ทั้งนี้ คนร้ายใช้ยุทธวิธีสังหารอันดับ 1 โดยใช้มือสังหารซ้อนท้ายรถมอเตอร์ไซค์ปฏิบัติการล่ายิงเหยื่อมากที่สุด 1,486 ครั้ง หรือคิดเป็นร้อยละ 42 ยุทธวิธีอันดับ 2 เป็นการวางเพลิง 736 ครั้ง หรือคิดเป็นร้อยละ 20 อันดับ 3 เป็นการวางและขว้างระเบิดจำนวน 510 ครั้ง หรือคิดเป็นร้อยละ 14 นอกจากนั้น เป็นการก่อกวนและสร้างสถานการณ์ เช่น การวางตะปูเรือใบ พ่นสีตามที่สาธารณะ การทุบทำลายเสาหลักกิโลเมตร การทำลายข้าวของ 331 ครั้ง หรือคิดเป็นร้อยละ 9 ถัดมาเป็นการบุกโจมตีเข้าปะทะและปล้นอาวุธ จำนวน 145 ครั้ง แต่เหตุการณ์สำคัญที่สร้างความสะเทือนขวัญ คือ การฆ่าโดยวิธีการตัดคอ ซึ่งมีจำนวนทั้งสิ้น 16 ครั้ง
รองคณบดีคณะรัฐศาสตร์ มอ.ปัตตานี กล่าวเพิ่มเติมว่า จากผลงานวิจัยพบว่า มีผู้นับถือศาสนาอิสลามเสียชีวิตจากเหตุไม่สงบจำนวน 607 ราย หรือคิดเป็น 51.7 ซึ่งมากกว่าผู้นับถือศาสนาพุทธ ที่เสียชีวิตจำนวน 538 ราย หรือร้อยละ 45.8 ส่วนที่เหลืออีกร้อยละ 2.5 ไม่สามารถระบุศาสนาได้ โดยผู้เสียชีวิตส่วนใหญ่จะเป็นประชาชนทั่วไป รองลงมาได้แก่ กลุ่มข้าราชการ ตำรวจ ทหาร ส่วนที่เหลือจะเป็นลูกจ้าง คนงานของหน่วยงานราชการ และภาคเอกชน และกลุ่มสุดท้ายคือ กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้าน และสารวัตรกำนัน ที่เป็นเหยื่อความรุนแรงจำนวน 60 คน ในปี 2547 และเพิ่มอีก 77 คน ในปี 2548 สำหรับข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา มีครูเสียชีวิตรวม 44 คน และได้รับบาดเจ็บ 36 คน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)