Skip to main content
sharethis

เลขาธิการ กปปส. ขอให้ชุมนุมต่อไปจนกว่าจะสามารถขจัดระบอบทักษิณ สามารถตั้งสภาประชาชน รัฐบาลประชาชนเพื่อปฏิรูปการเมือง พร้อมชี้แจงผลการโรดโชว์กับ 7 สมาคมธุรกิจ และระบุจะได้พบ ผบ.สส. ผบ.สามเหล่าทัพ และ ผบ.ตร. เสาร์นี้เวลา 15.00 น.

12 ธ.ค. 2556 – เมื่อเวลา 19.10 น. วันนี้ (12 ธ.ค.) ที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตย สุเทพ เทือกสุบรรณ อดีต ส.ส.สุราษฎร์ธานี เลขาธิการ "คณะกรรมการประชาชนเพื่อการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยให้เป็นประชาธิปไตยที่สมบูรณ์อันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข" หรือ กปปส. ได้ขึ้นปราศรัย หลังจากที่ก่อนหน้านี้ เมื่อเวลา 15.00 น. แกนนำของ กปปส. เดินทางที่โรงแรมสุโกศล ถ.ศรีอยุธยา เพื่อหารือเรื่องการปฏิรูปการเมืองในแนวทางของ กปปส. ร่วมกับตัวแทน 7 องค์กรภาคธุรกิจ ประกอบด้วย สภาหอการค้าไทย, สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, สภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย, ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย, สภาธุรกิจตลาดทุนไทย, สมาคมบริษัทจดทะเบียน, สมาคมธนาคารไทย รวมทั้งองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่นแห่งประเทศไทยนั้น (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

สุเทพเริ่มต้นปราศรัยว่า ที่บอกว่าเมื่อวันที่ 9 ธ.ค. ที่ขอชุมนุมกันอีก 3 วันนั้น ขอสารภาพว่าไม่นึกว่านายกรัฐมนตรีจะดื้อด้านขนาดนี้ นอกจากนี้แจ้งว่าวันนี้ก่อน 2 ทุ่ม คงไม่มีโอกาสไปพบกับผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการทั้งสามเหล่าทัพ และ ผู้บัญชาการสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เพราะมีข้อติดขัดเรื่องการติดต่อสื่อสาร แต่ล่าสุดได้ให้ตัวแทนของแกนนำ กปปส. คือ สกลธี ภัททิยกุล อดีต ส.ส. กทม. ซึ่งเป็นบุตรชายของ พล.อ.วินัย ภัททิยกุล อดีตเลขาธิการ คมช. ซึ่ง ผบ.สส. กล่าวว่าสามารถมาพบได้ในวันเสาร์ที่ 14 ธ.ค. เวลา 15.00 น. โดยสุเทพได้กล่าวขอบคุณ ผบ.สส. ผบ.เหล่าทัพ และ ผบ.ตร. ที่เปิดโอกาสให้แกนนำ กปปส. เข้าพบ โดยสุเทพกล่าวว่าถือเป็นการสื่อสารทางตรงไม่ผ่านสื่อ และเมื่อ ผบ.สส.ตอบรับ ขอให้ผู้ชุมนุมปรบมือเพื่อแสดงน้ำใจ

ต่อมาสุเทพปราศรัยชี้แจงการเข้าพบกับ 7 องค์กรภาคธุรกิจ และองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่นแห่งประเทศไทย ว่า กปปส. ได้ชี้แจงว่าเจตนารมณ์ของ กปปส. เพื่อให้เกิดความสันติสุขทั้งแผ่นดิน ได้เรียนว่าการปฏิรูปประเทศไทยจะต้องทำก่อนการเลือกตั้งทั่วไป ช้าไม่ได้ และชี้แจงว่ารัฐบาลของยิ่งลักษณ์ ชินวัตรหมดความชอบธรรมตั้งแต่วันที่ 20 พ.ย. ตั้งแต่ออกมาปฏิเสธคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ รัฐสภาซึ่งมีอำนาจนิติบัญญัติ ต้องออกกฎหมายเพื่อส่วนรวม แต่รัฐบาลก็ได้ทำการทรยศความไว้วางใจประชาชน ไปเขียนกฎหมายล้างผิดให้กับนักโทษที่ศาลพิพากษาจำคุก และยึดทรัพย์ 46,000 ล้าน เพราะทุจริต ไม่มีประเทศไหนในโลกที่เขานิรโทษกรรมให้คนทุจริต ล้างผิดให้คนทำผิดอุกฉกรรจ์ ฆ่าคน เผาบ้าน เผาเมือง เผาทรัพย์สิน ไม่มีประเทศไหนล้างความผิดให้แบบนี้ ทำการหักหลังประชาชนชัดแจ้ง และตัวรัฐบาลเองก็ละเมิดพระราชอำนาจครั้งแล้วครั้งเล่า เช่น จงใจนำร่างรัฐธรรมนูญที่มีปัญหาขึ้นไปทูลเกล้าให้พระมหากษัตริย์ลงพระปรมาภิไธยทั้งที่เป็นปัญหา แม้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยแล้วว่ามิชอบ และกระทำด้วยความฉ้อฉล นายกรัฐมนตรีก็ไม่ได้ขอพระราชทานคืนมา นี่ถือว่าจงใจกระทำการกระทบกระเทือนเบื้องพระยุคลบาท

“วันที่ 9 ตอนเช้าที่นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา ก็ไม่ได้นำร่างพระราชกฤษฎีกาไปทูลเกล้าให้ลงพระปรมาภิไธย นี่ก็มิบังควร ไม่มีใครทำมาก่อน ผมได้เรียนเรื่องนี้กับผู้นำภาคเอกชน ให้ตระหนักว่าสิ่งเหล่านี้เป็นข้อเท็จจริงที่คนไทยรู้เห็น ทราบพร้อมๆ กัน และปฏิเสธไม่ได้”

สุเทพปราศรัยว่า “รัฐบาลคุณยิ่งลักษณ์ไม่ใช่รัฐบาลระบอบประชาธิปไตย เป็นรัฐบาลหุ่นเชิดของทักษิณ ชินวัตร ที่หนีคดีอยู่ต่างประเทศ เมื่อประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย ตามมาตรา 3 ของรัฐธรรมนูญ พอมอบอำนาจให้สภานี้ไปใช้อำนาจนิติบัญญัติ ให้รัฐบาลใช้อำนาจบริหารแทนประชาชน แล้วปรากฏชัดแจ้งว่าทั้งรัฐสภา และรัฐบาลได้ทำการทรยศ หักหลัง ผู้มอบอำนาจคือประชาชน จึงชอบธรรมที่ประชาชนจะเอาอำนาจคืนมาเป็นของประชาชน”

สุเทพกล่าวด้วยว่า ได้ชี้แจงภาคเอกชนว่านี่ไม่ใช่สถานการณ์ปกติ ไม่ได้เกิดขึ้นมาก่อนในประเทศต่างๆ และในประเทศไทย ดังนั้นต้องแก้ปัญหาให้ผ่านพ้นสถานการณ์ไม่ปกตินี้ไป ซึ่งรัฐธรรมนูญบัญญัติไว้ในมาตรา 7 ซึ่งได้ชี้แจงว่ามาตรา 7 ไม่ใช่เรื่องขอนายกรัฐมนตรีพระราชทาน แต่เป็นเรื่องที่ผู้มีหน้าที่ มีอำนาจ ต้องกราบบังคมทูลเสนอชื่อคนดี ที่มีความเหมาะสม มาเป็นนายกรัฐมนตรีแก้ไขเหตุการณ์บ้านเมือง เพื่อที่พระเจ้าอยู่หัวลงพระปรมาภิไธยแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี มีผู้รับสนองพระบรมราชโองการตามหน้าที่

“ผมได้ชี้แจงว่ามีทางเดิน 2 ทาง หนึ่ง รัฐบาลนี้รู้สำนึก ในสิ่งที่ตัวเองได้กระทำความผิดต่อประเทศชาติ ยอมคืนอำนาจโดยดุษฎี คือคุณยิ่งลักษณ์ ต้องลาออกจากรักษาการนายกรัฐมนตรี คณะรัฐมนตรี ต้องลาออกทั้งคณะ รัฐบาลจะไม่ว่างเว้นจากนายกรัฐมนตรี เพราะจะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ถ้ายิ่งลักษณ์ลาออกจากรักษาการนายกรัฐมนตรี คนที่ยังอยู่คือวุฒิสภา ผมบอกว่าให้ประธานวุฒิสภาลาออกด้วยเพราะเป็นคนของระบอบทักษิณเช่นเดียวกัน รองประธานวุฒิสภาจะได้กราบบังคมทูลว่ามีผู้เหมาะสม เป็นคนดี เป็นที่ยอมรับของประชาชนไทยทั้งประเทศ สมควรมาเป็นนายกรัฐมนตรีในสถานการณ์นี้เพื่อแก้ไขปัญหาประเทศ ให้ทรงโปรดเกล้าแต่งตั้งต่อไป นี่ชอบด้วยกฎหมายทุกประการและราบรื่นที่สุด”

ส่วนกรณีที่นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภานั้น สุเทพกล่าวว่า “ที่นายกรัฐมนตรีประกาศยุบสภา แล้วมาชวนพวกเราไปเลือกตั้ง ผมได้ยืนยันกับผู้นำภาคเอกชนว่า ผู้ชุมนุมไม่ยอมรับการเลือกตั้งทั่วไปคราวนี้เด็ดขาด ไม่มีการต่อรอง ถ้าไปเลือกตั้งทั่วไป โดยกฎเกณฑ์ กติกาเดิม จะมีโกงเลือกตั้งเหมือนเดิม จะได้ ส.ส. กลุ่มเดิมมาทำหน้าที่ในสภา ได้รัฐบาลชุดเดิม มาสุมหัวร่วมมือกันฉ้อโกง คอร์รัปชั่น ให้เป็นที่เดือดร้อนแก่ประเทศและประชาชน”

“ประชาชนจึงยืนยันว่าประชาชนไม่ยอมอีกแล้ว ต้องปฏิรูปประเทศ ก่อนเลือกตั้งทั่วไปอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าไม่เลือกแนวทางนี้ เราประชาชนทั้งหลาย เราก็ต้องเดินแนวทางของเรา นั่นคือใช้อำนาจอธิปไตยประชาชนในการแต่งตั้งนายกรัฐมนตรี และจัดตั้งสภาประชาชนเพื่อปฏิรูปประเทศให้เป็นที่เรียบร้อยตามเจตนารมณ์มวลมหาประชาชน”

สุเทพกล่าวว่า ที่ประชุมภาคเอกชนถามว่า 'ที่ กปปส. จะทำนั้นสังคมรับได้หรือไม่' นั้น สุเทพกล่าวต่อว่าที่ประชาชนออกมาต่อสู้เมื่อวันที่ 9 ธ.ค. นั้นเพราะทนระบอบทักษิณไม่ไหวแล้ว ถ้าคนในสังคมไม่ว่าจะอยู่ในภาคส่วนไหน มองไม่เห็นความสำคัญ ไม่เห็นคุณค่าที่พี่น้องทั่วประเทศพร้อมใจกันลุกฮือต่อต้านระบอบทักษิณ ก็แสดงว่าสังคมหรือบุคคลคณะนั้นไม่ยอมรับอำนาจประชาชน อย่างนั้นคุยกันไม่ได้อีกต่อไป

สุเทพกล่าวด้วยว่า ได้บอกภาคเอกชนว่าทั้งภาคเอกชน และประชาชนที่ออกมาต่อสู้เป็นคนไทยเหมือนกัน เป็นเจ้าของประเทศเหมือนกัน มีสิทธิและหน้าที่ปกป้องประเทศนี้เหมือนกัน แล้วแต่ว่าใครจะทำหรือไม่ทำ ผมได้ย้ำให้ผู้นำภาคเอกชนตระหนักว่ามวลมหาประชาชนเขาได้ตัดสินใจแล้ว ต้องปฏิรูปประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยเป็นประชาธิปไตยสมบูรณ์ แก้ไขสิ่งบกพร่องที่ระบอบทักษิณทำเอาไว้กับประเทศไทยให้จบสิ้น ทั้งแก้ไขกฎหมายเลือกตั้ง องค์กรจัดการเลือกตั้งต้องเข้มแข็ง แข็งแรง ต้องดำเนินการตามกฎหมาย ต่อต้านการทุจริตคอร์รัปชั่นให้แข็งแรง คนทุจริตกลับประเทศไทยเมื่อไหร่ไม่มีวันหมดอายุความ ต้องถูกดำเนินคดี ต้องให้ประชาชนตรวจสอบได้อย่างเข้มข้น ไม่ใช่แค่ลงคะแนนวันเดียว ไม่พอแล้วสำหรับประเทศนี้

สุเทพกล่าวกับภาคเอกชนด้วยว่าจะต้องกระจายอำนาจ มีการเลือกตั้งผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัด งบประมาณแผ่นดินต้องกระจายออกไปพัฒนาจังหวัด อำเภอ หมู่บ้าน อย่างเป็นธรรมทั่วถึง เช่นมีงบประมาณ 100 บาท 30 บาทเป็นของ กทม. อีก 70 บาทต้องส่งไปต่างจังหวัดเอาไปพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน

“ไม่มีอีกแล้วที่ว่าไม่เลือกพรรคเขาแล้วจะไม่ได้งบประมาณแผ่นดิน แบบนี้เราไม่มีวันยอม และต้องปรับโครงสร้างตำรวจ ให้อยู่ภายใต้การบังคับบัญชาของประชาชน ต้องทำเรื่องช่วยเหลือคนจนเป็นวาระแห่งชาติ ไม่ใช่เอาประชานิยมมาหากินอย่างที่เป็นอยู่ ต้องจบเสียที”

สุเทพยังยืนยันกับภาคเอกชนว่า ผู้ชุมนุมนั้นเปิดใจกว้าง “ใครรักชาติ รักแผ่นดิน รักประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขเหมือนพวกเรา ใครรักความยุติธรรม ความเป็นธรรม ขอเชิญมาร่วมกับมวลมหาประชาชน ไม่ว่าเสื้อแดงหรือเสื้ออะไรก็แล้วแต่ เราเปิดกว้าง ยอมรับ ถ้าท่านเห็นคุณค่าของประชาชนก็ขอให้มาร่วมกับเรา ถ้าไม่ชอบหน้าผม ขอให้ลืมเสีย เพราะผมไม่ได้ทำให้พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง ทำเพื่อประเทศไทย ขอให้ท่านอย่าคิดเล็กคิดน้อย และเราขอรับข้อเสนอทุกอย่าง เพราะเราเป็นประชาชนคนดี ไม่เหมือนยิ่งลักษณ์ ชินวัตร”

“ผมกล่าวด้วยว่าหากยังข้องใจ ไม่ถูกใจ ก็มาถามได้อีก โดยพร้อมจะพบอีก แต่อย่าได้ออกมาให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนทำลายความรู้สึกที่ดีงามของมวลมหาประชาชนเลย เพราะมวลมหาประชาชนได้เปิดกว้างต้อนรับอยู่แล้ว”

สุเทพกล่าวกับผู้ชุมนุมด้วยว่า จะไปเจรจาให้ทหาร ตำรวจมายืนข้างประชาชน และขอผู้ชุมนุมให้ชุมนุมกันต่อไป “เพราะฉะนั้นที่เคยคาดเอาว่าการต่อสู้ควรจะยุติได้ สำเร็จได้ในคืนนี้ ต้องกราบขอโทษอย่างที่สุด เพราะประเมินฝ่ายตรงข้ามสูงเกินไป ใจเขาต่ำกว่าที่ผมประเมินเยอะ มาถึงขั้นนี้แล้ว ถอยไม่ได้แล้ว มีแต่ต้องเดินหน้าอย่างเดียว ลงทุนลงแรง เสียเหงื่อเสียน้ำตามาแล้ว ครั้งนี้ครั้งเดียวที่จะทำให้แผ่นดินได้ ต้องทำให้สุดชีวิต ไม่มีถอย จะเป็นอีกกี่วัน ให้มันรู้ไป เพราะคนพวกนั้น ต้องการแต่จะเห็นเราเสื่อมกำลัง ท้อถอย แล้วกลับบ้าน เพราะฉะนั้นต้องทำให้เขารู้ว่าไม่มีวันท้อถอย และไม่มีวันกลับบ้าน”

“ผมบอกภาคเอกชนด้วยว่า ถ้าวันนี้ตำรวจมาจับแกนนำ ประชาชนจะออกมามากกว่าวันที่ 9 ธ.ค. แน่นอน เพราะผู้ชุมนุมจะสู้จนกว่าจะบรรลุวัตถุประสงค์ และ แกนนำ กปปส. จะยืนหยัดต่อสู้และไม่มีวันคิดท้อถอย จะมุมานะทุกวัน เพื่อให้พี่น้องสมหวังในชีวิตให้ได้"

ในช่วงท้ายการปราศรัย เลขาธิการ กปปส. ได้อธิบายเรื่องสภาประชาชนอีกครั้งด้วยว่าต้องการให้เป็นสภาตัวแทนประชาชนจริงๆ คุณสมบัติสำคัญคือไม่มีคนของพรรคการเมืองเข้ามาในสภาประชาชนแน่นอน เพราะนักการเมืองคงไม่กล้าเขียนกฎหมายว่า ถ้าซื้อเสียงไม่ใช่แค่ตัดสิทธิการเมือง แต่ต้องติดคุกด้วย เขาไม่เขียนแบบนี้แน่นอน คงไม่เขียนกฎหมายปราบคอร์รัปชั่นที่เด็ดขาด เพราะเท่ากับทุกหม้อข้าวตัวเอง ดังนั้นต้องประชาชนเท่านั้นถึงจะทำกฎหมายนี้ได้

“เรื่องนี้เป็นเรื่องเฉพาะกิจ เป็นสภาแก้วิกฤตของชาติ ออกกฎหมายที่จำเป็นกับประเทศ เมื่อทำสำเร็จแล้ว สมาชิกสภาประชาชนที่เลือกมาจากทุกสาขาอาชีพ จะกลับบ้าน แล้วรับข้อจำกัดที่บัญญัติว่าสมาชิกสภาประชาชนจะไม่ลงสมัครรับการเมืองอีกอย่างน้อย 5 ปี เพื่อยืนยันว่าพวกเราบริสุทธิ์ โดยสภาประชาชนจะมาจากทุกอาชีพ แล้วจะมีผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ทำคุณประโยชน์ให้ประเทศชาติ รักบ้านรักเมือง เช่น นพ.ประเวศ วะสี ซึ่งห่วงบ้านเมือง ห่วงประชาชน ถ้าไม่ได้เลือกมาจากสาขาวิชาชีพแพทย์ กปปส. ก็จะไปเชิญมาเป็นสมาชิกสภาประชาชน เป็นต้น และเราเปิดกว้าง รับฟังจากประชาชน มาเป็นสมาชิกสรรหาของสภาประชาชนด้วย”

สุเทพกล่าวด้วยว่าขอให้ผู้ชุมนุมอย่าเพิ่งถกเถียงกันเองเรื่องสภาประชาชน เพราะเรื่องที่ต้องทำก่อนคือจัดการระบอบทักษิณ “ที่สำคัญอย่าเพิ่งใจเร็ว ไปถกเถียงกันเองหน้าดำหน้าแดงเรื่องรายละเอียดสภาประชาชน เพราะมีเวลา เรื่องแรกที่ต้องทำคือทำให้ระบอบทักษิณให้หมดไปก่อน เพราะพวกนี้เป็นจระเข้ขวางคลอง ยังไม่ไปเสียที ต้องจัดการให้ไปเสียก่อน เมื่อระบอบทักษิณหมดอำนาจ เราจะได้มีรัฐบาลประชาชน สภาประชาชน เข้ามาทำหน้าที่ในเวลาสั้นๆ ชั่วคราว เฉพาะกิจ ทำเรื่องนี้เสร็จ ทั้งรัฐบาล ประชาชนและสภาประชาชนก็จะกลับบ้าน ผมจะไปนอนเกาะสมุย เลิกการเมืองเลยตลอดชีวิต”

“อะไรที่ผมผิดพลาดไป เพราะคำนวณผิด คะเนจิตใจคนผิด ผมกราบขออภัยพี่น้องด้วย เพราะพี่้น้องรอวันแห่งชัยชนะ และยืนยันกับพี่้น้องว่าจะต้องแก้ไขปรับปรุงส่วนที่บกพร่องให้สมบูรณ์ จะรับฟังความเห็นบุคคลฝ่ายต่างๆ แม้กระทั่งยืนยันว่าพี่น้องมวลชนเสื้อแดงก็มาร่วมกับเราเถิด เรารักประเทศ รักประเทศไทย ถ้าเราร่วมกัน จะเป็นผลประโยชน์ของประเทศนี้ของทุกคน และทุกสีเสื้อ ถ้าเราร่วมมือกัน เหตุนี้สถานการณ์นี้จะจบในสถานการณ์อันสั้น ประเทศจะเดินหน้าสู่ความเจริญรุ่งเรืองอย่างที่ทุกคนตั้งความหวัง” โดยสุเทพปราศรัยเสร็จในเวลา 19.59 น.

ขณะที่ก่อนหน้านี้ กปปส. ยืนยันในช่วงบ่ายวันนี้ด้วยว่าจะไม่เข้าร่วมการหารือเพื่อการปฏิรูปของรัฐบาล ที่จะจัดขึ้นในวันที่ 15 ธ.ค. นี้ (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

อนึ่ง กองทัพไทยเตรียมจัดเวทีเสวนาแทนการเจรจาตรงกับคณะกรรมการ กปปส. ที่นำโดยสุเทพ เทือกสุบรรณโดยตรง โดยนอกจาก กปปส. แล้ว จะมีการเชิญผู้ที่เกี่ยวข้องอื่นๆ มาร่วมฟังการนำเสนอของนายสุเทพ และเปิดโอกาสให้ซักถามด้วย (อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net