Skip to main content
sharethis

กกต.ฝืนกระแสไล่ นัดตัวแทนพรรคการเมือง ศาลรัฐธรรมนูญ ครม. ถก 15 พ.ค. หาวันเลือกตั้งใหม่เพื่อทำหน้าที่ต่อ วอนอย่าหาคนรับผิดชอบ "จมูกชมพู่" โดดป้องสุดตัว กกต.ผิดอะไร "บวรศักดิ์" พลิกลิ้น แม้ กกต.ลาออกก็ไม่เกิดเดดล็อก ด้าน "หมอประเวศ" ชี้ ถ้าเป็น กกต.เสียเองก็ไม่อยู่แล้ว


 


กกต. ด้านกระแสไล่ อ้อนขอความร่วมมือทุกพรรค ครม.และศาล รธน.


วันที่ 10 พ.ค. พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ ประธานคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) เปิดเผยว่า มอบหมายให้นายปริญญา นาคฉัตรีย์ นัดหมายพรรคการเมืองทุกพรรค เลขาธิการสำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ และเลขาธิการคณะรัฐมนตรี มาประชุมหาทางออกของปัญหา และกำหนดกรอบระยะเวลาวันเลือกตั้งใหม่ ในวันจันทร์ที่ 15 พ.ค. นี้


 


นายปริญญา กกต.ในฐานะผู้ประสานงานการหารือ ได้เรียกร้องให้หัวหน้าพรรคทุกพรรคเข้าร่วมหารือเพื่อให้ข้อเสนอแนะถึงการกำหนดวันเลือกตั้ง เนื่องจากเกรงว่าหากพรรคการเมืองต่าง ๆ ปฏิเสธที่จะหารืออาจเกิดปัญหาเช่นเดียวกับที่เกิดขึ้นในการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา ซึ่งขณะนี้ กกต. ยังไม่กำหนดวันเลือกตั้งว่าควรเป็นช่วงใด แต่รอฟังข้อเสนอของทุกพรรคการเมือง


 


อย่างไรก็ตามนายปริญญาปฏิเสธที่จะให้ความชัดเจนถึงการลาออกจากตำแหน่งของ กกต. ที่มีการเรียกร้องให้แสดงความรับผิดชอบกรณีจัดการเลือกตั้งไม่ชอบด้วยรัฐธรรมนูญ โดยศาลตัดสินให้การเลือกตั้งเมื่อวันที่ 2 เม.ย. ที่ผ่านมาเป็นโมฆะและเรียกร้องให้ทุกฝ่ายร่วมมือกันในการแก้ไขปัญหา โดยไม่ควรชี้ว่าฝ่ายใดต้องเป็นผู้รับผิดชอบ


 


"บวรศักดิ์"  เลิกขู่ ยอมรับ กกต.ลาออกไม่เกิดเดดล็อก


ด้านนายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ เลขาธิการคณะรัฐมนตรี ซึ่งเคยออกมาระบุก่อนหน้านี้ว่า หาก กกต.ลาออกจะเกิดเดดล็อกการเมือง วันนี้กล่าวกลับลำว่า เกี่ยวกับความเห็นของศาลฏีกาที่ออกแถลงการณ์ให้ กกต.ลาออกเพื่ออาศัยช่องทางตามรัฐธรรมนูญมาตรา 138(3) เสนอชื่อผู้ที่สังคมยอมรับมาเป็น กกต.จำนวน 10 คนและให้วุฒิสภารับรอง 5 คน  นั้น เคยชี้แจงไปแล้วว่ากรณีนี้จะทำให้เกิดเดดล็อก


 


โดยพิจารณาจากกรณีที่ นายจรัล บูรณพันธ์ศรี กกต.ถึงแก่อนิจกรรม ได้มีการสรรหา กกต. ปรากฎว่าช่วงนั้นได้มีหนังสือจากนายสุชน ชาลีเครือ ประธานวุฒิสภา ( แสดงหนังสือให้สื่อมวลชนดู) เสนอถึงนายกรัฐมนตรีให้แก้รัฐธรรมนูญ เพราะติดปัญหาไม่สามารถสรรหา กกต. ได้ด้วยเหตุว่า องค์ประกอบคณะกรรมการสรรหาไม่ครบ เพราะไม่มีประธานศาลรัฐธรรมนูญ


                      


ครั้งนั้นประธานศาลปกครองซึ่งทำหน้าที่เป็นประธานกรรมการสรรหาก็ทำหนังสือถึงประธานวุฒิสภา ชี้แจงว่า องค์ประกอบกรรมการสรรหาไม่ครบแต่กำหนดเวลาการสรรหาครั้งนั้นครบวันที่ 7 ธันวาคม 2548 แล้ว ฉะนั้นกรรมการสรรหาทำหน้าที่ไม่ได้ ประธานสว.จึงทำหนังสือถึงนายกรัฐมนตรีว่าใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 138 ( 3) ไม่ได้ เพราะเหตุว่าต้องมีกรรมการสรรหาก่อน และกรรมการสรรหาก็ทำงานไม่เสร็จภายใน 30 วัน


 


"แต่มาบัดนี้ ได้เห็นกันว่า ใช้รัฐธรรมนูญมาตรา 138 ( 3 ) ได้ และผู้ที่มีความเห็นเช่นนั้นเป็นผู้มีอำนาจวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญ ไม่เกิดเดดล็อก ก็ไม่ต้องแก้รัฐธรรมนูญด้วย ถ้าไม่มีปัญหาก็ทำไปเมื่อองค์กรที่มีอำนาจวินิจฉัยตามรัฐธรรมนูญพิจารณาเช่นนั้นแล้ว ก็ดำเนินการได้ แสดงว่าจดหมายของ สว. ที่เสนอให้ ครม.แก้รัฐธรรมนูญก็ไม่ต้องใช้" นายบวรศักดิ์ กล่าวชี้แจง


         


ทั้งนี้ สว.ชุดเก่าต้องรักษาการต่อไป จนกว่าสว.ชุดใหม่เข้ารับหน้าที่เมื่อปฏิญาณตนแล้ว โดยชุดเก่าก็ต้องทำหน้าที่อย่างจำกัดในเรื่องการแต่งตั้ง ถอดถอนเท่านั้น ส่วนการแก้ไขกฎหมายทำไม่ได้


         


อย่างไรก็ตาม นายบวรศักดิ์ยืนยันว่า กกต.ต้องลาออกหรือไม่เป็นดุลยพินิจอิสระของ กกต. แต่คำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญไม่ทำตามไม่ได้ ตราบใดที่เป็นองค์กรตามรัฐธรรมนูญและเป็นองค์กรของรัฐอยู่ และเมื่อศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยเด็ดขาดก็ต้องทำตาม


      


พีเน็ต จี้ กกต.ลาออก จับตาอาจดื้อมติศาลคุมเลือกตั้งใหม่


รศ.สมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้ประสานงานเครือข่ายพีเน็ตเฉพาะกิจ กล่าวในวันเดียวกันว่า ตามที่ ศาลรัฐธรรมนูญ ได้มีคำวินิจฉัยกลาง ชี้ประเด็นสำคัญ  การกำหนดวันเลือกตั้งในเวลา 37 วัน ทำให้มีผลกระทบต่อหลักการของรัฐธรรมนูญในด้านความเที่ยงธรรมของการเลือกตั้ง และการจัดหันคูหาเลือกตั้ง มีผลทำให้การเลือกตั้งไม่เป็นความลับขัดกับรัฐธรรมนูญ


 


ในรายละเอียดของคำวินิจฉัยกลางส่อข้อความในทำนองว่าเหตุของการดำเนินการทั้งสองกรณีนั้น กกต. ได้ดำเนินการตามขั้นตอนของกฎหมายและเป็นไปโดยสุจริต แต่รศ.สมชัยมีความเห็นว่า ผลของคำวินิจฉัยกลางจะเป็นเหตุให้ กกต.นำไปเป็นข้ออ้างว่าความผิดทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น เป็นความบกพร่องโดยสุจริตและอ้างเหตุความจำเป็นในการจัดการเลือกตั้งใหม่ต่อไป


 


ทั้งนี้ กกต.ไม่ควรนำคำวินิจฉัยดังกล่าวมาอ้าง เนื่องจากผลความเสียหายที่เกิดขึ้นมีทั้งด้านความล่าช้าในการให้ได้มาซึ่งรัฐบาลในการบริหารประเทศ และความเสียหายด้านงบประมาณเมื่อรวมค่าใช้จ่ายของผู้สมัครและประชาชนแล้วก็มากกว่า 3,000 ล้านบาท กกต.ในฐานะผู้จัดการเลือกตั้งต้องแสดงความรับผิดชอบ เพราะเป็นผู้มีประสบการณ์ในการจัดการเลือกตั้งควรรู้ดีว่าดำเนินการอย่างไรจะเป็นปัญหา อย่างไรไม่เป็นปัญหา และสมควรยอมรับผิดด้วยการลาออก มิฉะนั้นจะเกิดปัญหาการไม่ยอมรับจากประชาชน


        


นักศึกษาออกโรงอีกครั้ง แถลงการณ์ขอให้ กกต.ลาออก


สหพันธ์นิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย หรือ สนนท. องค์การนักศึกษามหาวิทยาลัยรามคำแหง หรือ อศมร. และกลุ่มนักศึกษานิด้าเพื่อประชาธิปไตย เดินทางมายังสำนักงาน กกต. เพื่อยื่นแถลงการณ์เรียกร้องให้ กกต. พิจารณาตัวเองด้วยการลาออกจากตำแหน่ง เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อความเสียหายที่เกิดขึ้น


 


แถลงการณ์ระบุอีกว่า  ที่ผ่านมาการทำหน้าที่ของ กกต. ได้สร้างวิกฤติศรัทธาจากประชาชนต่อองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ขาดความเป็นอิสระทางการเมือง หาก กกต. ชุดปัจจุบันไม่ลาออกภายในวันที่ 15 พ.ค. สนนท.จะประชุมเพื่อกำหนดท่าทีในวันที่ 16 พ.ค. คาดว่าจะมีการชุมนุมเพื่อกดดัน กกต. ต่อไป


 


"หมอประเวศ" บอกไม่ชอบกดดันใครแต่หากเป็น กกต.ลาออกไปนานแล้ว


นพ.ประเวศ วะสี ราษฎรอาวุโส กล่าวว่า หากมีการลาออกของ กกต. การเลือกตั้งใหม่ต้องให้ดีกว่าเดิม แต่หากไม่ลาออกต้องมีกลไกอื่นเข้ามาผสม เช่น ศาล องค์กรกลาง เพื่อเป็นการรับประกันความน่าเชื่อถือ ถ้าหากทำวิธีอะไรแล้วสังคมยังไม่เชื่อถือ ขอเสนอให้นายกรัฐมนตรีตั้งคณะกรรมการอิสระตรวจสอบการเลือกตั้ง โดยเชิญผู้ที่เป็นกลาง มีอิสระ และสังคมให้ความเชื่อถือ มาเป็นประธาน เพื่อเลือกคณะกรรมการมาทำงาน โดยรัฐบาลให้ทั้งงบประมาณและอำนาจในการตรวจสอบ ประชาชนจะได้เชื่อใจในกระบวนการเลือกตั้งมากขึ้น


         


ส่วนการที่มีการเสนอให้ กกต.ลาออกเพื่อรับผิดชอบเรื่องที่เกิดขึ้นนั้น ไม่ชอบวิธีกดดันใคร เพราะเชื่อในเรื่องจิตสำนึกมากกว่า หากทำแล้วคนไม่เชื่อถือเขาก็ดูถูก ถ้าเป็น กกต.ลาออกดีกว่า เพราะมีเกียรติกว่าการอยู่ไปให้เขาดูถูก แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเรียกร้องให้ กกต.ลาออก เพียงแต่หากสภาพการณ์ยังเป็นอยู่อย่างนี้และยังไม่มีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบการเลือกตั้งก็อาจจะมีปัญหาเหมือนการเลือกตั้งที่ผ่านมา


                             


"จมูกชมพู่" ป้อง กกต.สุดตัว


นายสมัคร สุนทรเวช ส.ว.กทม. กล่าวถึงที่ กกต. ถูกกดดันให้แสดงความรับผิดชอบด้วยการลาออกว่า ทำไมต้องกดดัน มีความผิดอะไรร้ายแรง แม้แต่ศาลยังไม่กล้าไปสั่งให้ กกต. ลาออก สือมวลชนชอบแส่ไปถามคนนั้นคนนี้ ขนาดอาจารย์อยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ ยังมาด่า กกต. ที่กรุงเทพฯ มารุมกินโต๊ะ


 


นายสมัครยังได้ยกตัวอย่างประเทศอังกฤษด้วยว่า เวลาประกาศยุบสภาก็เลือกตั้งภายใน 30 วัน แต่ไม่เห็นมีใครว่าอะไร แต่สื่อประเทศไทยแส่ว่าไม่มีเหตุ ทั้งๆที่ยุบสภานั้นคนยุบเสียเปรียบเพราะนายกรัฐมนตรีถูกกลุ่มพันธมิตรฯด่ามาเป็นเดือน สื่อก็เฮโรเล่นกันไป คนปลุกระดมเป็นแค่ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์ และผู้จัดรายการเท่านั้น แต่นายกรัฐมนตรีมาจากการเลือกตั้ง ได้รับการโปรดเกล้าฯ เป็นนายกรัฐมนตรีเข้ามาบริหารบ้านเมือง จะผิดชอบชั่วดีก็ควรไปศาล


 


นอกจากนี้ที่พูดกันถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวเกี่ยวกับการเลือกตั้งพรรคเดียวไม่เป็นประชาธิปไตย อยากถามว่าเข้าใจแค่ไหน เพราะพระองค์ท่านมีรับสั่งเรื่อง 20 เปอร์เซ็นต์ไว้ด้วย ถึงเวลาที่ต้องพูดบ้างแล้วเพื่อรักษาบ้านเมืองเหมือนกัน

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net