Skip to main content
sharethis

เมื่อวันที่ 28 พฤศจิกายน 2551 คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้มีจดหมายเปิดผนึก 2 ฉบับ เรื่อง สถานการณ์วิกฤตความขัดแย้งทางการเมือง โดยระบุส่งถึงนายกรัฐมนตรี และแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย มีเนื้อหาดังนี้


 


 


28 พฤศจิกายน 2551


 


เรื่อง                  สถานการณ์วิกฤตความขัดแย้งทางการเมือง


กราบเรียน           นายกรัฐมนตรี


 


ตามที่ ขณะนี้ได้มีสถานการณ์วิกฤตความขัดแย้งทางการเมืองเกิดขึ้นในประเทศ กรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มต่อต้านการชุมนุมในสถานที่ต่างๆ ตลอดจนผลของการดำเนินการโดยรัฐบาล ส่งผลกระทบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อ ประชาชนทั้งคนไทย และชาวต่างประเทศทุกระดับในวงกว้าง เป็นเหตุให้เกิดผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และความมั่นคงของประชาชนโดยรวม อีกทั้งเป็นเหตุให้เกิดวิกฤตและความแตกแยกอย่างรุนแรงขณะนี้ อันเป็นภัยต่อความสงบสุขภายในสังคมของไทยเรา ทั้งยังเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงเกียรติคุณของบ้านเมือง


 


คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้มีการประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาเรื่องนี้ และมีความเห็นต่อไปนี้


 


1. สถานการณ์วิกฤติความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบัน ก่อให้เกิดการละเมิด สิทธิมนุษยชนต่อประชาชน ในทุกระดับทั้งทางตรงและทางอ้อม รัฐบาลสมควรดำเนินการประสานความร่วมมือหาแนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับทุกภาคส่วนโดยสันติวิธี เพื่อให้เกิดความสงบและมีความสมานฉันท์ในประเทศโดยเร็วที่สุด ก่อนที่เหตุการณ์ความรุนแรงจะบานปลายถึงขั้นอาจจะเกิดรัฐประหารขึ้น ซึ่งไม่เป็นที่พึงปรารถนา


 


2. รัฐบาลมีหน้าที่โดยตรงในการดูแลความสงบเรียบร้อยภายในประเทศ เมื่อมี เหตุการณ์การชุมนุมของกลุ่มต่างๆ ที่ละเมิดสิทธิของประชาชน รัฐบาลจะต้องหาวิธีแก้ไขปัญหาที่ เกิดขึ้นเพื่อให้เกิดความสงบโดยเร็ว โดยยึดหลักสิทธิมนุษยชนภายใต้ระบอบประชาธิปไตย อันมี พระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และจะต้องมิให้เกิดความรุนแรงใดๆ ขึ้นอีกเป็นอันขาด


 


3. ในสถานการณ์ขณะนี้ ต้องถือว่าทั้งรัฐบาลและกลุ่มชุมนุมต่างๆ กำลังกระทำการที่ ขัดต่อกติกาสากลขององค์การสหประชาชาติที่ว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมืองที่รัฐบาลไทยได้ให้สัตยาบันแล้ว ซึ่งความรับผิดชอบสูงสุดในการปฏิบัติตามหลักการนี้ตกอยู่กับรัฐบาลโดยตรง ทั้งในเรื่องการกระทำอันเป็นอาชญากรรมร้ายแรง จากผลของการปะทะกันในหมู่ชนผู้ที่ต่างความคิดทาง การเมือง จนก่อให้เกิดความรุนแรงเป็นเหตุให้มีประชาชนต้องเสียชีวิต บาดเจ็บ และทุพพลภาพ ตลอดจนก่อผลกระทบรุนแรงต่อสิทธิ เสรีภาพในการเดินทาง ซึ่งถือเป็นการไม่เคารพต่อศักดิ์ศรีของความเป็นมนุษย์ และเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชน ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย


 


4. ในกรณีการประกาศใช้พระราชกำหนดสถานการณ์ฉุกเฉินที่มีความร้ายแรงใน เขตท้องที่เขตดอนเมืองและเขตลาดกระบัง กรุงเทพมหานคร และอำเภอบางพลีและอำเภอบางเสาธง จังหวัดสมุทรปราการ ในขณะที่ประเทศไทยเป็นรัฐภาคีของกติกาสากลตามข้อ 3 การคุ้มครอง สิทธิมนุษยชนยิ่งทวีความสำคัญยิ่งขึ้น รัฐบาลจึงต้องใช้ความรอบคอบอย่างยิ่งยวดและหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง หาไม่แล้วก็จะเท่ากับเป็นการขัดต่อพันธกรณีดังกล่าว ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยได้ชื่อว่ามิใช่ประเทศที่ใช้อำนาจนิติรัฐ และนิติธรรม


 


5. ชาวต่างประเทศที่เดินทางเข้ามาในพระราชอาณาจักรในสถานการณ์ขณะนี้ ควรได้รับการดูแลเป็นกรณีพิเศษทั้งในด้านความปลอดภัย และการอำนวยความสะดวก


 


ทั้งนี้ ขออำนาจแห่งพระพุทธคุณ และศาสดาแห่งศาสนาต่างๆในประเทศไทย ขออำนาจแห่งพระราชบารมี พระราชกฤษดาภินิหาร และพระบรมเดชานุภาพของพระบาทสมเด็จ พระเจ้าอยู่หัว ตลอดจนพระสยามเทวาธิราช และเทพยดาอารักษ์ที่ปกปักรักษาสยามรัฐสีมาอาณาจักร จงตั้งไมตรีจิตอภิบาลบำรุงให้เกิดสันติสุขด้วยความรู้รักสามัคคีของฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้องก่อให้เกิดความสงบเรียบร้อย และทุกๆฝ่ายขอจงช่วยกันทำนุบำรุงให้เกิดความสงบในบ้านเมืองโดยเร็วที่สุดจะเป็นกุศลผลบุญแก่ประเทศไทย


 


จึงกราบเรียนมายังรัฐบาลเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการโดยด่วนด้วย จะขอบคุณยิ่ง หาก ฯพณฯ เห็นว่าคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จะเป็นคุณประโยชน์ต่อความพยายามที่จะบรรเทาสถานการณ์วิกฤตขณะนี้ คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ก็มีความยินดีที่จะปฏิบัติ ภาระหน้าที่ตามเจตนารมณ์แห่งรัฐธรรมนูญ


 


ขอแสดงความนับถืออย่างยิ่ง


 


(ศาสตราจารย์เสน่ห์ จามริก)


ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ


 


 


...............................


 


 


28 พฤศจิกายน 2551


 


เรื่อง                  สถานการณ์วิกฤตความขัดแย้งทางการเมือง


เรียน                  แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย


 


ตามที่ ขณะนี้ได้มีสถานการณ์วิกฤตความขัดแย้งทางการเมืองเกิดขึ้นในประเทศ กรณีการชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และกลุ่มต่อต้านการชุมนุมในสถานที่ต่างๆ ตลอดจนผลของการดำเนินการโดยรัฐบาล ส่งผลกระทบต่อการละเมิดสิทธิมนุษยชนต่อ ประชาชนทั้งคนไทย และชาวต่างประเทศทุกระดับในวงกว้าง เป็นเหตุให้เกิดผลกระทบทั้งด้านเศรษฐกิจ สังคม การเมือง และความมั่นคงของประชาชนโดยรวม อีกทั้งเป็นเหตุให้เกิดวิกฤตและความแตกแยกอย่างรุนแรงขณะนี้ อันเป็นภัยต่อความสงบสุขภายในสังคมของไทยเรา ทั้งยังเสื่อมเสียต่อชื่อเสียงเกียรติคุณของบ้านเมือง


 


คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ได้มีการประชุมร่วมกันเพื่อพิจารณาในเรื่องนี้ และมีความเห็นว่า


 


1. สถานการณ์วิกฤตความขัดแย้งทางการเมืองในปัจจุบัน ก่อให้เกิดการละเมิด สิทธิมนุษยชนต่อประชาชน ในทุกระดับทั้งทางตรงและทางอ้อม ซึ่งนับวันจะขยายวงยิ่งขึ้น แกนนำพันธมิตรฯ พึงตระหนักถึงความรู้สึกนึกคิดของประชาชน และช่วยหาทางบรรเทาคลี่คลายความ เดือดร้อนและสถานการณ์ ดังนั้น แกนนำพันธมิตรฯ สมควรดำเนินการประสานความร่วมมือหา แนวทางในการแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นกับทุกภาคส่วนโดยสันติวิธี เพื่อให้เกิดความสงบและมีความสมานฉันท์ในประเทศ


 


2. แม้จะมีเสรีภาพในการชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ ตามรัฐธรรมนูญฯ แกนนำพันธมิตรฯ ก็ยังมีหน้าที่โดยตรงในการดูแลผู้ชุมนุมให้อยู่ในความสงบเรียบร้อย โดยไม่ละเมิดสิทธิมนุษยชนของประชาชน ยึดหลักสิทธิมนุษยชนภายใต้ระบอบประชาธิปไตย อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นพระประมุข และจะต้องป้องกันมิให้เกิดความรุนแรงใดๆ ขึ้น


 


3. ในสถานการณ์ขณะนี้ ต้องถือว่าทั้งรัฐบาล กลุ่มพันธมิตรฯ และกลุ่มชุมนุมอื่นๆ กำลังกระทำการที่ขัดต่อกติกาสากล ขององค์การสหประชาชาติที่ว่าด้วยสิทธิพลเมือง และสิทธิทางการเมืองที่รัฐบาลได้ให้สัตยาบันแล้ว ซึ่งความรับผิดชอบสูงสุดในการปฏิบัติตามหลักการนี้ตกอยู่กับรัฐบาลโดยตรง แต่ทุกกลุ่มในฐานะเป็นประชาชนคนไทยร่วมชาติด้วยกัน ย่อมมีพันธะร่วมกันในการปกป้องมิให้สถานการณ์บ้านเมืองตกอยู่ในความตกต่ำจนไม่อาจจะเยียวยาแก้ไขได้ด้วยสันติวิธี


 


4. ขอให้กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ตระหนักถึงสิทธิเสรีภาพ ในการเดินทางของผู้คน ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศ รวมทั้งถือเป็นภาระหน้าที่ในการดูแลให้ ความปลอดภัย


 


ทั้งนี้ ขออำนาจแห่งพระพุทธคุณ และศาสดาแห่งศาสนาต่างๆ ในประเทศไทย พระราชบารมี พระราชกฤษดาภินิหาร และพระบรมเดชานุภาพแห่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ตลอดจนพระสยามเทวาธิราช และเทพยดาอารักษ์ที่ปกปักรักษาสยามรัฐสีมาอาณาจักร จงตั้งไมตรีจิตอภิบาลบำรุงให้เกิดสันติสุขด้วยความรู้รักสามัคคีของฝ่ายต่างๆที่เกี่ยวข้อง เกิดความสงบเรียบร้อย และช่วยกันทำนุบำรุงให้เกิดความสงบในบ้านเมืองโดยเร็วที่สุด


 


จึงเรียนมายังกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เพื่อโปรดพิจารณาไตร่ตรอง เพื่อให้เป็นคุณูปการต่อความสงบสุขของแผ่นดิน และประชาชนคนไทยโดยถ้วนหน้ากัน


 


ขอแสดงความนับถือ


 


(ศาสตราจารย์เสน่ห์ จามริก)


ประธานกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net