Skip to main content
sharethis

กลุ่มเครือข่ายชาติพันธุ์ออกมาย้ำมีมูลความจริง กรณีนักศึกษาชนเผ่าร้องเรียนถูกหลอกมาเรียน อ้างพี่น้องชนเผ่าถูกหลอกมาหลายครั้งแล้ว พร้อมขอให้อธิการบดี มรภ.เชียงรายตั้งคณะกรรมการสอบสวนพฤติกรรมของ ผอ.สถาบันชาติพันธุ์ศึกษาฯ ในขณะที่เครือข่ายเด็กเหนือร่วมประณาม ทำให้ระบบการศึกษาไทยถดถอย


นายอนุพงศ์ สิริพงศ์วานิช กองเลขาเครือข่ายวัฒนธรรมลาหู่ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า จากกรณีที่นักศึกษาชาติพันธุ์ทั้ง 15 คนออกมาร้องเรียนว่าถูกนายสมบัติ บุญคำเยือง ผอ.สถาบันชาติพันธุ์ศึกษาและสันติศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย (มรภ.เชียงราย) หลอกให้มาเรียนในโปรแกรมวิชาเอกชาติพันธุ์ศึกษาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยอ้างว่าจะมีทุนการศึกษาให้เรียนฟรีจนจบในระดับอุดมศึกษา แต่ไม่ได้รับทุนการศึกษาแต่อย่างใดนั้น ตนเชื่อว่ามีมูลความจริง เพราะได้มีโอกาสสอบถามกับตัวนักศึกษากลุ่มนี้แล้วว่าเป็นเรื่องจริง อีกทั้งที่ผ่านมา ผอ.สถาบันชาติพันธุ์คนนี้มีพฤติกรรมเหมือนครั้งก่อนๆ ซึ่งคนที่ได้ทำงานใกล้ชิดมาก่อนจะรู้ในเรื่องนี้ดี


"ล่าสุด พ่อหลวงจะนุ แก่แล ซึ่งเป็นผู้อาวุโสชนเผ่าลาหู่ และเป็นรองประธานเครือข่ายผู้รู้ เคยไปเข้าช่วร่วมมือกับ อ.สมบัติ ในการริเริ่มก่อตั้งศูนย์ชาติพันธุ์ ใน มภร.เชียงราย ตั้งแต่เริ่มต้น ได้เล่าให้ฟังว่า อ.สมบัติได้ใช้ชนเผ่าลาหู่เป็นกลุ่มเป้าหมายแรก พยายามใช้เงื่อนไขเดิมๆ คือ จะให้เด็กชนเผ่าเข้าเรียนโดยมีทุนการศึกษาให้ พร้อมกับมีที่พักให้ฟรี แต่ทำไปทำมา กลับไม่มีความชัดเจน มีการสร้างที่พักขึ้นจริง แต่ชาวบ้านต้องเสียค่าใช้จ่าย ซึ่งพ่อหลวงจะนุ บอกว่าต้องหมดเงินไปเกือบสองหมื่นบาท หนำซ้ำยังไม่มีการดูแลบ้านพัก จนปล่อยให้บ้านพักหลังดังกล่าวผุพังใช้การไม่ได้ และตอนนี้ยังทราบข่าวมาว่า ไปรับปากว่าจะสร้างบ้านพักให้กับกลุ่มนักศึกษาเผ่าลัวะ แต่ก็ไม่ได้สร้างแต่อย่างใดอีก"


นายอนุพงศ์ กล่าวย้ำว่า อยากขอให้ทาง ผอ.สถาบันชาติพันธุ์ฯ ได้ออกมาชี้แจง ออกมาตอบคำถามให้สังคมได้รับรู้ เพราะเรื่องดังกล่าวมันกระทบต่อกลุ่มชาติพันธุ์และระบบการศึกษาของไทยโดยตรง


ด้านนายวิวัฒน์ ตามี่ ผู้ประสานงานศูนย์ปฏิบัติการร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาบุคคลบนพื้นที่สูง(ศปส.) กล่าวว่าจากพฤติกรรมดังกล่าวของ นายสมบัติ บุญคำเยือง ผอ.สถาบันชาติพันธุ์ฯ คนนี้แล้ว จะเห็นได้ว่ามีความพยายามจะใช้กลุ่มชาติพันธุ์เป็นเครื่องมือหลอกเข้ามาเรียนเพื่อหวังตัวเองจะสร้างสถาบันชาติพันธุ์ศึกษาและสันติศึกษา มรภ.เชียงราย ซึ่งกลุ่มชาติพันธุ์นั้นถูกหลอกมาครั้งแล้ว แม้กระทั่งมีการอ้างตั้งเครือข่ายผู้รู้ ดึงปราชญ์ผู้รู้แต่ละชนเผ่าเข้ามามีส่วนร่วม แต่จริงๆ แล้วชาวบ้านและเครือข่ายผู้รู้ไม่ได้มีส่วนร่วมในเรื่องทิศทางหรือการพัฒนาหลักสูตร แต่กลับสร้างชื่อเสียงให้กับตัว ผอ.สถาบันชาติพันธุ์ฯ คนเดียว โดยดูได้จากการไปศึกษาดูงานที่ต่างประเทศบ่อยครั้ง


"ดังนั้น ทางศูนย์ปฏิบัติการร่วมเพื่อแก้ไขปัญหาบุคคลบนพื้นที่สูงและเครือข่ายชาติพันธุ์ฯ จึงขอเรียกร้องให้อธิการบดี มรภ.เชียงราย รีบเข้ามาดำเนินการแก้ไขปัญหาโดยเร่งด่วน ดังนี้คือ 1.ขอให้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนทางวินัยนายสมบัติ บุญคำเยือง ผอ.สถาบันชาติพันธุ์ กรณีดังกล่าว 2. ขอให้พักงานนายสมบัติ บุญคำเยือง และให้หยุดการเคลื่อนไหวใดๆ เกี่ยวกับสถาบันชาติพันธุ์ฯ ของ มรภ.เชียงราย 3.ขอให้มีการคุ้มครองสิทธิกลุ่มนักศึกษากลุ่มชาติพันธุ์รวมทั้งอาจารย์ที่ออกมาเรียกร้องสิทธิในครั้งนี้ โดยขอให้ยุติการคุกคามข่มขู่ เพราะขณะนี้นักศึกษากลุ่มนี้เกิดความหวาดกลัวและระแวงว่าจะไม่ได้เรียนต่อ และ 4.ขอให้สถาบันชาติพันธุ์ฯ มีการทบทวนโครงสร้างการบริหารเสียใหม่ ตามข้อตกลงร่วมเดิมกับเครือข่ายชาติพันธุ์ เพื่อกำหนดทิศทาง การบริหารงาน การพัฒนาหลักสูตรโปรแกรมวิชาเอกชาติพันธุ์ศึกษาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง โดยให้ตัวแทนชนเผ่าเข้ามามีส่วนร่วมอย่างแท้จริง"


ในขณะที่ "สำนักข่าวประชาธรรม" รายงานว่า กลุ่มปกป้องสิทธิมนุษยชนด้านเด็กและเยาวชนภาคเหนือ ได้ออกแถลงการณ์ประณามพฤติกรรมความไม่รับผิดชอบ ผอ.สถาบันชาติพันธุ์และสันติศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย(มรภ.เชียงราย) โดยแถลงการณ์ฉบับดังกล่าวระบุว่า ตามที่นักศึกษาโปรแกรมวิชาเอกชาติพันธุ์ศึกษาอนุภูมิภาคลุ่มน้ำโขง ประจำปีการศึกษา 2549 ศูนย์ชาติพันธุ์ศึกษา มหาวิทยาลัยราชภัฎเชียงราย (มรภ.เชียงราย) จำนวน 15 คนได้เข้าร้องเรียนถึงพฤติกรรมของ นายสมบัติ บุญคำเยือง ผอ.ศูนย์ชาติพันธุ์ศึกษา มรภ.เชียงราย ซึ่งได้หลอกลวงเด็กชนเผ่า ซึ่งส่วนใหญ่เป็นเด็กยากจนและด้อยโอกาส ให้เข้ามาเรียนที่ศูนย์ชาติพันธุ์ศึกษา มรภ.เชียงราย โดยแจ้งว่าทางศูนย์ฯจะมีทุนการศึกษา ที่พักให้ฟรี โดยที่เด็กที่มาเรียนไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดๆทั้งสิ้น แต่เมื่อเด็กเข้ามาเรียนจริงพบว่ากลับต้องเสียค่าใช้จ่ายในการศึกษาต่างๆด้วยตัวเองทั้งหมด ทำให้นักศึกษาเกือบทุกคนเกิดปัญหาหนี้สินขึ้นมา


เราถือว่า การศึกษาในระดับอุดมศึกษานั้นเป็น การศึกษาที่สร้างมันสมองให้กับประเทศ เหตุการณ์ครั้งนี้ ถือว่าเป็นการถดถอยทางระบบการศึกษาไทย โดยเฉพาะสิทธิในการได้รับการศึกษาในระดับระดับอุดมศึกษา ซึ่งหากมองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมีโอกาสน้อยที่ลูกหลานคนยากคนจนจะเข้าไปมีโอกาสศึกษาระดับอุดมศึกษา ยิ่งในภาวะที่รัฐบาลชุดปัจจุบัน พยายามจะผลักภาระทางการศึกษาให้กับนักศึกษา ,ผู้ปกครอง โดยมีแนวนโยบายจะแปรรูประบบการศึกษาออกเป็นเอกชน(ซึ่งเงินภาษีชาวบ้านทั้งนั้นที่สร้างสถานศึกษา ไม่ว่าระดับประถมศึกษา-ระดับอุดมศึกษา) ซึ่งตรงกับข้ามกับประเทศอื่นที่มีสภาพเศรษฐกิจ สังคมดี รัฐจะอุดหนุนระบบการศึกษามาก

ทั้งนี้ กลุ่มปกป้องสิทธิมนุษยชนด้านเด็กและเยาวชนภาคเหนือเห็นว่า 1. ขอประณามผู้มีส่วนเกี่ยวข้องในการกระทำครั้งนี้ รวมถึงผู้ที่ย่อหย่อนไม่ดูแลรับผิดชอบ จนเกิดปัญหาขึ้น 2.เราขอเรียกร้องให้ผู้เกี่ยวต่างๆข้องเข้ามาดูแลนักศึกษา, ตรวจสอบพฤติกรรมดังกล่าวด้วย ให้เกิดการแก้ปัญหาโดยเร็ว และแจ้งให้กับสาธารณะชนรับรู้ข้อเท็จจริงดังกล่าวด้วย


นายณัฐวุฒิ วังเวียง ที่ปรึกษาเครือข่ายเด็กและเยาวชน จ.ลำพูน กล่าวว่า กรณีปัญหาที่เกิดขึ้นถือเป็นความถดถอยของแวดวงการศึกษาของไทย โดยเฉพาะมหาวิทยาลัยราชภัฎซึ่งควรจะเป็นแหล่งความรู้ สถาบันวิชาการของท้องถิ่น แต่กลับเกิดปัญหาการล่อลวงเด็กซึ่งเป็นเยาวชน เป็นอนาคตของท้องถิ่นเสียเอง ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่น่าจะเกิดขึ้น ดังนั้นเราขอประณามพฤติกรรมการล่อลวงเด็กของ ผอ.สถาบันชาติพันธุ์ฯคนนี้ และขอเสนอให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งหมดตรวจสอบเรื่องที่เกิดขึ้น รวมทั้งต้องมีมาตรากรรองรับกลุ่มเด็กที่ถูกล่อลวงเหล่านั้นด้วย


นายประมวล โกวิทย์ชัยวิวัฒน์ ประธานเครือข่ายเด็กและเยาวชนภาคเหนือตอนบน กล่าวว่า ในเบื้องต้นทางเครือข่ายเด็กและเยาวชนภาคเหนือตอนบนเราไม่เห็นด้วยกับพฤติกรรมของ อ.สมบัติ เพราะเข้าข่ายล่อลวง ดังนั้นขอเสนอให้ มรภ.เชียงรายซึ่งเป็นต้นสังกัดของ อ.สมบัติแสดงความรับผิดชอบต่อเรื่องนี้โดยเร็วโดยให้ดำเนินการตามที่ อ.สมบัติรับปากกับเด็กไว้ ส่วนในระยะยาวนั้น มรภ.เชียงรายต้องมีมาตรการ นโยบายการให้โอกาสทางการศึกษากับเด็กโดยเฉพาะกับเดกที่ด้อยโอกาสอย่างชัดเจน เพราะไม่เช่นนั้นแล้วปัญหาลักษณะนี้ก็จะเกิดขึ้นมาอีก


ทั้งนี้ก่อนหน้านั้น ผศ.เฉลียว ประสิทธิ์วิเศษ รองอธิการบดี มรภ.เชียงราย รักษาการตำแหน่งอธิการบดี มรภ.เชียงราย ได้ออกมาเปิดเผยถึงปัญหาดังกล่าวว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนั้นทาง มรภ.เชียงราย ต้องมีการศึกษาข้อมูลข้อเท็จจริง แต่กำลังติดอยู่ในช่วงปิดเทอม ขณะที่ อ.สมบัตินั้น ทาง มรภ.เชียงราย สั่งให้ไปราชการศึกษาดูงานในต่างประเทศ ขณะที่ทางมรภ.เชียงรายนั้นจะเปิดภาคเรียนในวันที่ 12 ก.พ.นี้ ดังนั้นตอนนี้จึงไม่สามารถเรียกทั้ง 2 ฝ่ายมาชี้แจงข้อมูลได้ ซึ่งทาง มรภ.เชียงรายคงต้องเก็บข้อมูลรายล้อมไปก่อน


 


อย่างไรก็ตาม มีรายงานว่า ทางเครือข่ายชาติพันธุ์ฯ และเครือข่ายเด็กและเยาวชนภาคเหนือตอนบน เตรียมมีการเคลื่อนไหวซึ่งอาจต้องรอให้อธิการบดี มรภ.เชียงรายกลับมาจากไปราชการศึกษาดูงานต่างประเทศเสียก่อน หลังจากนั้นอาจเดินทางไปยื่นหนังสือที่ มรภ.เชียงรายอีกครั้ง


 


ข้อมูลประกอบ


สำนักข่าวประชาธรรม

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net