13 ก.ค. 54 - เวลา 14.30 ที่สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ศูนย์ราชการ แจ้งวัฒนะ ตัวแทน“กลุ่มจับตาการทำงานคณะกรรมการสิทธิฯ” (NHRC-WATCH) ได้เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึกต่อคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เพื่อร้องเรียนให้ตรวจสอบการทำงานของคณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวม หลักฐานกรณีเหตการณ์ที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตย ต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ( นปช.) โดยมีนางอมรา พงศาพิชญ์ ประธานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเป็นตัวแทนรับจดหมายดังกล่าว
นอกจากจดหมายเปิดผนึกดังกล่าวแล้ว ทาง “กลุ่มจับตาการทำงานคณะกรรมการสิทธิ” ยังได้มอบแบบจำลองหนังสือเรียนวิชาสิทธิมนุษยชนเล่ม 1 ที่ภายในบรรจุหลักการสิทธิมนุษยชนสากลพร้อมด้วยรายชื่อผู้เสียชีวิตใน เหตุการณ์สลายการชุมนุม เมษายน – พฤษภาคม 2553 จำนวน 92 ราย อีกทั้งยังได้มอบแว่นขยายจำลองขนาดใหญ่รวมถึง ปืน M16 จำลอง ที่เขียนข้อความว่า "ร่างรายงานผลการตรวจสอบกรณีเหตการณ์ชุมนุมของ นปช. โดยกรรมการสิทธิฯ" อีกด้วย
นางอมรา พงศาพิชญ์ ได้ตอบข้อซักถามของคณะที่มายื่นจดหมายด้วยว่า รายงานฉบับจริงของ กสม. เรื่องการตรวจสอบกรณีสลายการชุมนุม ยังต้องใช้เวลาพิจารณาเพิ่มอีก เนื่องจากยังมีข้อวิจารณ์มาก นอกจากนี้ ทาง กสม.ก็ได้ใช้ข้อมูลด้านอื่นๆ เช่น พยานวัตถุ พยานบุคคล และพยานเอกสาร นอกเหนือไปจากข้อมูลของ ศอฉ. และต่อกรณีข้อวิจารณ์ของรายงานที่ได้ปรากฏในหน้าสื่อต่างๆ นั้น อมรากล่าวว่า ต้องรอพิจารณาฉบับจริง ซึ่งต้องใช้เวลาตรวจสอบเพิ่ม
"ก็คุณก็ยังไม่ได้เห็น (ฉบับจริง) เลย ข่าวก็ไปตัดตรงนี้นิดนึง ตรงนั้นหน่อย และยังมีข้อวิจารณ์ตั้งเยอะแยะต่อรายงาน ก็เลยต้องเลื่อนออกไป โดยเฉพาะยิ่งเกิดข้อวิจารณ์เยอะอย่างนี้ เราก็ยิ่งต้องตรวจมากขึ้นไปอีก ก็คงต้องใช้เวลาเพิ่มขึ้น" ประธาน กสม. กล่าว
จดหมายเปิดผนึกถึงคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
เรียน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ
เรื่อง ร้องเรียนให้ตรวจสอบการทำงานของคณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจากการชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ
ตามที่ คณะทำงานแสวงหาข้อเท็จจริงและรวบรวมหลักฐานกรณีเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจาก การชุมนุมของกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติซึ่งมี ศ. ดร. อมรา พงศาพิชญ์ เป็นที่ปรึกษา และนายแพทย์ชูชัย ศุภวงศ์ เลขาธิการคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) เป็นประธาน เตรียมแถลงข่าวรายงานสรุปผลการตรวจสอบการชุมนุมในเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2553 กรกฎาคม 2554 การนี้ พบว่ามีหนังสือพิมพ์ไทยบางฉบับได้นำเสนอสรุปความซึ่งอ้างว่าได้มา จากรายงานฉบับร่างของกคณะกรรมตรวจสอบข้อเท็จจริงฯ ชุดดังกล่าว เผยแพร่ไปเมื่อวันพฤหัสบดีที่ 7 กรกฎาคม 2554[1] ซึ่งกลุ่มจับตาการทำงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (NHRC-WATCH) มีข้อสังเกตดังต่อไปนี้
กรณีที่ หนึ่ง ข้อความที่ระบุไว้ว่า "การขอคืนพื้นที่เมื่อวันที่ 10 เมษายน เป็นการปฏิบัติหน้าที่เพื่อคุ้มครองสิทธิของประชาชนทั่วไป รัฐบาลทำไปตามมาตรการที่ได้ประกาศไว้ก่อนจริง เป็นการกระทำจากเบาไปหาหนัก จึงเป็นการกระทำภายใต้กฎหมายที่ให้อำนาจไว้” และ “ผู้ชุมนุมต่อต้านและขัดขวางการปฏิบัติหน้าที่ของรัฐ ทั้งยังมีกลุ่มชายชุดดำติดอาวุธปะปนอยู่กับผู้ชุมนุมถือว่าเป็นผู้สนับ สนุนที่พร้อมใช้ความรุนแรง...ดังนั้น การชุมนุมดังกล่าวจึงมิใช่การชุมนุมโดยสงบและปราศจากอาวุธ” ชี้ให้เห็นถึงข้อสงสัยต่อความน่าเชื่อถือของเนื้อหาของรายงานฉบับดัง กล่าวฯ คณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงฯที่จัดทำรายงานตรวจสอบฯ ฉบับนี้มิได้ยึดหลักกติการะหว่างประเทศว่าด้วยสิทธิพลเมืองและสิทธิทางการ เมืองในการจัดทำรายงาน และยังส่งเสริมให้รัฐบาลใช้ความรุนแรงกับประชาชนได้โดยชอบตามกฎหมาย กล่าวคือ กสม.ให้ความชอบธรรมในการประกาศพระราชกำหนดฉุกเฉินในการนำทหารพร้อมกำลังอา วุธครบมือออกมาปฏิบัติการกับผู้ชุมนุมในวันที่ 10 เมษายน 2553 ทั้งที่ก่อนหน้านี้การชุมนุมเป็นไปโดยสงบและไม่เคยมีรายงานข่าวถึงการใช้ อาวุธร้ายแรงจากฝ่ายผู้ชุมนุมแต่อย่างใด โดยมิได้คำนึงถึงหลักความได้สัดส่วนในการใช้กำลังอาวุธ และเนื้อหากฎหมายของพรก.ฉุกเฉินที่ลดทอนสิทธิของพลเมืองไทย
กรณีที่ หก การเสียชีวิต 6 ศพในวัดปทุมวนาราม รายงานของคณะกรรมการอิสระตรวจสอบและค้นหาความจริงเพื่อการปรองดองแห่งชาติ (คอป.) และรายงาน Descent into Chaos: Thailand’s 2010 Red Shirt Protests and the Government Crackdown จัดทำโดยฮิวแมนไรซ์ วอช ต่างได้ข้อสรุปเบื้องต้นจากพยานหลักฐานว่าการเสียชีวิตดังกล่าวน่าเชื่อ เกิดจากการกระทำของเจ้าหน้าที่รัฐ เหตุใดคณะกรรมการของกสม.จึงอ้างว่าไม่สามารถรวบรวมพยานหลักฐานยืนยันได้ ว่าใครเป็นผู้กระทำ
กรณีที่ เจ็ด การที่กสม.เห็นว่าการที่รัฐบาลสั่งปิดสถานีโทรทัศน์พีเพิลชาแนลซึ่งเป็น สื่อมวลชนที่มีความเห็นแตกต่างจากรัฐบาลไม่ได้เป็นการละเมิดสิทธิและ เสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น เท่ากับว่าที่ผ่านมารัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะไม่เคยละเมิดสิทธิและเสรีภาพในการแสดงความคิดเห็น ในการชุมนุมและในการรวมกลุ่มตามกติกาสากลเลยใช่หรือไม่
นอกจากนี้ สรุปความในรายงานข่าวที่นำเสนอยังมีข้อบ่งชี้อีกประการซึ่งทำให้เห็นว่า การจัดทำรายงายฉบับนี้มีที่มาของแหล่งข้อมูลที่ไม่เป็นกลาง และขาดความน่าเชื่อถือ กล่าวคือ รายงานได้อ้างถึงแหล่งข้อมูลจากรายงานศูนย์อำนวยการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉิน หรือ ศอฉ. ซึ่งเป็นที่ทราบโดยทั่วไปว่า ศอฉ. เป็นหน่วยงานที่รัฐบาลจัดตั้งขึ้นเพื่อควบคุมดูแลการชุมนุมของกลุ่มนปช. ในเดือนเมษายน – พฤษภาคม 2553 ซึ่งมีความเป็นได้ว่ารายงานที่จัดทำโดยศอฉ. จะมีความโน้มเอียงไปในทิศทางสนับสนุนการทำงานของรัฐบาล
ด้วยเหตุผลดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น กลุ่มจับตาการทำงานคณะกรรมการสิทธิฯ (NHRC-WATCH) เห็นว่า คณะกรรมการแสวงหาข้อเท็จจริงฯ ไม่ได้มีความตั้งใจ และไม่ได้เจตนาที่แท้จริงในการแสดงหาข้อเท็จจริงเกี่ยวกับการเสียชีวิตของ พลเมืองที่ร่วมแสดงสิทธิทางการเมือง ตามกำหนดแล้ว กสม.ต้องเผยแพร่รายงานภายใน 120 วันนับจากวันที่มีการแต่งตั้งชุดทำงานเฉพาะกิจ ที่ผ่านมา กสม.ให้สัมภาษณ์ว่าจะเผยแพร่ในเดือนมกราคม แต่สุดท้ายก็ไม่มีการเผยแพร่ ล่าสุดกสม.ก็แถลงเลื่อนการเผยแพร่รายงานจากวันที่ 8 กรกฎาคม โดยไม่มีคำอธิบายที่ชัดเจนต่อสาธารณะ ทางกลุ่มจึงมีคำถามดังนี้
1. คณะกรรมการสิทธิจะแสดงความรับผิดชอบต่อการเผยแพร่รายงานที่ล่าช้าเกินกว่าที่ระเบียบกำหนดอย่างไร
2. เหตุใดจึงเลื่อนการเผยแพร่รายงานครั้งล่าสุดออกไปอีก และจะให้คำมั่นต่อสาธารณะอย่างไรว่าจะมีการเผยแพร่รายงาน
3. เพื่อความโปร่งใสในการทำงานของกสม. กสม.ควรแถลงกระบวนการและขั้นตอนการจัดทำรายงานฉบับนี้ต่อสาธารณะและเปิด โอกาสให้ประชาชนและสื่อมวลชนได้ร่วมซักถามในงานแถลงข่าว
ขอแสดงความนับถือ
กลุ่มจับตาการทำงานคณะกรรมการสิทธิฯ (NHRC-WATCH)
13 กรกฎาคม 2554
[1] หนังสือพิมพ์มติชน ฉบับวันที่ 7 กรกฎาคม 2554 หน้า 12
หมายเหตุ: ข้อมูลและคลิปวิดีโอจาก Bus Tewarit
เรื่องที่เกี่ยวข้อง: ผลสอบกรรมการสิทธิฯชี้มาร์คประกาศภาวะฉุกเฉินจำเป็น-เหมาะสม-ไม่ละเมิดสิทธิฯ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)