Skip to main content
sharethis

แหล่งข่าวระดับสูงในศาลจังหวัดสงขลาเปิดเผยว่า กรณีศาลจังหวัดสงขลามีคำสั่งในคดีไต่สวนชันสูตรพลิกศพผู้เสียชีวิต 78 ศพ จากการขนย้ายผู้ชุมนุมที่หน้าสถานีตำรวจภูธรอำเภอตากใบ จ.นราธิวาส ไปยังค่ายอิงคยุทธบริหาร อ.หนองจิก จ.ปัตตานี เมื่อวันที่ 29 พ.ค.ที่ผ่านมา โดยคดีดังกล่าวศาลมีคำสั่งว่า ผู้ตายทั้ง 78 คนตายที่ค่ายอิงคยุทธบริหาร เหตุและพฤติการณ์ที่ตายคือขาดอากาศหายใจระหว่างอยู่ในความควบคุมของเจ้าพนักงานซึ่งปฏิบัติราชการตามหน้าที่ ทั้งนี้หลังจากที่นางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนหลังศาลมีคำสั่งดังกล่าวว่าผิดหวังกับคำสั่งศาล ซึ่งส่งผลให้ผู้พิพากษาได้รับความเดือดร้อน

แหล่งข่าวเปิดเผยต่อว่า ความเดือดร้อนดังกล่าวคือ ผู้พิพากษาในคดีนี้ได้รับแจ้งจากเจ้าหน้าที่หน่วยความมั่นคงว่าถูกหมายหัวจากกลุ่มก่อความไม่สงบในจังหวัดชายแดนภาคใต้ โดยผู้พิพากษาที่เป็นผู้ชายเป็นเป้าหมายอันดับหนึ่งที่จะต้องถูกจัดการ ส่วนอันดับสองเป็นผู้พิพากษาผู้หญิงซึ่งเป็นองค์คณะ หากไม่สามารถจัดการกับผู้พิพากษาทั้งสองได้ก็จะจัดการกับเจ้าหน้าที่ทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องกับคดีนี้ ไม่ว่าจะเป็นพนักงานอัยการ หรือตำรวจและทหาร

แหล่งข่าวกล่าวต่อมาว่า กรณีดังกล่าวได้สร้างความเดือดร้อนให้กับผู้พิพากษาในคดีนี้ รวมทั้งครอบครัว เนื่องจากหวาดกลัวว่าจะถูกทำร้ายได้ อีกยังเป็นการขยายความรุนแรงจาก 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ให้เข้ามาสู่จังหวัดสงขลา จากการให้สัมภาษณ์ดังกล่าว ทั้งที่การพิจารณาคดีดังกล่าวเป็นไปตามกฎหมาย โดยยึดคำวินิจฉัยของแพทย์ที่ชันสูตรศพเป็นหลัก ซึ่งไม่ใช่เป็นความผิดของอากาศที่ทำให้มีผู้เสียชีวิต แต่ก็ต้องมาจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่นั่นเอง ดังนั้นการวิพากษ์วิจารณ์ศาลดังกล่าวเป็นการขยายความรุนแรงให้กระจายออกไป เพราะมีคนวิพากษ์วิจารณ์ตามมาอีก

แหล่งข่าวเปิดเผยอีกว่า ด้วยเหตุดังกล่าวทำให้ทางสำนักงานอธิบดีผู้พิพากษาภาค 9 ได้จัดรถกันกระสุนให้ผู้พิพากษาทั้งสองคน รวมทั้งได้จัดเจ้าหน้าที่ให้ความคุ้มครองครอบครัวด้วย โดยที่ยังคงปฏิบัติหน้าที่อยู่ปกติ แต่ทำงานด้วยความรู้สึกที่ไม่สบายใจ พร้อมกันนั้นยังได้แจ้งไปยังเจ้าหน้าที่ศาลทุกแห่งในพื้นที่ให้ระมัดระวังมากขึ้น

ด้านนางอังคณา นีละไพจิตร ประธานคณะทำงานยุติธรรมเพื่อสันติภาพ กล่าวถึงเรื่องนี้ว่า ในวันที่ศาลจังหวัดสงขลามีคำพิพากษาไม่ได้ไปร่วมฟังคำสั่งดังกล่าวด้วย แต่ได้สอบถามชาวบ้านที่ไปร่วมฟังคำสั่งศาลว่ามีความคิดเห็นอย่างไรหลังจากฟังคำสั่งศาลดังกล่าวแล้ว ซึ่งชาวบ้านบอกว่า ผิดหวังที่ศาลไม่ได้บอกตรงๆ ว่าการตายดังกล่าวมาจากการปฏิบัติของเจ้าหน้าที่ ซึ่งก็ให้สัมภาษณ์ได้ตามที่ชาวบ้านพูด จะให้บอกว่าดีใจได้อย่างไร

นางอังคณากล่าวด้วยว่า ตอนนี้ชาวบ้านยังหวังว่ากระบวนการยุติธรรมจะเป็นที่พึ่งเดียวของชาวบ้านในพื้นที่ได้ แต่เมื่อชาวบ้านเสียความรู้สึกกับกระบวนการยุติธรรม ชาวบ้านก็ไม่รู้ว่าจะไปหวังพึ่งใครได้อีก

ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นางอังคณาได้กล่าวให้สัมภาษณ์สื่อในครั้งนั้นว่า ญาติผู้สูญเสียรู้สึกผิดหวังที่ศาลชี้ว่าผู้เสียชีวิตทั้งหมดเสียชีวิตจากการขาดอากาศหายใจ ไม่ใช่ข้อบกพร่องจากการขนย้ายของเจ้าหน้าที่ อย่างไรก็ดี ส่วนตัวเห็นว่ามีข้อเท็จจริงอีกหลายประเด็นที่ศาลไม่ได้หยิบมาพิจารณา เช่น การขนย้ายผู้ชุมนุมด้วยวิธีถอดเสื้อ มัดมือไพล่หลัง และขนขึ้นรถยีเอ็มซีในลักษณะเรียงทับซ้อนกันหลายๆ ชั้น หรือกรณีที่ผู้เสียชีวิตหลายรายมีร่องรอยคล้ายถูกทำร้าย ฉะนั้นจะหารือกับสภาทนายความเพื่อยื่นฟ้องเรียกค่าเสียหายทางแพ่งกับหน่วยงานรัฐที่เกี่ยวข้องกับการสลายการชุมนุมต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net