อับดุชชะกูรฺ บิน ชาฟิอีย์ (อับดุลสุโก ดินอะ)
อาจารย์พิเศษมหาวิทยาลัยทักษิณ ผู้ช่วยผู้จัดการโรงเรียนจริยธรรมศึกษามูลนิธิ อ.จะนะ จ.สงขลา
ด้วยพระนามของอัลลอฮฺ ผู้ทรงเมตตากรุณาเสมอ ขอความสันติสุขจงมีแด่ศาสดามูฮัมมัด ผู้เจริญรอยตามท่านและสุขสวัสดีแด่ผู้อ่านทุกท่าน
ณ วันนี้ 4 มกราคม 2552 เป็นวันที่เก้าของฝูงบินรบของอิสราเอลกระหน่ำโจมตีดินแดนฉนวนกาซาของปาเลสไตน์ (อาหรับจะอ่านว่า "ฟิลิสตีน) ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 500 คน บาดเจ็บอีกเกือบ3,000 คน ถือว่าเป็นการนองเลือดครั้งใหญ่ที่สุดของวิกฤตความขัดแย้งตะวันออกกลางที่ยืดเยื้อยาวนานกว่าหลายทศวรรษและจะส่งผลกระทบต่อการแก้ปัญหาความขัดแย้งและสันติภาพของโลกตลอดปีใหม่ 2552 อย่างแน่นอน (ท่านคงจะเห็นภาพความสูญเสีย ความโกรธแค้น การประท้วงและปฏิกิริรยามากมายผ่านจอโทรทัศน์และโลกไซเบอร์)
ที่สำคัญกำลังมีผลในชุมชนมุสลิมในจังหวัดชายแดนภาคใต้ผ่านการแถลงการณ์ประณามทั้งต่อหน้าสื่อมวลชน ในมัสยิดทั้งในรูปแบบการอ่านคุตบะห์วันศุกร์ ละหมาดขอพรต่อพระเจ้าทั้งห้าเวลา ต่อวันและอาจจะถึงขั้นรวมพลประท้วงทั้งห้าจังหวัด อย่างเหตุการณ์ที่สหรัฐบุกอัฟกานิสถานเมื่อหลายปีก่อน ถึงแม้จังหวัดชายแดนภาคใต้จะอยู่ใน พ.ร.ก. ฉุกเฉิน
ตัวอย่างที่เห็นได้ชัดเมื่อ2 มกราคม ที่ผ่านมา คณะกรรมการอิสลามประจำ จ.สงขลา ร่วมกับองค์กรเครื่อข่ายมุสลิมโดยเฉพาะสมาคมโรงเรียนเอกชนสอนศาสนาอิสลามที่มีนักเรียนในสังกัดปัจจุบันประมาณ สองหมื่นคนได้ออกแถลงการณ์ประณามอิสราเอลที่ถล่มปาเลสไตน์และเรียกร้องมุสลิมทั่วโลกร่วมต่อสู้ และให้รัฐบาลไทยแสดงจุดยืน
ในแถลงการณ์ดังกล่าวมีใจความสำคัญว่า ปฏิบัติการทางทหารของอิสราเอลเป็นชนวนเหตุสำคัญของความไม่สงบและความรุนแรงที่เกิดขึ้นอยู่ทั่วโลก ทั้งนี้เพราะการกระทำของอิสราเอลเป็นการก่อการร้ายที่รุนแรงยิ่ง และหากประเทศต่างๆ ทั่วโลกยังคงเพิกเฉยเย็นชาต่อปฏิบัติการนี้โลกอาจจะหาความสงบร่วมเย็นไม่ได้อีกเลย
สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลาร่วมกับเครื่อข่ายมุสลิมต่างๆในจังหวัดสงขลาจึงขอประณามการกระทำอันป่าเถื่อนของอิสราเอลในครั้งนี้ และขอเรียกร้องให้มุสลิมทั่วโลกร่วมต่อสู่ ร่วมเจ็บปวดและยืนเคียงข้างพี่น้องประชาชนชาวปาเลสไตน์ และขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยแสดงจุดยืนที่แสดงถึงความรักในความยุติธรรม และความเห็นอกเห็นใจผู้ถูกข่มเหงรังแก และขอเรียกร้องให้ประเทศมหาอำนาจและองค์การสหประชาชาติใช้สรรพกำลังที่มีอยู่ทั้งหมดผดุงไว้ซึ่งความยุติธรรม เพื่อจรรโลงไว้ซึ่งความสงบร่วมเย็นของประชากรโลกทั้งหมดต่อไป
จุดเริ่มของสำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลาร่วมกับเครื่อข่ายมุสลิมต่างๆในจังหวัดสงขลาจะเป็นจุดเริ่มต้นขององค์กรมุสลิมอื่นๆและละคลื่นมหาชนที่มหึมากว่าอีกในจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่จะเริ่มเคลื่อนไหวทั้งเป็นทางการและไม่เป็นทางการภายใต้กรอบของรัฐธรรมนูญของไทยโดยอาจจะไม่หวั่นต่อกฎหมายความมั่นคงหลายฉบับที่พวกเขากำลังเผชิญอยู่ในจังหวัดชายแดนภาคใต้ก็เป็นได้
กิจกรรมทางการเมืองผสมผสานกับการบูรณาการกับหลักศาสนาและพิธีกรรมทางศาสนาที่เกิดขึ้นในลำดับต่อไปรวมทั้งอาจจะมีการบอยคอตสิ้นค้าทั้งอิสราเอลและสหรัฐอเมริกานั้นอาจหลีกเลี่ยงได้ยาก ดังนั้น รัฐควรพิจารณาอย่างแยกแยะไม่ใช้มาตรการทางกฎหมายเดียวกันต่อประชาชนที่ต่อสู้เพื่อเรียกร้องในเรื่องที่กล่าวมาแล้วข้างต้น เพราะมันเป็นสิทธิเสรีภาพตามกรอบรัฐธรรมนูญ
ในขณะเดียวกันรัฐบาลจะมีนโยบายอย่างไรให้แม่ทัพภาคที่ ๔ ผู้ปฏิบัติในพื้นที่ จะมีมาตรการในเชิงสร้างสรรค์อย่างไรในการเผชิญกับกับการเคลื่อนไหวครั้งนี้ การซักซ้อมของหน่วยความมั่นในการจำลองเหตุการณ์ก็มีความสำคัญไม่ยิ่งหย่อนกว่ากันและองค์กรเอกชนที่จะเคลื่อนไหวและแสดงพลังต้องมีวิธีการบริหารจัดการที่ดีตามกรอบของรัฐธรรมนูญด้วยเช่นกันเพื่อกันเมื่อที่สามในการสร้างและเพิ่มเชื้อไฟความรุนแรงในจังหวัดชายแดนภาคใต้
หมายเหตุ
1. ปัญหาปาเลสไตน์-อิสราเอลครั้งใหม่จุดประทุการก่อการร้ายปี 2552 ดู
http://www.thaingo.org/writer/16_index.php
2. ประมวลภาพการประท้วงจากทั่วโลกและวิดีโอการโจมตีhttp://www.muslimthai.com/main/1428/content.php?page=sub&category=20&id=2089 และ http://www.youtube.com/watch?v=6ja3r--ixAU
3. ภาพข่าวจุดยืนของ สำนักงานคณะกรรมการอิสลามประจำจังหวัดสงขลาร่วมกับเครื่อข่ายมุสลิมต่างๆในจังหวัดสงขลาhttp://www.manager.co.th/Local/ViewNews.aspx?NewsID=9510000153973
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)