จากการนำเสนอข่าวของแหล่งข่าวจากการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) เมื่อวันที่ 11 พ.ค.51 ซึ่งเปิดเผยถึงแผนการสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินจำนวน 4 แห่งตามแผนพัฒนากำลังผลิตไฟฟ้า 2550-2564 หรือพีดีพี 2007 และทาง กฟผ.ได้ประกาศรับซื้อที่ดินใหม่ 4 แห่ง แห่งละ 3,000 ไร่ เพื่อเตรียมก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินใหม่แห่งละ 3,200 เมกกะวัตต์ ในเขตภาคใต้ ล่าสุด กฟผ.เตรียมส่งบริษัทลูกพัฒนาเหมืองถ่านหินในอินโดนีเซีย หวังใช้เป็นแหล่งถ่านหินป้อนโรงไฟฟ้าในอนาคต
ด้านนางสาวสุรีรัตน์ แต้ชูตระกูล แกนนำกลุ่มอนุรักษ์ทับสะแก คัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน4,000เมกกะวัตต์ของกฟผ.ที่อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดเผยว่า 5 กลุ่มพันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อมของจังหวัดประจวบฯ ได้ทำหนังสือเปิดผนึกผ่านสื่อมวลชนแจ้งให้รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน และ กฟผ.ทราบว่า เราคัดค้านการซื้อที่ดินแห่งใหม่ของ กฟผ.ในเขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ถือว่าเป็นการคัดค้านตั้งแต่ยังไม่ได้ซื้อ กฟผ.จะได้ไม่มาอ้างความชอบธรรมในภายหลัง
นอกจากนั้นนางสาวสุรีรัตน์ยืนยันว่า โรงไฟฟ้าถ่านหินทับสะแกของ กฟผ.ซึ่งเป็นตัวการสร้างความแตกแยกและสร้างความขัดแย้งให้ชุมชนและสร้างขัดแย้งในชุมชน ส่วนการคัดค้านการก่อสร้างโรงไฟฟ้านั้นเป็นการแสดงความสำนึกต่อความสำคัญของสภาพแวดล้อมและรับผิดชอบต่อสังคม โดยสนับสนุนการท่องเที่ยวอันเป็นแนวทางการพัฒนาที่สอดคล้องกับศักยภาพของพื้นที่
ดังนั้น กฟผ.จึงควรเลิกสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทับสะแก และควรเร่งสร้างความสมานฉันท์โดยใช้แนวทางขายที่ดินแปลงทับสะแก จำนวน 4,019 ไร่ ในราคาที่หักค่า กฟผ.คอรัปชั่นจากการจัดซื้อที่ดินออกตามจริง คือ 40% ของราคาซื้อเป็นเงินถึง 800 ล้านบาท ทำให้ราคาที่แท้จริงของที่ดินจะอยู่ที่ 1,200 ล้านบาท ซึ่งจะเป็นที่สนใจเพราะอยู่ติดทะเล และมีถนนในโครงการริเวียร์ร่า (โครงการก่อสร้างถนนส่งเสริมการท่องเที่ยวชายฝั่งตะวันตก) ผ่านแล้ว
ส่วนนงสาวกรณ์อุมา พงษ์น้อย ประธานกลุ่มรักษ์ท้องถิ่นบ่อนอก-กุยบุรี กล่าวว่า อยากให้กระทรวงพลังงานและ กฟผ.เร่งทบทวนแผนพัฒนาการผลิตไฟฟ้า (พีดีพี) มากกว่า เพราะมีการพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงเกินจริงไป แค่ฤดูร้อนที่ผ่านมาก็พยากรณ์ผิดเกินไปเกือบ 1,000 เมกกะวัตต์ รวมทั้งใช้การประมาณการคิดค้นทุนค่าไฟฟ้าโดยอิงราคาน้ำมันที่ 60 ยูเอสดอลลาร์ต่อบาเรล ซึ่งผิดไปเป็น 100% แล้ว
โดยสภาพการณ์ทั้งกระทรวงพลังงานและ กฟผ.ต้องอยู่ในสภาวะจนแต้มในอนาคตหากยังไม่เร่งทำการผลิตไฟฟ้าโดยพลังงานหมุนเวียนซึ่งมีวัตถุดิบและส่งเสริมการพัฒนาเทคโนโลยีในประเทศ ชาวประจวบฯ ยินดีให้จังหวัดเราเป็นศูนย์กลางการผลิตไฟฟ้าด้วยพลังงานหมุนเวียน ซึ่งไม่ใช่ก๊าซ ถ่านหินและนิวเคลียร์แน่นอน
ทั้งนี้ โครงการก่อสร้างถนนส่งเสริมการท่องเที่ยวชายฝั่งตะวันตก หรือไทยแลนด์ริเวียร่า ระยะทาง 615 กิโลเมตร ครอบคลุมพื้นที่ 4 จังหวัด คือ เพชรบุรี ประจวบคีรีขันธ์ ชุมพร และระนอง ระยะเวลาดำเนินการก่อสร้าง 9 ปี งบประมาณก่อสร้าง 6,890 ล้านบาท ขณะนี้กรมทางหลวงชนบทได้ออกแบบเสร็จแล้ว รอนำเสนอที่ประชุมคณะรัฐมนตรี คาดว่าจะได้รับการอนุมัติในปีงบประมาณ 2552 จำนวน 300 ล้านบาท โดยระยะแรกจะมีการก่อสร้าง 20% ของจำนวนเส้นทางทั้งหมด 81 เส้นทาง และคาดว่าเมื่อครบกำหนด 9 ปี จะครบทุกเส้นทาง อย่างไรก็ตาม บางเส้นทางยังอยู่ระหว่างการศึกษาผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม
68/12 ถ.เพชรเกษม อ.ทับสะแก
จ.ประจวบคีรีขันธ์ 77130
11 พฤษภาคม 2551
เรื่อง คัดค้านโรงไฟฟ้าถ่านหินทับสะแกคัดค้านการจัดซื้อที่ดินของ กฟผ.ในเขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ใหม่ และขอให้ขายที่ดินของ กฟผ.ใน อ.ทับสะแก เพื่อการท่องเที่ยวแทน
เรียน รัฐมนตรีกระทรวงพลังงาน ประธานบอร์ดกฟผ. และผู้ว่ากฟผ.
ตามที่ กฟผ.ได้ประกาศซื้อที่ดินเพื่อสร้างโรงไฟฟ้าของกฟผ. ใหม่ นั้น กลุ่ม 5พันธมิตรด้านสิ่งแวดล้อมของจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ขอคัดค้านการจัดซื้อที่ดินในเขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เพราะเราเข้าใจถึงมลพิษดี จึงไม่ต้องการให้มีการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหิน ก๊าซ และนิวเคลียร์ในเขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อีกทั้งยังเป็นทิศทางการพัฒนาที่ไม่สอดคล้องกับเศรษฐกิจเดิมของชุมชนซึ่งเป็นสวนมะพร้าว ไร่สับปะรดและประมงพื้นบ้านซึ่งเป็นแนวการพัฒนาและเศรษฐกิจที่ยั่งยืน ตามศักยภาพของพื้นที่และควรสนับสนุนการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์มากกว่า นี่คือการแจ้งให้ กฟผ.ทราบตั้งแต่ขั้นตอนยังไม่ได้จ่ายเงินซื้อที่ดิน กฟผ.จะได้ไม่นำมาเป็นข้ออ้างในภายหลัง
กฟผ.น่าจะพิจารณาจัดซื้อที่ดินในเขตจังหวัดนครราชสีมาเพื่อเตรียมสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินหรือนิวเคลียร์ แล้วใช้น้ำหล่อเย็นจากเขื่อนลำตะคอง โดยยกให้ท่านรัฐมนตรีกระทรวงพลังงานมีตำแหน่งเป็นประธานคณะกรรมการไตรภาคีเอาไว้ตรวจสอบมลพิษจากโรงไฟฟ้าถ่านหินเพราะเหมาะสม ท่านเชื่อมั่นเหลือเกินว่าโรงไฟฟ้าถ่านหินมีเทคโนโลยีที่ดีแล้วรวมทั้งมีความรู้เพียงพอที่จะตรวจสอบมลพิษจากถ่านหิน ท่านควรพิสูจน์ความเชื่อของท่านด้วยการเดิมพันกับชีวิตของท่านและลูกหลานในจังหวัดของท่านเองจะสง่างามกว่า แต่ต้องไปถามประชาชนในเขตเลือกตั้งแถบบ้านท่านด้วยว่าเอาโรงไฟฟ้าถ่านหินไหม๊! ถ้าอยากได้ให้เลือกพรรคของท่านในการเมืองทุกระดับ ถ้าคนโคราชไม่ต้องการโรงไฟฟ้าถ่านหินก็อย่าเลือกพรรคท่านเข้ามาอีก เพราะสร้างความเดือดร้อน
กฟผ.ควรยอมรับความจริงว่าคนประจวบฯไม่ต้องการโรงไฟฟ้าถ่านหิน ก๊าซและนิวเคลียร์ การยัดเยียดโครงการที่เราไม่ต้องการคือการสร้างความแตกแยกให้กับชุมชนของเราและยังก่อความขัดแย้งให้เกิดขึ้นในสังคม ซึ่งไม่เป็นประโยชน์ต่อทุกๆ คน
เราขอยืนยันคัดค้านโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าถ่านหินทับสะแกและการจัดซื้อที่ดินแห่งใหม่ในการก่อสร้างโรงไฟฟ้าในเขตจังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ซึ่งเป็นการเดินย่ำรอยความผิดพลาดไม่ต่างจากที่โรงไฟฟ้าถ่านหินบ่อนอก-บ้านกรูดเคยทำมา
เราขอให้ ผู้บริหาร กฟผ.ในชุดปัจจุบันต้องรับผิดชอบค่าความเสียหายที่จะเกิดขึ้นในอนาคตเอง อย่าผลักภาระค่าความเสียหายมาให้ประชาชนในค่าไฟฟ้าหากยังดื้อรั้นที่จะมาทำโรงไฟฟ้าที่ประจวบฯ
กฟผ.ควรเริ่มพิจารณาแนวทางการจัดการที่ดินด้วยการขายที่ดินติดชายทะเลจำนวน4,019ไร่ที่ทับสะแก ให้กับผู้สนใจจะลงทุนด้านการท่องเที่ยว ซึ่งเหมาะสมกับสภาพพื้นที่เพื่อสนับสนุนการพัฒนาที่ยั่งยืนและแสดงให้เห็นว่า กฟผ.มีจิตสำนึกความรับผิดชอบต่อสังคม และควรหักค่าคอรัปชั่นในการจัดซื้อที่ดินซึ่งกฟผ.ได้กระทำไว้ประมาณ 40%คือ800ล้านออกจากราคาที่ดินที่ควรจะขายจะเหลือค่าที่ดิน1,200ล้านบาท
ที่จริงเวลานี้ หากท่านได้ทบทวนแผน PDP ใหม่จะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติอย่างมาก เพราะสภาวะเช่นนี้เราต้องคำนึงถึงประสิทธิภาพทั้งการผลิตและการใช้ให้มากที่สุด PDPที่ทำไว้ก็หมกเม็ดข้อมูลพยากรณ์ความต้องการใช้ไฟฟ้าเกินความจำเป็นอยู่มาก ฤดูร้อนที่ผ่านมาก็พยากรณ์การใช้ไฟฟ้าผิดพลาดไปเกือบ 1,000 เมกกะวัตต์ มิใช่หรือ..
อีกทั้งประมาณต้นทุนค่าไฟฟ้าก็อิงกับราคาน้ำมันที่ 60 ยูเอสดอลล่าร์ต่อบาเรล ซึ่งผิดพลาดไปถึง 100% แล้ว และแผนนี้ก็ไม่ได้ช่วยส่งเสริมให้มีการใช้พลังงานไฟฟ้าอย่างมีประสิทธิภาพที่ควรเป็น เช่น การเพิ่มประสิทธิภาพโรงไฟฟ้าก๊าซเดิมใช้เงินน้อยไม่มีความขัดแย้งและได้พลังงานไฟฟ้าเพิ่มมากก็ไม่ทำและไม่ได้นำมาคิดเป็นแหล่งพลังงานใหม่ เป็นต้น
จึงเรียนมาเพื่อทราบ
ขอแสดงความนับถือ
นส.สุรีรัตน์ แต้ชูตระกูล แกนนำกลุ่มอนุรักษ์ทับสะแก
นส.กรณ์อุมา พงษ์น้อย ประธานกลุ่มรักษ์ทัองถิ่นบ่อนอก-กุยบุรี
นายวิฑูรย์ บัวโรย ประธานกลุ่มอนุรักษ์แม่รำพึง
นายเผชิญ เกตุแก้ว ประธานกลุ่มรักบ้านเกิดอ่าวน้อย
นางจินตนา แก้วขาว ประธานกลุ่มอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมบ้านกรูด
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)