เมื่อวันที่ 11 พ.ค. 2549 นาย
"ผมได้รับทราบข่าวเรื่องดังกล่าว ก็รู้สึกแปลกใจว่าทำไมอยู่ๆ กกต.จึงมีความคิดที่จะเชิญผมไปเข้าร่วมประชุมด้วย ตอนแรกคิดว่าอาจจะเชิญหารือถึงผลคำวินิจฉัยกลางที่ออกมา แต่มาคิดอีกทีคำวินิจฉัยก็น่าจะชัดเจนอยู่แล้วคงไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในการทำความเข้าใจ อีกทั้งในข่าวที่รับทราบว่าจะมีการเชิญตัวแทนจากพรรคการเมืองต่างๆ และเลขาธิการคณะรัฐมนตรีเข้าร่วมประชุม ถ้าเป็นอย่างนี้คิดว่าตัวผมนั้นคงไม่น่าจะมีส่วนเกี่ยวข้อง เพราะศาลรัฐธรรมนูญเราไม่ใช่หน่วยงานธุระการที่จะไปร่วมกำหนดหรือไปชี้ขาดกับองค์กรใดๆ ได้ จุดหนึ่งผมคิดว่ามันพ้นภาระหน้าที่ความรับผิดชอบ และเรื่องดังกล่าวเป็นเรื่องที่เกินขอบเขตอำนาจหน้าที่ของเราที่มีอยู่ ดังนั้นหากมีการติดต่อโดยตรงมายังผม ก็คงจะต้องตอบปฎิเสธการเข้าร่วมร่วมประชุมตามวันเวลาดังกล่าวอย่างแน่นอน"นายไพบูลย์กล่าว
ด้านพรรคประชาธิปัตย์ นาย
"ได้หารือกับพรรคชาติไทยและพรรคมหาชน พรรคจึงจะไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมหารือในวันที่ 15 พฤษภาคม เพื่อกำหนดการเลือกตั้ง แต่ทั้งหมดนี้ไม่ใช่ว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เคารพกติกาหรือไม่ให้ความสำคัญแก่ กกต. แต่พรรคให้ความสำคัญแก่สถาบัน กกต. และมีความเห็นว่า กกต.ยังเป็นองค์กรที่จำเป็นต่อการจัดการเลือกตั้งให้บริสุทธิ์ยุติธรรมและไม่มีปัญหาเป็นการส่วนตัวกับตัวบุคคล แต่ต้องการเห็น กกต.ในชุดที่จะอำนวยความบริสุทธิ์ยุติธรรมในการเลือกตั้งได้ตามที่ศาลฎีกาได้แถลงไว้ และพร้อมจะให้ความร่วมมือหากเป็นเช่นนี้"
อย่างไรก็ตาม หากการประชุมหารือเพื่อกำหนดวันเลือกตั้งมีเพียง กกต.และพรรคไทยรักไทยเท่านั้น พรรคประชาธิปัตย์ยังคงยืนยันที่จะส่งผู้สมัคร เพียงแต่เห็นว่า ผู้ที่จะจัดการเลือกตั้งควรถือแนวทางของศาลที่ประกาศออกมาก่อนหน้านี้ เพราะทุกฝ่ายบอกว่าน้อมจะรับแนวทางของศาล นอกเหนือจากพระราชดำรัสที่เทิดทูนไว้เหนือเกล้าแล้ว และเมื่อศาลบอกว่าพร้อมจะเข้ามาสรรหา กกต.ชุดใหม่ ก็ถือเป็นแนวทางที่พรรคประชาธิปัตย์ยึดถือ หากพรรคประชาธิปัตย์เห็นว่ามีคณะกรรมการที่พรรคมั่นใจว่าจะอำนวยความสะดวกยุติธรรมให้ได้ก็จะเป็นที่ยอมรับและแก้วิกฤตการเมืองได้ แทนที่อาจจะนำไปสู่วิกฤต
ด้านนาย
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)