เวลา 20.45 น. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โฟนอินมายังเวทีปราศรัยของคนเสื้อแดง สะพานผ่านฟ้า โดยเริ่มต้นด้วยการแสดงความยินดีล่วงหน้าที่คนเสื้อแดงจะได้ชัยชนะล่วงและแสดงความเสีนใจต่อ พ.ต.อ.สมเพียร เกิดสมญา ซึ่งเสียชีวิตจากเหตุระเบิด พร้อมวิพากษ์ว่ารัฐบาลปัจจุบันเป็นรัฐบาลที่ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่เคยเข้าใจประชาชน เอาใจอำมาตย์ พร้อมได้ทวนความทรงจำว่านายอภิสิทธิ์เคยกล่าวว่าผู้นำต้องฟังเสียงประชาชน บางประเทศแค่นำเข้าเนื้อวัว ประชาชนมาเรียกร้องต้องลาออกทั้งคณะ วันนี้ นายอภิสิทธิ์คงเชื่อกระทรวงมหาดไทว่ามีประชาชนแค่หกหมื่นกว่าคน จึงไม่ยอมลาออก รัฐบาลนายอภิสิทธื์ปล่อยให้มีการคอร์รัปชั่นมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นทหาร ข้าราชการหรือสื่อมวลชน แบ่งกันกินแบ่งกันใช้ บนพื้นฐานของภาษีประชาชน เป็นรัฐบาลที่ประชาชนไม่เอาแล้ว พรรคการเมืองที่ใหญ่ที่สุดต้องเป็นพรรคฝ่ายค้าน เพราะโดนปล้นอำนาจมาจึงต้องเป็นฝ่ายค้าน

ทวนความหลังชนะเลือกตั้งถล่มทลาย เหตุอำมาตย์ระแวง

พ.ต.ท.ทักษิณยังย้อนความหลังด้วยว่า ปัญหาที่เกิดทุกวันนี้ เริ่มเมื่อเดือน ก.พ. 2548 วันที่พรรคไทยรักไทยชนะการเลือกตั้งอย่างถล่มทลายสมัยที่ 2 ได้ 377 เสียงจาก 500 เสียงหรือประมาณ 77 เปอร์เซ็นต์ของเสียงในสภาพ "ก็กลัวกันว่าถ้าประชาชนรักอย่างนี้ ชอบอย่างนี้จะแข็งเกินไปจึงต้องหาทางล้มล้าง เพราะไม่เคยเจอการเมืองที่เข้มแข็ง ไม่เคยเจอการชนะแบบแลนด์สไลด์อย่างนี้ พอประชาชนสบายรัฐบาลเข้มแข็ง การเมืองเข้มแข็งก็ไม่เป็นที่พอใจของอำมาตย์ จึงเริ่มกระบวนการปล่อยข่าวว่าผมไม่จงรักภักดี ซึ่งผมบอกได้เลยว่าไม่จริงครับ"

"พี่น้องจำได้ไหมครับ 6 พ.ค. 49 ที่มีการประชุมที่บ้านนายปีย์ มาลากุล ที่สุขุมวิท ประกอบด้วยพล.อ.สุรยุทธ คุณชาญชัย ลิขิตจิตถะ นายจรัฐญ ภักดีธนากุล พล.อ.พัลลภ ไปร่วมการประชุมกับเขาทำให้ผมรู้เรื่อง อีกคนคือนายปราโมทย์ นาครทรรพ พล.อ.สุรยุทธ์พูดซึ่งผมไม่เชื่อว่าทรงทราบ พล.อ.สุรยุทธ์พูดว่าตัวเขาเอง พล.อ.เปรม และนายธานินทร์ กรัยวิเชียรได้ไปเข้าเฝ้าพระเจ้าอยู่หัวแล้วกราบทูลว่าจะทำงานถวายคือจะจัดการทักษิณ  พี่น้องครับนี่แหละคือความวุ่นวายที่เกิดขึ้น"

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวต่อไปว่า พล.อ.พัลลภได้รับมอบหมายให้มาสังหารตนเอง แล้วมีกระบวนการหลายอย่าง แล้วในที่สุดคือเดือนสิงหาคม ที่มีการลอบวางระเบิดคาร์บอมบ์"เขาทำงานครั้งแรกเมื่อผมกลับจากไปทำงานที่อาจสามารถ ก่อนลงเครื่องบิน นายตำรวจที่ดูลได้บอกว่าสงสัยจะมีรถคันหนึ่งที่จะทำร้าย ในที่สุดรถคันนั้นหายไปผลสุดท้ายไปจอดอยู่ในกอ.รมน. แล้วมีผู้ต้องหาคนหนึ่งมาให้การกับผมว่า เขาบอกว่าป๋าเปรมให้พล.อ.อู๊ด เบื้องบนไปตามเรื่องที่ กอ.รมน.ถึงสองครั้ง ว่าเมื่อไหร่จะจัดการผมเสียที และนาย 'บัง' สนธิก็ไปตามด้วยตัวเอง และมีการลอบวางระเบิดในที่สุด แต่เนื่องจากผมทำบุญดีเลยไม่ตาย แม้ตอนนี้จะอยู่ต่างประเทศแต่ก็ยังอยู่กับพี่น้องประชาชนดวยใจถึงใจ"

"ประชาชนมีจิตสำนึกสูงกว่าอำมาตย์และจิตสำนึกสูงกว่านักการเมือง"

อดีตนายกรัฐมนตรีกล่าวต่อไปว่าไม่นึกการเมืองไทยจะโหดเหี้ยมโหดร้าย ทั้งๆ ที่ทำงานด้วยความทุ่มเทและจงรักภักดี "ไอสไตน์ กล่าวว่า ปัญหาจะแก้ไขไม่ได้เลย ถ้าคนแก้ปัญหามีจิตสำนึกต่ำกว่าหรือเท่ากับผู้ก่อปัญหา โดยสรุปคนที่จะแก้ปัญหาต้องมีจิตสำนึกสูงกว่าคนที่ก่อปัญหา แต่วันนี้ผู้ก่อปัญหาคืออำมาตย์ อำมาตย์ก่อปัญหาโดยการปล่อยข่าวลือว่าผมไม่จงรักภักดีแล้วก็ก่อการปฏิวัติรัฐประหาร แล้วก็สร้างไม่ยุติธรรมสองมาตรฐานให้เกิดขึ้นในประเทศ ไม่รักประชาชน นอกจากความอยู่รอดของอำนาจตัวเองเท่านั้น อย่างนี้แหละที่เรียกว่าจิตสำนึกต่ำ

"แต่ประชาชนมีจิตสำนึกสูงกว่าอำมาตย์และจิตสำนึกสูงกว่านักการเมือง ก่อนหน้านี้มีนักการเมืองของพรรคเพื่อไทยบอกว่าเมื่ออยู่ใกล้ประชาชนคนเสื้อแดงนั้น ประชาชนล้ำหน้าไปเยอะ คิดไปไกลกว่านักการเมืองเยอะ ก็เพราะว่านักการเมือง ข้าราชการ ถูกอำมาตย์กำหนดกรอบให้เดิน จึงคิดอยู่ในวงแคบ แต่พี่น้องประชาชนอยู่กับชีวิตความเป็นจริงอยู่กับโลกที่เปลี่ยนแปลงตลอดเวลา อยู่กับความยากลำบากในชีวิต จึงมีสำนึกที่สูงกว่าอำมาตย์และนักการเมือง ยกตัวอย่างง่ายๆ เช่น อำมาตย์บอกว่าการยึดอำนาจเป็นสิ่งถูกต้องชอบธรรมและแก้ปัญหาได้จึงยอมให้มีการปฏิวัติ แต่ประชาชนบอกว่า การปฏิวัติเป็นการฉุดรั้งความก้าวหน้าของประเทศ ทำลายประชาธิปไตย เห็นไหมครับจิตสำนึกมันคนละเรื่อง อำมาตย์ไม่เคยสนใจความถูกต้องในการใช้อำนาจ แต่ประชาชนบอกว่าอำนาจต้องมาด้วยความถูกต้องชอบธรรมโปร่งใส ผ่านกระบวนการและครรลองของประชาธิปไตยที่ตรวจสอบได้  อำมาตย์บอกตลอดเวลาว่าการใช้อำนาจสามารรถใช้ได้ตามอำเภอใจ คำสั่งเป็นกฎหมายทันทีและศาลต้องปฏิบัติตามที่สั่งมา แต่ประชาชนบอกว่าไม่ได้ กฎหมายต้องผ่านกระบวนการรัฐสภาที่ผ่านตัวแทนของประชาชนจึงจะชอบด้วยกฎหมาย ตัวอย่างแค่นี้พี่น้องก็เห็นว่าจิตสำนึกของพี่น้องประชาชนมันสูงกว่าจิตสำนึกของอำมาตย์เยอะ เพราะฉะนั้นพี่น้องประชาชนจะต้องเป็นคนแก้ปัญหา"

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า การจะแก้ปัญหาประชาธิปไตย สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาค และความเป็นธรรมนั้น อำมาตย์เป็นผู้แก้ไม่ได้ เพราะจิตสำนึกไม่ถึงต้องประชาชนเท่านั้นที่จะเป็นผู้แก้

"ทำไมรู้ไหมครับ เพราะว่าเทคโนโลยี การศึกษาการวิจัยค้นพบสิ่งใหม่ๆ มันเกิดองค์ความรู้ใหม่ เกิดวิธีการทำมาหากินใหม่ ประชาชนจึงต้องการเดินหน้า แต่อำมาตย์บอกให้ถอยหลัง จึงเกิดการชักเย่อทางความคิดครั้งใหญ่ อำมาตย์ต้องการถอยหลัง เพราะสบายดีแล้ว พอใจในสถานะของตนเองในปัจจุบัน ไม่สนใจอนาคต และอำมาตย์บางคนลูกก็ไม่มี เมียก็ไม่มี ไม่สนใจใครเลย มองมนุษย์ที่ยากจนแบบเดิมๆ มองคนจนเป็นคนรับใช้เหมือนเป็นทาส ไม่เคารพศักดิ์ศรัความเป็นมนุษย์ของคนไทยด้วยกันที่เป็นคนจน แต่ประชาชนอยากเดินหน้าอยากเห็นควาเมปลี่ยนแปลงไปสู่ความเป็นประชาธิปไตย เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ของประชาชนด้วยกัน"

"ไม่มีที่ไหนในโลกนี้ที่จะฝืนความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ของประชาชนได้ รวมถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์ด้วย"

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวกับผู้ชุมนุมถึงแนวทางต่อสู้ว่า วันนี้ นายวีระได้อ่านแถลงการณ์แล้วว่าให้เวลารัฐบาลนี้ 24 ชม. โดยพ.ต.ท.ทักษิณขอร้องให้ผู้ชุมนุมอดทน อยู่อย่างสันติ สู้อย่างสันติ

"เอาความจริงมาเปิดเผยเรื่อยๆ และในที่สุดความจริงวันนี้ได้เปลี่ยนเสื้อเหลืองมาเป็นเสื้อแดง เปลี่ยนคนกลางมาเป็นเสื้อแดงเยอะแล้วครับ พี่น้องครับถ้าปล่อยให้คนคิดได้ แนวคิดของพวกเราก็เป็นแนวคิดที่ถูกต้องเและเป็นธรรมที่สุด มันจะผิดได้อย่างไรในเมื่อเราต้องการสิทธิเสรีภาพของประชาชน เราต้องการความเสมอภาค เราต้องการความยุติธรรม มันไม่มีผิดหรอกครับ ไม่มีพลังอะไรที่ยิ่งใหญ่เท่ากับพลังของมวลชนและไม่มีที่ไหนในโลกนี้ที่จะฝืนความรู้สึกของคนส่วนใหญ่ของประชาชนได้ ไม่เคยมีใครอยู่ได้ รวมถึงรัฐบาลอภิสิทธิ์ด้วย ทางการเมืองถือว่าเสียงของประชาชนคือเสียงสวรรค์ แต่ทางธุรกิจต้องเคารพลูกค้าต้องเอาใจลูกค้า แต่ปรากฏว่าวันนี้ลูกค้าการเมืองกลายเป็นอำมาตย์ไม่ใช่ประชาชน"

พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวว่า ในทางการค้าจะมอมเมาอย่างไรก็ช่าง แต่เมื่อได้สัมผัสของจริงรู้แล้วใช้แล้วก็เข็ดจนตายไม่ใช้อีก เหมือนกันกับรัฐบาลอภิสิทธิ์ เลือกตั้งเมือไหร่คนไทยก็เข็ดไม่เลือกอีกแล้วจึงกลัวที่จะยุบสภา กลัวมากว่าเลือกตั้งเองไม่มีทางได้เป็นรัฐบาล ไม่รู้ว่าพล.อ.เปรมจะมีอายุถึงพอที่จะบังคับให้ทหารแต่งตั้งอภิสิทธิ์เป็นนายกอีกหรือไม่

"มันเกินเรื่องของผมไปแล้วครับ วันนี้มันเป็นเรื่องของชาติบ้านเมืองเป็นส่วนรวม"

"พี่น้องครับ อย่างยอมแพ้ อย่าห่วงผม มันเกินเรื่องของผมไปแล้วครับ วันนี้มันเป็นเรื่องของชาติบ้านเมืองเป็นส่วนรวมครับ วันนี้ช่อง 'หอยม่วง' เขามีตัววิ่งบอกว่า พี่น้องประชาชนอย่าออกจากบ้านมาต่อสู้ให้คนๆ เดียว พี่น้องครับ มันไม่เป็นการต่อสู้กันของคนๆ เดียว แต่มันเป็นสัญลักษณ์ของคนสองคนที่สู้กันอยู่ ผมคือสัญลักษณ์ของการถูกรังแกโดยอำมาตย์ที่ไม่มีประชาธิปไตยไม่มีความยุติธรรม ถ้าคนอย่างผมโดนรังแกได้พี่น้องก็โดนอย่างนี้มาตลอด ส่วนอีกคนๆ หนึ่งก็สั่งมันทุกเรื่องสั่งจนการเมืองเจ๊ง กระบวนการยุติธรรมเจ๊ง บ้านเมืองเสียหายเพราะต้องการเป็นตัวแทนของอำมาตย์ที่จะกุมอำนาจไว้ จึงไม่ใช่การต่อสู้ของคนๆ เดียวแต่เป็นการต่อสู้เชิงสัญลักษณ์เพื่อนำไปสู่กระบวนการประชาธิปไตยที่เป็นของประชาชน"

"ผมอยากเชิญชวนอำมาตย์ คิดผิดคิดใหม่ได้ และขอให้ยอมรับการเปลี่ยนแปลงในทางที่ดี อย่าทำลายระบบของประเทศเลย วันนี้ถามว่าพี่น้องจะล้มล้างระบบอำมาตย์เพื่ออะไร ก็เพื่อทำลายระบบที่กลั่นแกล้งไม่ให้ประชาชนได้ลืมตาอ้าปาก พี่น้องเสื้อแดงที่อยู่ต่างจังหวัดที่มาไม่ได้หรือไม่ได้มา ขอให้พี่น้องดูตัวอย่างที่ศาลากลางจังหวัดขอนแก่นเวลานี้ นักสู้เสื้อแดงขอนแก่นได้ชวนพี่น้องไปรวมตัวกันมีสองหมื่นกว่าคนแล้ว และนั่งฟังการปราศรัยผ่านสถานีช่องแดง จึงอยากจะขอเชิญชวนแกนนำเสื้อแดงของจังหวัดทุกจังหวัด ทุกศาลากลางเพื่อเป็นสัญลักษณืให้รู้ว่าพวกเอ็งอย่าทำร้ายพี่น้องประชาชนในกรุงเทพฯ พี่น้องที่เรียกร้องโดยสันติเพราะต้องการประชาธิปไตยจริงๆ"

พ.ต.ท.ทักษิณได้กล่าวย้ำว่าต้องการประชาธิปไตยที่มีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข ไม่เคยต้องการล้มล้างสถาบันแต่ต้องการล้มล้างระบบอำมาตย์ที่ไม่ยอมรับความเปลี่ยนแปลงว่าโลกเปลี่ยนแปลงไปถึงไหนแล้ว

"การต่อสู้ของคนเสื้อแดงมาถึงจุดที่สร้าง 'โซลิดาริตี้' หรือแนวร่วมแห่งชาติเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและความเป็นธรรม"

พ.ต.ท.ทักษิณยังกล่าวด้วยว่าขณะนี้การต่อสู้ของคนเสื้อแดงมาถึงจุดที่สร้าง 'โซลิดาริตี้' หรือแนวร่วมแห่งชาติเพื่อเรียกร้องประชาธิปไตยและความเป็นธรรม ขอให้พี่น้องมาร่วมมากๆ แม้ไม่กล้าใส่เสื้อแดงก็ให้มีสัญลักษณ์ว่าสีแดงนี้เป็นการต้อสู้เพื่อให้ได้มาเพื่อประชาธิปไตยและความเป็นธรรมของประเทศ

"เราไม่ต้องการล้มล้างใคร เราต้องการล้มล้างระบบคิดที่ผิดที่ทำร้ายกัน ผมอยากจะเชิญชวนอำมาตย์ไม่ต้องวิตกผม ไม่ต้องกลัวผม ผมไม่ใช่คนใจร้ายผมเป็นคนพุทธล้านเปอร์เซ็นต์ มีจิตใจที่รู้จักคำว่าอโหสิกรรม และคิดถึงคนส่วนใหญ่ ผมไม่ได้ต่อสู้เพื่อตัวเอง แต่ผมเป็นสัญลักษณ์ของการที่ทำล่ายประชาธิปไตยที่ผมได้มา สองสามเดือนมานี้ เวลาที่โฟนอิน ผมพูดในสิ่งที่รัฐบาลบอกว่าทำไม่ได้ ถ้ากรอบคิดของอำมาตย์ยังอยู่ในรกอบที่อำมาตย์จูงเดินอยู่แตที่ผมคิดได้เพราะผมอยู้ในกรอบของโลกใหม่ สอนวิธีการแบบใหม่ที่มนุษย์ต้องปรับตัว จำได้ไหมผมบอกว่าผมอยากรีเซ็ตประเทศใหม่ คิดหกเดือนล้างหนี้ให้ประชาชนทั้งประเทศ

ข้อที่สอง หกเดือนต่อมาจะหาเงินให้พี่น้องได้ใช้เงินอย่างเต็มที่ หกเดือนที่สามผมจะหางานให้พี่น้องทำ นี่คิอสิ่งที่ผมพูดแต่มีคนไม่เชื่อเพราะคนที่ไม่เชืออยู่ในระบบคิดเก่า และอยากจะบอกพี่น้องคนกรุงเทพฯ ว่าไม่ต้องวิตกเรื่องน้ำท่วม ผมกลับไปจะสร้างเขื่อนป้องกันน้ำท่วม และวันนี้อยากจะย้ำว่าต้องกระจายความเจริญให้ออกไปทั่วทั้งประเทศไทย ไม่ใช่กระจุกอยู่ที่ใดที่หนึ่งและต้องย้ำอีกครั้งว่าต้องขจัดความยากจนให้หมดไปสิ้นจากแผ่นดินไทย ขออย่างเดียวอำมาตย์อย่าถ่วงความเจริญเลย สงสารคนจนเถอะ และต้องเปลี่ยนระบบการศึกษาใหม่ เด็กไทยต้องหิ้วคอมพิวเตอร์ไปโรงเรียนทุกคน นี่คือระบบคิดใหม่ ต้องเปลี่ยนแล้ว ไม่อย่างงั้นไทยต้องไปแข่งเวียดนาม เราเคยแข่งญี่ปุ่น ไต้หวัน สิงคโปร์ แพ้กราวรูด วันนี้ไปแข่งกะเวียดนาม อย่าให้แข่งกะลาว-เขมรเลยครับ พอแล้วครับระบบคิดของอำมาตย์มันถ่วงความเจริญของประเทศ ศักยภาพของคนไทยมีเยอะ ต้องใช้ศักยภาพให้เต็มที่ ทำไมประเทศไทยคนจนเยอะ หากินในประเทศฝืดเคือง เพราะระบบคิดอำมาตย์ จากนี้ไปเป็นเวลาที่พวกท่านทั้งหลาย ส.ส.ทั้งหลาย นักการเมืองทั้งหลายต้องเข้าไปใกล้ชิด เพราะกระบวนการแทรกแซงจะเริ่มแล้ว"
 
พ.ต.ท.ทักษิณกล่าวย้ำว่า ต้องหยุดเอาเปรียบประชาชน ให้ประชาชนได้รับความยุติธรรม สิทธิเสรีภาพ ความเสมอภาคในการทำมาหากิน ท้ายที่สุดขอบคุณประชาชน และแกนนำเสื้อแดง รวมถึงมวลชนที่ให้การสนับสนุนและขอให้ทุกอย่างเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและได้ประชาธิปไตยที่แท้จริงคืนมา