนโลหิต
เบาหวานคืบคลานเข้ามาสู่เอเชียพร้อมกับความก้าวหน้าในการทำประเทศให้เป็นอย่างตะวันตก ซึ่งมีการรับเอาอาหารที่มีไขมันสูงและวิถีชีวิตที่นั่งอยู่กับที่มากๆ เข้ามา เบาหวานชนิดไม่พึ่งอินซูลิน (ประเภท 2 ) ซึ่งปกติแล้วในส่วนอื่นๆของโลกนั้นจะพบในวัยผู้ใหญ่ตอนปลายแต่ว่ากลับเริ่มพบในเด็กในเอเชีย
เนื่องจากกลัวว่าจะขาดแคลนทรัพยากรทางด้านสุขภาพ เอเชียล้มเหลวในการเตรียมการที่จะรับมือกับเบาหวานอย่างมีประสิทธิภาพ และดูเหมือนว่าจะไขว้เขวไปให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาเฉพาะหน้าอย่างไข้หวัดนก ซึ่งถูกหยิบยกขึ้นมาโดยประเทศอื่นๆ นอกภูมิภาค
นอกจากนั้นดูเหมือนว่ารัฐบาลเองหรือในระดับผู้บริหารด้านสาธารณสุขในเอเชียก็ขาดความตระหนักต่อปัญหานี้ และไม่ได้ใส่ใจถึงความเป็นไปได้ที่จะมีการเพิ่มขึ้นของโรคอ้วนและเบาหวานในอนาคต รวมทั้งประเด็นสำคัญอื่นๆ ที่จะมาพร้อมกับเบาหวานและโรคอ้วนด้วย
หากว่าสถานการณ์นี้ยังไม่ได้รับการแก้ไข เอเชียจะประสบกับปัญหาใหญ่เกี่ยวกับภาระทางเศรษฐกิจแน่ ทั้งจากการดูแลรักษาโดยตรง และจากการที่ความสามารถในผลิตภาพลดลงในที่ทำงาน นอกจากนั้นยังจะมีความสูญเสียอันเกิดจากความเจ็บป่วยและการตายก่อนวันอันควรด้วย
โรคเบาหวานจะทำให้งบประมาณของชาติในเอเชียถึงขั้นเป็นง่อยได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประเทศที่กำลังพัฒนา เบาหวานนั้นจะสร้างความสูญเสียในทางเศรษฐกิจเอเชียอย่างมหาศาลคาดว่าจะสูงถึง 5 แสนล้านเหรียญสหรัฐฯ หรือ 2 ล้านล้านบาท ในทศวรรษหน้าเนื่องจากการสูญเสียผลิตภาพในการทำงานและการตายก่อนวัยอันควร
ศาสตรจารย์พอล ซิมเม็ต ผู้อำนวยการสถาบันโรคเบาหวานนานาชาติ และหัวหน้าศูนย์ความร่วมมือองค์การอนามัยโลกด้านการระบาดวิทยาของโรคเบาหวาน ซึ่งได้เข้ามาร่วมประชุมสมาพันธ์เบาหวานนานาชาติเพื่อเอเชีย ครั้งที่ 6 ที่กรุงเทพฯ เมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาได้เขียนไว้ในบทความที่ตีพิมพ์ใน เดอะ เจแปน ไทม์ว่า เขาคาดว่า หากมีการเขียนประวัติศาสตร์ในรอบศตวรรษว่าโรคที่ได้คร่าชีวิตคนในภูมิภาคเอเชียไปมากที่สุดนั้นคงจะเป็น เบาหวาน หาใช่ไข้หวัดนกหรือ เอเชไอวี ไม่
อย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่า หากไข้หวัดนกนั้นเป็นเรื่องที่ร้ายแรงถึงขั้นที่จะต้องนำมาพูดถึงในที่ประชุมเอเปคที่จะมาถึง การประชุมเช่นเดียวกันนี้เรื่องเบาหวานนั้นก็ควรเป็นเรื่องที่ต้องทำมาตั้งนานแล้ว
เบาหวานควรจะถูกพูดถึงในแนวทางที่มีนัยสำคัญในเอเชีย เพราะว่าเบาหวานนั้นเป็นฆาตกรที่มีศักยภาพที่จะคร่าชีวิตมนุษย์นับล้านๆ ชีวิตที่เราไม่ได้เตรียมการเพื่อจะรับมือกับมัน
...................................................
ที่มา : The Japan Times
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)