Skip to main content
sharethis

ชายผู้หนึ่งชื่ออาวุธ อวิทพันดี นอนหมอบอยู่หลังแนวกั้นที่ทำขึ้นมาลวกๆ จากยางรถยนต์ รถบรรทุก และรั้วลวดหนาม เขาคอยสอดส่องขึ้นไปบนดาดฟ้าของอาคารใกล้เคียงเพื่อหาว่า มีพลแม่นปืนระยะไกลหรือสไนเปอร์ของฝ่ายทหารอยู่หรือไม่

เขายังมีสิ่งหนึ่งที่คอยติดตัวอยู่ตลอดเวลาจนทำให้เป็นที่มาของชื่อเรียกหนึ่งใน "มนุษย์บั้งไฟ" (Rocket men) ซึ่งทำมาจากไม้ไผ่กับดินปืนที่ทำขึ้นมาเอง และท่อเหล็กที่เปรียบเสมือนบาซูก้ายุคโบราณ ขณะที่จรวดทำมือของเขาอาจสู้อะไรปืนสไนเปอร์ไม่ได้เลย แต่เขาก็หวังว่ามันจะช่วยเบี่ยงเบนเป้าหมายได้สักเล็กน้อยก็ยังดี

"(บั้งไฟ) มันไม่ได้ทำให้ใครบาดเจ็บได้หรอก เว้นแต่จะโดนเข้าไปตรง ๆ" ชายอายุ 34 ปี กล่าว เขามี 'ผู้สอดส่อง' คอยถือกล้องส่องทางไกลคอยช่วยเหลือ "แต่มันก็เป็นความหวังของเราที่จะทำให้พวกสไนเปอร์หรือพวกเฮลิคอปเตอร์ทหารที่บินต่ำ ๆ เสียกำลังใจ อาจทำให้พวกเขากลัวได้เล็กน้อย"

อย่างไรก็ตาม การสังหารผู้คนรอบตัวเขาทำให้ทราบว่า พลแม่นปืนของทหารไม่อยู่ในอารมณ์ที่จะเกิดกลัวขึ้นมาเลย ตรงกันข้าม พวกผู้ชุมนุมกลับจะถูกใส่ความว่า เป็นฝ่ายยกระดับความรุนแรงไปเสีย ฉากของเมืองหลวงไทยตอนนี้กลายเป็นสมรภูมิแทนที่จะเป็นหนึ่งในเมืองที่มีความมั่งคั่งที่สุดในเอเชีย ศพของคนที่ถูกยิงหมอบอยู่ตามทางเท้า บางส่วนคลานหลบไปหาที่กำบัง รอยเลือดไหลลงสู่ท่อระบายน้ำใกล้ ๆ

วันเสาร์ (15) เป็นวันที่ 3 ที่กรุงเทพฯ เป็นสมรภูมิ มีผู้เสียชีวิต 22 ราย และบาดเจ็บ 172 ราย การปะทะเกิดขึ้นหลังจากทหารพยายามล้อมผู้ชุมนุมในย่านเศรษฐกิจหลักของกรุงเทพฯ

ภายในบริเวณ 500 หลา พื้นที่ซึ่งเป็นเสมือนป้อมปราการยุคกลาง (medieval) ของเสื้อแดง ถูกล้อมโดยรถฉีดน้ำของทหารและกองทัพในชุดเกราะ แต่ภายนอกจากนั้นไปชีวิตก็ดูปกติ นักท่องเที่ยวจากอังกฤษและจากที่อื่นยังคงหาซื้อนาฬิกาโรเล็กซ์ของเก๊ คุ้ยกอง DVDs ข้างถนนในแถบถนนสุขุมวิท ไม่ได้รับรู้อะไรกับความวุ่นวาย

แต่อีกหลายคนก็กำลังกลัวว่าหลังจากนี้ปัญหาก็อาจลุกลามเป็นวงกว้างขึ้นไปอีก การที่อภิสิทธิ์ พยายามปราบปรามผู้ชุมนุมอาจทำให้พวกเขาลดจำนวนไปได้สักพักหนึ่ง แต่การนองเลือดมันก็กลับเป็นการตอกย้ำความเคียดแค้นให้เพิ่มมากขึ้นด้วย

"ผมเศร้ามาก โดยเฉพาะตอนที่ผมเห็น 'เพื่อน' ผมตาย" ผู้ชุมนุมคนหนึ่งกล่าว เขาคือ นายอินทรา ชาติชัย หรือ 'โจ' อายุ 42 ปี เขาเป็นเสื้อแดงผู้โชกโชน ใช้เวลาทั้ง 63 วันที่ผ่านมาหลับนอนบนเสื้อน้ำมันข้างถนนใต้กันสาด "ผมรู้สึกว่าในใจผมโกรธ ผมไม่รู้ว่าจะอธิบายความรู้สึกต่อรัฐบาลนี้อย่างไรดี มันแย่ แล้วตอนนี้ก็ยิ่งแย่เข้าไปอีก นี้คือเหตุผลว่าทำไมนายกฯ ควรออกจากตำแหน่งได้แล้ว"

การปะทะกันเริ่มต้นขึ้นเมื่อวันพฤหัสฯ (13) ที่ผ่านมา เมื่อนายพลผู้มีสไตล์ของตัวเองอย่าง เสธ.แดง ถูกยิงเข้าที่หัวหลังจากหมดเส้นตายมาตรการปิดล้อมของกองทัพไม่กี่นาที เขาล้มลงต่อหน้าสื่อที่กำลังสัมภาษณ์เขา กระสุนตรงเข้าที่หน้าผากเขา แกนนำเสื้อแดงบอกว่า การเล็งที่แม่นยำขนาดนี้ต้องเป็นผลงานของสไนเปอร์กองทัพ แม้รัฐบาลจะออกมาปฏิเสธและสัญญาว่าจะสืบสวนเรื่องนี้

เหวง โตจิราการ บอกว่าลูกกระสุนที่ใช้เป็น ลูกชนิด.308 จากปืนสไนเปอร์ที่มีใช้แต่ในกองทัพเท่านั้น

"นี่คือแผนการลอบสังหารโดยรัฐบาลแน่นอน" เหวง บอกกับ เทเลกราฟในวันอาทิตย์ (16) "ถ้าหากเชื่อว่าเขา (เสธ.แดง) เป็น 'ผู้ก่อการร้าย' จริง พวกเขาก็ควรไปแจ้งที่ศาล แต่นี่กลับมาจุดชนวนสงครามกลางเมืองในประเทศ"

การสูญเสียชีวิตยิ่งทำให้ความตึงเครียดสูงขึ้นไปอีกภายใต้บรรยากาศถูกล้อมที่ชุมนุมเช่นนี้ ในที่ชุมนุมเปรียบเสมือนการผสมผสานกันระหว่างงานเทศกาลกับกระบวนการเปลี่ยนแปลงประเทศ ผู้ชุมนุมหลับนอนบนเสื่อ กินข้าวแกงที่มีผู้หวังดีบริจาคมาให้ คอยฟังคำปราศรัยจากเวทีที่ไม่ได้บรรจงอะไรนัก แต่พวกเขาก็เตรียมพร้อมรับมือกับปัญหาอยู่ตลอดเวลา มีการเตรียมก้อนหิน ถุงปลาร้า และพริกแกง เตรียมขว้างปาใส่ทหารที่เคลื่อนทัพเข้ามาอยู่ตลอดเวลา รวมถึงมีการเตรียมน้ำมันและถั่วเขียวเพื่อให้ถนนลื่น และ "มนุษย์บั้งไฟ" อย่าง อวิทพันดี ก็คอยเตรียมบั้งไฟที่ทำจากขี้เถ้า สารเคมี เป็นกรรมวิธีเดียวกับที่ใช้กับบั้งไฟในงานเฉลิมฉลอง

ในวันศุกร์ (14) มีร่างไร้ชีวิตของผู้ชุมนุมถูกคลุมด้วยผ้าสีขาวถูกแห่ไปรอบที่ชุมนุมเพื่อเป็นหลักฐานแสดงถึงความโหดร้ายของทหาร ความสูญเสียอื่นๆ ถูกเผยแพร่โดยภาพถ่ายสยดสยองในจุดหนึ่งของลานชุมนุม บางรูปแสดงภาพแผลเปิดบนร่างกายพวกเขา บางรูปแสดงให้เห็นสภาพศีรษะที่ถูกปืนไรเฟิลยิง

มีผู้ชุมนุมบางคนที่เป็นพวกฮาร์ดคอร์ อย่างอรุณ แปงเมือง หรือชาติ อายุ 48 ปี เขาเป็นชาวนายากจนจากภาคเหนือ มีเมียและลูกอีก 6 คนที่โตแล้ว เขาร่วมชุมนุมมาตั้งแต่วันแรกของบอกว่าจะอยู่จนถึงสิ้นสุดการชุมนุม

"ผมมาที่นี่และจะอยู่ไปจนจบเพราะพวกเราต้องการประชาธิปไตยที่บริสุทธิ์ ไม่ใช่รัฐบาล 2 มาตรฐานแบบนี้" ชาติกล่าว เขามีพระเครื่องห้อยอยู่สองรูปเพื่อปัดเป่าภยันตราย "พวกเขา (รัฐบาล) นั้นมือถือสากปากถือศีล พวกเขายิ่งทำให้ช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนถ่างกว้างออกไปอีก"

สิ่งที่เกิดขึ้นในตอนนี้ยังไม่มีอะไรแน่ชัด มีแกนนำหลักของเสื้อแดงถอนตัวออกไป 4 ราย เนื่องจากเกรงเรื่องการนองเลือดบานปลาย ขณะที่แกนนำคนอื่นๆ บอกว่า ไม่ได้มีความขัดแย้งภายในใดๆ ของแกนนำ ขณะที่ทักษิณ ที่ถูกกล่าวหาว่าจ้างผู้ชุมนุมมาเริ่มปรากฏตัวน้อยลง ขณะที่อภิสิทธิ์เมื่อคืนที่แล้ว (15) ยังคงยืนยันปราบปรามผู้ชุมนุมต่อไป  สรรเสริญ แก้วกำเนิด ก็บอกว่าจะใช้มาตรการขั้นสูงสุดในการรุกรานผู้ชุมนุม และถ้าหากพวกเขาทำ ก็จะมีคนที่พร้อมเสี่ยงชีวิตอีกหลายคน

"ถ้าทหารมาผมก็ไม่กลัวตาย" ชาติกล่าว "ผมเกิดมาครั้งเดียว และผมก็ตายครั้งเดียว"
 

ที่มา
Home made rockets vs army snipers: on the frontline of the Thai protests, Telegraph
http://www.telegraph.co.uk/news/worldnews/asia/thailand/7729061/Home-made-rockets-vs-army-snipers-on-the-frontline-of-the-Thai-protests.html

 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net