Skip to main content
sharethis

 

"สมเจตน์" ชี้ฎีกามิบังควรถูกประหารชีวิต
9 ส.ค. 52 - มติชนออนไลน์รายงานว่า พล.อ.สมเจตน์ บุญถนอม อดีตหัวหน้าสำนักงานเลขาธิการคณะมนตรีความมั่นคงแห่งชาติ(คมช.) กล่าวถึงการเดินหน้ายื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณว่า เป็นการใช้พลังมวลชนกดดันสถาบัน เพราะไม่ว่าผลจะออกมาอย่างไรก็จะเกิดความไม่พอใจกับประชาชนอีกฝ่าย ความจริงการยื่นถวายฎีกาใช้เพียงคนเดียวก็ทำได้ หากถูกต้องตามขั้นตอน แต่ที่ใช้คนจำนวนมากนั้นเพื่อใช้พลังมวลชนกดดัน
ผู้สื่อข่าวถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณเชื่อมั่นว่า จะสำเร็จถึงขั้นบอกว่ากำลังฟิตร่างกาย เพื่อกลับมาเป็นผู้นำประเทศอีกครั้ง พล.อ.สมเจตน์ กล่าวว่า พ.ต.ท.ทักษิณต้องพูดเช่นนี้เพื่อสร้างความเชื่อมั่นให้เครือข่าย และให้เห็นว่าพร้อมจะกลับมา ในวันที่ 17 สิงหาคมนี้ รัฐบาลควรต้องระมัดระวังเหตุบานปลาย การที่เสื้อแดงบอกว่าในอดีตเคยมีเรื่องการถวายฎีกาและสามารถทำได้นั้นต้องดูแต่ละกรณี ซึ่งในกรณีที่ทำไม่ได้ผู้ดำเนินการต้องถูกลงโทษประหารชีวิต ฐานหมิ่นพระบรมเดชานุภาพ เพราะทำให้กระทบกระเทือนสถาบัน ดังนั้นหากยกอดีตต้องยกมาทั้งหมดไม่ใช่ยกมาเฉพาะที่เป็นบวกกับกลุ่มตนเอง
เพื่อไทยยื่นศาลปกครอง ถอนคำสั่งล่าชื่อค้านฎีกา
(9 ส.ค.) ที่พรรคเพื่อไทย นายพร้อมพงศ์ นพฤทธิ์ โฆษกพรรคเพื่อไทย แถลงกรณีที่กระทรวงมหาดไทยออกคำสั่งให้ผู้ว่าราชการจังหวัด องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ระดมประชาชนมาร่วมลงชื่อคัดค้านการถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้พรรคเพื่อไทยได้รับการร้องเรียนจากหน่วยงานรัฐ และประชาชนจำนวนมาก ถึงการกระทำไม่ชอบธรรมของหน่วยงานรัฐ เช่น กรณี ผบก.ภ.อุบลราชธานี ออกคำสั่งไปถึง สภ.อ.ทุกแห่งใน จ.อุบลราชธานี กรณีนายอำเภอพิบูลมังสาหาร จ.อุบลราชธานี ทำหนังสือถึงหน่วยงานในสังกัดให้รวบรวมรายชื่อประชาชนมาคัดค้านการถวายฎีกาตามที่กระทรวงมหาดไทยสั่งการ รวมถึงมีผู้ใหญ่บ้าน จ.ฉะเชิงเทรา ร้องเรียนมายัง นายวุฒิพงศ์ ฉายแสง ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคเพื่อไทยว่า มีทหารจากกองพล 11 รอ. ไปล่ารายชื่อประชาชน โดยไม่บอกรายละเอียดที่ชัดเจน ให้ประชาชนรับทราบ
นายพร้อมพงศ์ กล่าวอีกว่า พรรคเพื่อไทยเห็นว่าการดำเนินการดังกล่าวของกระทรวงมหาดไทยเป็นการลิดรอนสิทธิเสรีภาพของประชาชน ซึ่งประชาชนที่ถูกละเมิดสิทธิสามารถฟ้องร้องผู้ออกคำสั่งตาม พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองและวิธีพิจารณาคดีปกครอง พ.ศ.2542 มาตรา 9 (1) ได้ เนื่องจากคำสั่งดังกล่าวไม่ได้อยู่อำนาจของกระทรวงมหาดไทย ตามที่บัญญัติไว้ใน พ.ร.บ.ปรับปรุงกระทรวง ทบวง กรม พ.ศ. 2545 มาตรา 30 ดังนั้นใน วันที่ 11 ส.ค. เวลา 09.30 น. จะเดินทาง ไปยื่นฟ้องต่อศาลปกครองกลาง เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งที่ไม่ชอบธรรมของกระทรวงมหาดไทย
นายพร้อมพงศ์ กล่าวต่อว่า ขอตั้งข้อสังเกตว่า การดำเนินการดังกล่าว อาจเป็นความตั้งใจของผู้มีบารมีนอกพรรคร่วมรัฐบาลบางคนที่ต้องการให้เกิดความขัดแย้งขึ้นในสังคม เพื่อนำไปสู่เหตุการณ์เช่นเดียวกับวันที่ 19 ก.ย. 2549 จึงขอฝากเตือนไปถึง นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าอย่าไปหลงกลบุคคลดังกล่าว แต่ถ้ารัฐบาลยังเพิกเฉย ไม่ยอมดำเนินการใดๆ จนเกิดเหตุการณ์อย่างใดที่ทำให้ประชาชนขัดแย้งกัน รัฐบาลจะต้องเป็นผู้รับผิดชอบในสิ่งที่เกิดขึ้น
'เทพไท' เชื่อ ประชาชนไม่อยากเห็นเสื้อแดงชุมนุม 17 ส.ค.นี้ ติง เสื้อแดงอย่ากดดันพระราชวินิจฉัยในหลวง
ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายเทพไท เสนพงศ์ โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีการเคลื่อนไหวของกลุ่มคนเสื้อแดงที่ จ. นครราชสีมา ว่า เป็นเรื่องเดิมๆที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตานายกรัฐมนตรี เคยใช้โฟนอินมายังกลุ่มคนเสื้อแดงทุกครั้ง เพื่อเป็นการต่อรองขอความเห็นใจและให้ความหวัง โดยเฉพาะที่พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวกับพี่น้องประชาชนว่า “พี่น้องช่วยเอาผมกลับบ้าน และผมจะช่วยพี่น้องพ้นความยากจน หมดหนี้หมดสิน มีสตางค์ใช้ทุกคน” ซึ่งล้วนแต่เป็นการสร้างความหวังแบบลมๆแล้งๆ เพื่อให้กลุ่มคนเสื้อแดงเกิดความกระหาย ที่จะให้ตนเองกลับมาประเทศไทย และรวมไปถึงการพูดว่าตนเองกำลังฟิตร่างกายเพื่อกลับมาแก้ปัญหาให้ประเทศชาติ ซึ่งก่อนที่จะกลับมาแก้ปัญหาให้ประเทศชาติ พ.ต.ท.ทักษิณต้องกลับมาเผชิญกับการดำเนินคดีที่รอยู่หลาย 10 คดี รวมถึงการเดินเข้าคุกเพื่อชดใช้กรรมจากคำพิพากษาของศาลเสียก่อน
สำหรับการที่ พ.ต.ท. ทักษิณอ้อนวอนประชาชนในการเลือกตั้งครั้งหน้า เพื่อขอให้เลือกส.ส.เพื่อไทยทุกคน ทุกเขต เพื่อตนเองจะได้กลับบ้านนั้น นายทพไท กล่าวว่า อยากถามว่า เมื่อการเลือกตั้งเดือน ธ.ค. 50 ประชาชนเลือกพรรคพลังประชาชนมากที่สุด และได้รัฐบาลนอมินีของสมัคร สุนทรเวช และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ มาบริหารประเทศ พ.ต.ท.ทักษิณก็ได้เดินทางกลับประเทศครั้งหนึ่ง และทำไมต้องหนีออกไปอีก ซึ่งเป็นเรื่องที่พ.ต.ท.ทักษิณทำขึ้นมาเอง วันนี้จะกลับเมื่อไหร่ก็ได้ ไม่ต้องรอการเลือกตั้งให้พรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล เพราะรัฐบาลนี้สามารถให้ความเป็นธรรมกับพ.ต.ท.ทักษิณได้อย่างเต็มที่อยู่แล้ว
ส่วนที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ขอบคุณคนเสื้อแดงทำเรื่องยื่นถวายฎีกาเพื่อให้ตนเองได้กลับบ้าน แสดงให้เห็นว่าเป็นความต้องการของพ.ต.ท.ทักษิณจริงๆ โดยใช้คนเสื้อแดงเป็นเครื่องมือล่ารายชื่อเพื่อถวายฎีกา และอยากถามตรงๆว่า ที่ประกาศว่ามีคนลงรายชื่อ 5 ล้านคน นั้น เป็นจริงหรือไม่ รายชื่ออยู่ที่ไหน ทำไมไม่เอามาเปิดเผย โดยเฉพาะส.ส.เพื่อไทย ได้เข้าร่วมการเซ็นชื่อกี่คน เพราะก่อนหน้านี้นายสุรพงษ์ โตวิจักษ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ประกาศว่าจะเกณฑ์ส.ส.พรรคเพื่อไทยลงรายชื่อทุกคน วันนี้เซ็นครบหรือยัง โดยเฉพาะร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ประธานส.ส.พรรคเพื่อไทย ที่เป็นดร.ทางกฎหมาย จะมีความคิดต่อการถวายฎีกาที่ผิดกฎหมายครังนี้อย่างไร เพราะการเคลื่อนไหวเสื้อแดง ร.ต.อ.เฉลิมไม่มีท่าทีและอยากให้จับตาว่าร.ต.อ.เฉลิมเข้าร่วมด้วยหรือไม่ รวมไปถึงกลุ่มคนตระกูลชินวัตร และครอบครัวพ.ต.ท.ทักษิณว่ามีกี่คนเข้าร่วมลงรายชื่อครั้งนี้ ทั้งๆที่เป็นผู้มีส่วนได้เสียโดยตรง ไม่อยากให้คนเลื้อแดงตกเป็นเครื่องมือพ.ต.ท.ทักษิณ ที่เคยเคลื่อนไหววันที่ 8-13 เม.ย. ที่ปลุกระดมคนเสื้อแดงมาเผาบ้านเผาเมือง ประกาศว่าคนเสื้อแดงไม่กลับบ้านมือเปล่า ต้องล้มอำมาตยาธิปไตยให้ได้ แต่ขณะเดียวกันคนในตระกูลชินวัตรและลูกเมีย เดินทางหนีออกนอกประเทศ ปล่อยให้คนเสื้อแดงรับชะตากรรมเพียงฝ่ายเดียว ไม่มีความรับผิดชอบใดๆจากแกนนำ เสื้อแดงรวมไปถึงพ.ต.ท.ทักษิณ จึงไม่อยากให้ครังนี้เป็นการหลอกลวงคนเสื้อแดงครั้งที่ 2 โดยคนของตัวเองไม่ลงรายชื่อด้วย ถ้ามีความผิดใดๆเกิดขึ้น คนเสื้อแดงจะกลายเป็นผู้รับกรรม พ.ต.ท.ทักษิณและเครือญาติก็จะลอยนวนเหมือนเดิม
ส่วนการที่แกนนำเสื้อแดงประกาศว่า การยื่นถวายฎีกาครั้งนี้ สุดแท้แต่พระบามสมเด็จพรเจ้าอยู่หัวจะมีพระบรมราชวินิฉัยอย่างไรก็จะยอมรับ จึงอยากถามว่า พระองค์ท่านจะมีพระบรมราชวินิฉัยได้อย่างไร เมื่อการถวายฎีกาครั้งนี้ แตกต่างกับการถวายฎีกาทั่วไป ที่ไม่มีความขัดแย้งทางการเมือง ถ้าจะวินิจฉัยให้กับฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ก็จะเกิดความไม่พอใจให้กับอีกฝ่ายหนึ่ง ซึ่งอาจกลายเป็นความแตกแยกเกิดขึ้นในชาติ ซึ่งเป็นเรื่องที่ไปกดดันพระราชวินิจฉัยพระองค์ จึงไม่ควรทำให้ระคายเคืองพระบุคลบาทใดๆทั้งสิ้น
ส่วนการประกาศชุมนุมของกลุ่มคนเสื้อแดงในวันที่ 17 ส.ค. เพื่อยื่นถวายรายชื่อขอนิรโทษกรรมให้พ.ต.ท.ทักษิณนั้น นายเทพไท กล่าวว่า เชื่อว่าคนไทยทั้งประเทศ ไม่อยากเห็นการชุมนุมของคนเสื้อแดงเกิดขึ้นอีกแล้ว แกนนำควรยึดในคำประกาศของตนเองที่เคยประกาศว่าจะใช้ตัวแทนไม่กี่คน เข้ายื่นรายชื่อดังกล่าว แต่เมื่อกลับคำพูดที่เคยประกาศไว้ โดยนัดชุมนุมคนนับแสนให้ยิ่งใหญ่กว่าการชุมนุมเมื่อเดือนเม.ย. ดังนั้นอยากถามว่า แกนนำเสื้อแดงชุมนุมคนเสื้อแดงขึ้นมาทำไม ถ้าจะเคลื่อนขบวนคนเสื้อแดงไปยื่นฎีกา ในลักษณะที่เคยปิดล้อมทำเนียบและรัฐสภามาแล้ว มาใช้พลังมวลชนมาปิดล้อมพระบรมมหาราชวังนั้น เชื่อว่าคนไทยยอมไม่ได้แน่นอน และลองนึกภาพดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่อยากเกิดความรุนแรงใดๆ เพื่อให้เกิดความสูญเสีย ที่สร้างความเสียหายให้เกิดขึ้นแก่ชาติบ้านเมือง
โฆษกประจำตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกสมาคมตำรวจ ได้ออกมาให้สัมภาษณ์ พาดพิงถึงนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่าการแต่งตั้งตำรวจครั้งนี้ เท่าที่จำได้ไม่เคยเห็นฝ่ายการเมือง เข้ามาแทรกแซงบัญชีโยกย้ายตำรวจอย่างชัดเจนเหมือนกับยุคนี้ ว่า ขอปฎิเสธว่าไม่เป็นความจริง นายกฯไม่เคยใช้อำนาจเข้ามาแทรกแซง ล้วงลูกเพื่อการโยกย้าย แต่นายกฯใช้อำนาจเพื่อเข้ามาแก้ไของค์กรตำรวจ ให้มีประสิทธิภาพในการทำงาน โดยยึดหลักของกฎหมาย และที่สำคัญคือต้อการความเป็นธรรมให้เกิดขึ้นกับสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.)
 “ความจริงเรื่องนี้ เริ่มต้นจากการทำงานของกรมตำรวจ ที่ไม่มีประสิทธิภาพ แต่กำลังจะเบี่ยงเบนประเด็นไปสู่การล้วงลูกของนักการเมือง เพื่อโยนความผิดให้ฝ่ายการเมืองว่า เป็นผู้แทรกแซงการโยกย้ายเหมือนทุกยุคทุกสมัย ทั้งๆที่การโยกย้ายตำรวจเป่นเรื่องของการช่วงชิงอำนาจ การแต่งตั้งของผู้บังคับบัญชาในสตช.”
นายเทพไท กล่าวว่า เห็นได้จากพระราชกฤษฎีกาการแบ่งส่วนราชการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งจะมีผลปฏิบัติ หลังจากประกาศใช้ 60 วัน และมีการแก้ไข 30 วัน และมีผลบังคับใช้แล้วหลังจากประกาศพรฎ.และพระราชกิจจานุเบกษา ก็เพียงเพื่อจะใช้สิทธิ์ในการแต่งตั้งโยกย้ายให้เร็วที่สุด จนเชื่อมโยงมาถึงโผโยกย้าย 152 นายพลว่าถูกต้องตามขั้นตอนกฎหมายหรือไม่ และเป็นที่จับตามองว่า ฝ่ายการเมืองจะเข้ามารื้อโผให้คนของตัวเองเข้าไปรับตำแหน่งนั้น ก็มีบทพิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า ทุกอย่างเป็นไปตามกระบวนการกฎหมายทุกอย่าง
นายเทพไท กล่าวต่อว่า เมื่อมติสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (กตร.) ยืนยันว่าให้เป็นไปตามโผเดิม ก็เป็นเรื่องของกตร. ที่จะต้องทำตามขั้นตอนกฎหมายต่อไป ฝ่ายการเมืองจะไม่เข้าไปเกี่ยวข้อง ที่นายกสมาคมตร.บอกว่า ไม่มียุคใดเข้าไปแทรกแซงเหมือนยุคนี้ ก็อยากถามว่ายุครัฐบาลพ.ต.ท.ทักษิณ นายกสมาคมคนนี้ไปนอนหลับมุดหัวอยู่ที่ไหน จึงไม่ยอมรับรู้การสร้างารัฐตำรวจ จึงอยากให้กลับไปดูการทำงานของสตช.ย้อนหลังว่า ยุคไหนกันแน่ ที่ฝ่ายการเมืองเข้าไปล้วงลูก เล่นพรรค เล่นพวก ล้วงลูก ตั้งเพื่อนร่วมรุ่น ญาติพี่น้อง และตำรวจ ที่ยอมรับใช้ตัวเอง ข้ามหัวผู้อื่นเข้ารับตำแหน่งสำคัญอย่างมากมาย และขอยืนยันว่า ยุคนี้จะไม่มีฝ่ายการเมืองเข้าไปแทรกแซงสตช. ปล่อยให้ดำเนินการตามกฎหมาย ไม่มีปูดบำเน็จพวกตัวเอง เพราะพรรคมีหลักการที่ชัดเจนว่า ทุกอย่างเป็นไปตามข้อกฎหมาย ตัวนายกฯไม่มีใครเป็นพวกของตัวเองในวงการตำรวจ ไม่มีคนรู้จักหรือญาติพี่น้อง แม้แต่ระดับจ่าตำรวจจนถึงนายพลก็ยังไม่มี
เชียงใหม่ลงชื่อค้านฎีกาช่วยทักษิณ 9 พัน
ด้านนายอมรพันธุ์ นิมานันท์ ผู้ว่าราชการ จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า หลังจาก จ.เชียงใหม่ ตั้งโต๊ะอำนวยความสะดวกให้ประชาชน ในการลงชื่อคัดค้านการยื่นถวายฎีกาขอพระราชทานอภัยโทษ ให้พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ล่าสุดจนถึงขณะนี้มีประชาชนมาลงชื่อแล้วกว่า 8,000-9,000 คน ทั้งนี้จะมีการตั้งโต๊ะอำนวยความสะดวกในการลงชื่อต่อเนื่องไปอีก 3-4 วัน ตามความต้องการและความเห็นของท้องถิ่นต่างๆ เนื่องจากยังมีประชาชนบางส่วนที่ยังไม่ได้เดินทางมาลงชื่อ
ส่วนการตั้งโต๊ะอำนวยความสะดวกให้ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยกับการยื่นถวายฎีกามาลงชื่อครั้งนี้ เป็นไปตามข้อเรียกร้องของกำนัน - ผู้ใหญ่บ้าน นอกจากที่ศาลากลาง จ.เชียงใหม่แล้ว กำนันผู้ใหญ่บ้านในอำเภอต่างๆก็ประสานขอให้มีการตั้งโต๊ะอำนวยความสะดวกด้วย
นายอมรพันธุ์ กล่าวอีกว่า นอกจากท้องถิ่นจะช่วยกันรณรงค์ให้ประชาชนที่ไม่เห็นด้วยมาร่วมลงชื่อคัดค้านการยื่นถวายฎีกาครั้งนี้ ในส่วนของภาคเอกชนหลายกลุ่มใน จ.เชียงใหม่ เริ่มมีการเคลื่อนไหวและเตรียมจะจัดกิจกรรมเพื่อแสดงออกถึงความไม่เห็นด้วยต่อการยื่นถวายฎีกาครั้งนี้ อย่างไรก็ตาม หลังยุติการตั้งโต๊ะลงชื่อคัดค้านการยื่นถวายฎีกาแล้ว กระทรวงมหาดไทย ยังไม่มีคำสั่งให้รวบรวมรายชื่อทั้งหมดส่งไป ให้ จ.เชียงใหม่ คงรวบรวมรายชื่อไว้จนกว่าจะมีคำสั่งมาอีกครั้ง
วันหยุดทำยอดถอนไม่ขยับ
รายงานข่าวจากกระทรวงมหาดไทยแจ้งว่า สำหรับตัวเลขการตั้งโต๊ะรับลงชื่อต้านถวายฎีกา ขอพระราชทานอภัยโทษให้กับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีและถอนชื่อถวายฎีกา ในช่วงวันที่ 8-9 สิงหาคมที่ผ่านมา มีผู้มาลงชื่อน้อยมากเนื่องจากเป็นวันหยุด ยอดรวมยังอยู่ที่ประมาณ 3.5 ล้านคน มีชื่อผู้ที่ลงชื่อถอนเพียง 10,000 คน ในสัปดาห์นี้ จะกำชับให้แต่ละจังหวัดลงพื้นที่มากยิ่งขึ้น และจะเชิญนักวิชาการและนักกฎหมาย ให้ข้อมูลแก่ผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศผ่านวิดีทัศน์ทางไกลผ่านดาวเทียม (วิดีโอคอนเฟอร์เรนท์) เพื่อให้ความรู้แก่ผู้ว่าฯและข้าราชการในพื้นที่ 
ที่มาข่าวเรียบเรียงจาก: เว็บไซต์ไทยรัฐ, เว็บไซต์พรรคประชาธิปัตย์, เว็บไซต์มติชน
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net