Skip to main content
sharethis

18 ต.ค. 51 - เวลา 13.00 น. นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ได้เดินทางด้วยเฮลิคอปเตอร์ "แบลคฮอร์ค" จาก จ.อุบลราชธานี ลงจอดที่สนามหน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ โดยมีนายไมตรี อินทุสุต รองผู้ว่าราชการ จ.ศรีสะเกษ พล.ต.กนก เนตรคะเวสนะ ผู้บัญชากองกำลังค่ายสุรนารี จ.นครราชสีมา พร้อมนายทหารและหัวหน้าส่วนราชการที่เกี่ยวข้องมาให้การต้อนรับ



จากนั้นนายกรัฐมนตรี เข้าห้องประชุมเพื่อรับทราบสถานการณ์ที่เกิดขึ้นกรณีพิพาทเรื่องเขาพระวิหารประมาณ 30 นาที จึงออกห้องประชุมและเดินทางไปที่โรงพยาบาลกันทรลักษ์ เพื่อไปมอบกระเช้าดอกไม้ให้กำลังใจทหารพรานที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุปะทะที่ผ่านมา


 


ภายหลังเยี่ยมทหารพรานที่ได้รับบาดเจ็บแล้วนายกรัฐมนตรีได้เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสัมภาษณ์ถึงภารกิจที่มาวันนี้ ว่า ได้รับราย งานจาก พล.ต.กนก เนตรคะเวสนะ ทราบว่า ขณะนี้เหตุการณ์บนเขาพระวิหารยังเป็นปกติ แต่ยังมีการตรึงกำลังทหารทั้งสองฝ่ายตามปกติ และเชื่อว่าเหตุการณ์คงจะมีแนวโน้มที่ดีขึ้น เพราะประเทศไทยกับกัมพูชานั้นมีความสัมพันธ์กันมายาวนาน จะแยกกันอยู่ไม่ได้


 


ส่วนปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้ก็ต้องร่วมกันหาแนวทางแก้ไขเพื่อหาข้อสรุปของทั้งสองฝ่ายโดยยึดหลักสันติวิธี หลีกเลี่ยงการปะทะ เพื่อจะได้ไม่ต้องมีการสูญเสียกันขึ้นอีก โดยทหารเองก็บอกว่าพร้อมทำหน้าที่ในการรักษาอธิปไตยของประเทศให้ถึงที่สุด


 


ผู้สื่อข่าวถามว่า เรื่องที่เกิดขึ้นนี้นำไปฟ้องอาเซียนหรือไม่ นายสมชาย ตอบว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นขณะนี้เป็นเรื่องสองประเทศยังไม่ถึงเวลาที่จะนำเรื่องนี้ไปถึงระดับอาเซียน เพราะที่ผ่านมากัมพูชาก็เห็นด้วยกับแนวทางการเจรจา โดยยึดสันติวิธี


 


ส่วนเรื่องทหารที่ได้รับบาดเจ็บนั้น นายสมชาย กล่าวว่ากระทรวงกลาโหมมีระเบียบขั้นตอนในการดูแลกำลังพลที่ได้รับบาดเจ็บหรือเสียชีวิตจากการสู้รบอยู่แล้ว


 


เมื่อถามว่า มีกำหนดการที่จะเจรจาหรือพูดคุยกับทางการกัมพูชาอีกเมื่อไหร่ นายสมชาย ตอบว่า การเจรจารอบต่อไปนั้นกำลังดูอยู่ ต้องหาโอกาสที่เหมาะสมอีกที


 


หลังให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนนายกฯได้เดินทางกลับไปที่หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารพรานที่ 23 อีกครั้งเพื่อมอบสิ่งของอาหารและเครื่องดื่มให้ทหารพรานที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่บนเขาพระวิหารเพื่อเป็นขวัญและกำลังใจให้ทหารหาญต่อไป จากนั้นเวลา 14.20 น.นายสมชาย และคณะได้ขึ้นเฮลิคอปเตอร์เดินทางกลับ


 


มทภ.2 รับการเมืองไทยมีส่วนดันเขมรรุกไทย ชี้สถานการณ์ชายแดนดีขึ้น 


พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์  หนีพาล แม่ทัพภาคที่ 2 ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายสมชาย  วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินทางไปตรวจเยี่ยมพื้นที่กองทัพภาคที่ 2 ว่า นายกฯเดินทางมาตรวจเยี่ยมทหารที่ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ เพื่อรับทราบสถานการณ์ในพื้นที่ โดยมีพล.อ.จิรเดช  คชรัตน์ รองผู้บัญชาการทหารบก เดินทางมาแทนพล.อ.อนุพงษ์  เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ซึ่งนายกฯได้มอบนโยบายให้ผบ.ทบ. และผบ.ทบ.ได้ให้ทุกอย่างตามที่กองทัพต้องการเพื่อความปลอดภัยของกำลังพลในแนวหน้าและให้อาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆอย่างสมบูรณ์ครบถ้วน ส่วนการตอบโต้นั้นจะใช้การตอบโต้ให้เหมาะสม ไม่กระจายเป็นวงกว้างหรือจะให้เกิดผลกระทบกับประชาชนหรือพื้นที่ใกล้เคียง


 



พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนจากการคุยกัมพูชาในเบื้องต้นนั้น เขาจะพยายามไม่ให้มีการใช้อาวุธเกิดขึ้น ซึ่งเราได้มีการเจรจาและติดต่อกันตลอดเวลาเพื่อลดปัญหาที่เกิดขึ้น ทั้งนี้สถานการณ์ตอนนี้ถือว่าดีขึ้น  ทำให้การปะทะขัดแย้งกันนั้นน่าจะเป็นมาตรการสุดท้าย รวมถึงขณะนี้เรามีจุดประสานงานกันในทุกระดับ และเราจะแจ้งว่า เราจะออกพิสูจน์ทราบพื้นที่ในบริเวณใดบ้าง เพื่อความระมัดระวัง แต่คงไม่ถึงกับมีการลาดตระเวนร่วม ส่วนในเรื่องกับระเบิดในพื้นที่ ทหารจะเพิ่มความระมัดระวังและใช้การตรวจค้นให้มากขึ้น เพราะทราบว่าในพื้นที่การรบต้องมีอาวุธ และกับระเบิด ทั้งของเก่าและของใหม่ อย่างไรก็ตามเขาห้ามเราทำไม่ได้ เพราะเป็นพื้นที่ของเรา


 



เมื่อถามว่า ในการประชุมอาร์บีซีกับกัมพูชาที่ อ.เสียมราฐ ในวันที่ 21 ต.ค.นี้ที่คุยกันในเรื่องใดบ้าง พล.ท.จิรเดช กล่าวว่า คุยในเรื่องระดับภูมิภาค ระดับกำลังเป็นหลัก ไม่ว่าจะเป็นการ ปรับลดกำลัง การปฏิบัติและมาตรการต่างๆ ปัญหาต่างๆที่เกิดขึ้น ส่วนทหารไทยกับกัมพูชาตามแนวชายแดนขณะนี้มีกำลังเผชิญหน้าอยู่ใกล้กันมาก บางจุดแทบจะชนกัน หากผู้บังคับบัญชาเจรจาไม่แน่นแฟ้นอาจเกิดปัญหาและเกิดการสูญเสียขึ้นทันที เพราะระยะทหารไม่ห่างกันเหมือนแนวอื่นๆ เมื่อถามว่า หากมีการใช้ปืนใหญ่ต้องมีการขออนุมัติจากผบ.ทบ.หรือไม่ พล.ท.วิบูลย์สักดิ์ กล่าวว่า ท่านมอบอำนาจให้ตนหมดแล้วในการจะตอบโต้ให้เหมาะสม และเพื่อรักษาอธิปไตยของเรา ส่วนแผนจักรีภูวดลเป็นแผนป้องกันประเทศ เป็นระดับของสถานการณ์


 


เมื่อถามว่า ยืนยันได้หรือไม่ว่าไทยจะไม่เสียเปรียบกัมพูชาอีก พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวว่า ที่ผ่านมาเราก็ไม่ได้เสียเปรียบ แต่เมื่อเขาเริ่มก่อน เราก็ต้องตอบโต้ ทหารของเรามีความพร้อมและมีขวัญกำลังใจ รวมถึงมีจอมทัพไทยคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ดังนั้นทหารทุกคนจะปฏิบัติหน้าที่โดยถวายชีวิต ซึ่งทหารที่บาดเจ็บในขณะนี้มีทั้งหมด 8 นาย เมื่อถามว่า เหตุใดกัมพูชาจึงรุกหนักในช่วงนี้ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับผู้นำของเขา ซึ่งตนไม่ทราบเพราะเขาไม่ค่อยแน่นอน จากการรายในพื้นที่ไปยังเขาคงมีข้อผิดพลาดอะไรบางอย่าง แต่เราไม่ได้ละเมิดข้อตกลงใดๆ เพราะเราทำตามข้อตกลงทุกอย่าง และทหารเราไม่ได้เริ่มก่อนจริงๆ ส่วนจะเกี่ยวกับการเมืองในประเทศกัมพูชาหรือไม่ ตนไม่ทราบ


 



เมื่อถามว่า การเมืองในประเทศไทยมีส่วนเข้าไปเกี่ยวข้องด้วยหรือไม่ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวว่า คงจะมีส่วนอยู่บ้าง แต่ตนจะดูแลพื้นที่ให้ดีที่สุด ส่วนกำลังทหารบนวัดแก้วนั้น ยังคงมีกำลังทหารอยู่เท่ากันตามข้อตกลงไม่เปลี่ยนแปลง   เมื่อถามว่า หลังจากนี้จะมีโอกาสที่ทหารทั้งสองฝ่ายปะทะกันอีกหรือไม่ พล.ท.วิบูลย์ศักดิ์ กล่าวว่า สถานการณ์จะดีขึ้น เพราะเมื่อ 2 วันที่ผ่านมามีการประสานงานกันแน่นแฟ้นขึ้น และมีการกำชับกันมากขึ้น และทั้งสองฝ่ายมีการรับประทานอาหาร่วมกัน ประสานงานร่วมกันอยู่ตลอด


 


พลทหารลื่นล้มขณะลาดตระเวนปืนลั่นเสียชีวิต


ผู้สื่อข่าวรายงานจากจังหวัดอุบลราชธานี เวลา 16.30 น.วันที่ 18 ตุลาคม 2551 เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ อ.วารินชำราบ จ.อุบลราชธานี ได้นำตัว พลทหารวิญญู พลพฤกษ์ อายุ 21 ปี สังกัดกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 16 จังหวัดยโสธร ซึ่งประสบอุบัติเหตุลื่นล้ม ที่บริเวณน้ำตกภูละออ ในขณะปฏิบัติหน้าที่ลาดตระเวนบริเวณภูมะเขือ อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ในบริเวณพื้นที่พิพาทใกล้ปราสาทเขาพระวิหาร และเกิดเหตุอาวุธปืนประจำกายลั่น ถูกเข้าบริเวณศรีษะ เหตุเกิดเมื่อเวลา 14.00 น. เดินทางโดยเฮลิปคอปเตอร์ เพื่อนำส่งโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ แต่พลทหารวิญญู ทนพิษบาดแผลไม่ไหว เสียชีวิตขณะนำส่งโรงพยาบาลค่ายฯ


 


ขณะนี้ ทางโรงพยาบาลค่ายสรรพสิทธิประสงค์ ได้นำศพของพลทหารวิญญู เก็บไว้ที่ห้องเย็นเก็บศพ และได้ประสานแจ้งให้ญาติมาติดต่อรับศพเพื่อบำเพ็ญกุศลต่อไป ส่วนการช่วยเหลือครอบครัวของพลทหารวิญญูฯ จะเป็นไปตามกฏระเบียบของกองทัพบก


 


พ.อ.ทวีศักดิ์ บุญรักชาติ รองผู้อำนวยการ กองกิจการพลเรือน กองทัพภาคที่ 2 ในฐานะหัวหน้าศูนย์ประชาสัมพันธ์ ส่วนหน้า ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการเสียชีวิตของ พลทหารวิญญู ว่า ปกติจะมีการวางกำลังทหารชุดลาดตระเวนประจำในแต่ละจุดอยู่แล้ว ซึ่งจุดที่เกิดเหตุ เป็นจุดที่ พลทหารวิญญู รับผิดชอบ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นถือว่าเป็นอุบัติเหตุ ประกอบกับในพื้นที่ อ.กันทรลักษ์ ช่วงนี้มีฝนตกอย่างต่อเนื่อง โดยในวันนี้ (18 ต.ค.) ฝนได้ตกลงมาหลายรอบ จนทำให้พลทหารเกิดลื่น กระทั่งเกิดเหตุขึ้น


 


กรณีที่กระสุนลั่นนั้นได้มีการขึ้นลำกล้องปืนไว้ ก็มีโอกาสเป็นไปได้ เพราะปกติชุดลาดตระเวนที่อยู่แนวหน้านั้น อาวุธก็ต้องพร้อมใช้งานอยู่แล้ว อย่างไรก็ตาม การเสียชีวิตของพลทหารในครั้งนี้ ทางเจ้าหน้าที่รู้สึกเสียใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น "สำหรับการเสียชีวิตของ พลทหารวิญญูขณะกำลังปฏิบัติหน้าที่นั้น เชื่อว่าต้นสังกัดจะมีการจัดงานศพอย่างสมเกียรติ และจะมีการเลื่อนขั้นตามกฎระเบียบที่กำหนดไว้" พ.อ.ทวีศักดิ์ กล่าว


 


 


ที่มา: เว็บไซต์คมชัดลึก, เว็บไซต์แนวหน้า

สแกน QR Code เพื่อร่วมบริจาคเงินให้กับประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net