Skip to main content
sharethis

สื่อนิวยอร์กไทม์รายงานถึงกรณีที่กระทรวงกลาโหมของสหรัฐฯ แบ่งงบประมาณส่วนหนึ่งเพื่อเอาไปใช้ในการตรวจจับวัตถุนอกโลกลึกลับ หรือ 'ยูเอฟโอ' มาเป็นเวลาราวหลายปีแล้ว โดยโครงการนี้ก็ดูปกปิดลึกลับไม่แพ้สิ่งที่พวกเขาพยายามสำรวจ

18 ธ.ค. 2560 นิวยอร์กไทม์อาศัยการสัมภาษณ์ผู้ที่เข้าร่วมโครงการและข้อมูลจากบันทึก พวกเขาพบว่ามีการแบ่งงบประมาณกลาโหมรวม 600,000 ล้านดอลลาร์ออกไปจำนวน 22 ล้านดอลลาร์ (720.5 ล้านบาทไทย) เพื่อใช้ในโครงการที่ชื่อว่า "โครงการตรวจระบุภัยจากห้วงอวกาศขั้นสูง" (Advanced Aerospace Threat Identification Program) ตัวโครงการนี้เองที่ลึกลับและหายากมาก

โครงการนี้เป็นความลับชนิดที่กระทรวงกลาโหมปฏิเสธการมีอยู่ของมันโดยบอกว่ามันปิดตัวไปแล้วในปี 2555 แต่ผู้สนับสนุนโครงการนี้ยังบอกว่าในขณะที่กระทรวงกลาโหมจะเลิกให้งบประมาณโครงการนี้ในยุคนั้นแต่โครงการก็ยังคงมีอยู่ต่อมาตลอด 5 ปีต่อจากนั้น

ลูอิส เอลิซอนโด เจ้าหน้าที่ข่าวกรองทหารสหรัฐฯ เป็นเจ้าของโครงการนี้ โครงการสำรวจหายูเอฟโอนี้เริ่มต้นอย่างลับๆ ในปี 2550 ซึ่งมาจากคำขอของแฮร์รี่ รีด ส.ว. เสียงข้างมากประจำรัฐเนวาดาสังกัดพรรคเดโมแครตในยุคนั้น รีดเป็นคนที่มีความสนใจเรื่องประกฏการณ์อวกาศมานานแล้ว และงบประมาณส่วนมากที่ถูกส่งไปให้บริษัทวิจัยเรื่องห้วงอวกาศของเศรษฐี โรเบิร์ต บิกกะโลว์ เพื่อนของรีด ซึ่งในปัจจุบันบิกกะโลว์ก็กำลังทำงานในองค์การนาซาเพื่อช่วยสร้างยานอวกาศให้มนุษย์

บิกกะโลว์เคยให้สัมภาษณ์ต่อสื่อซีบีเอสว่าเขาเชื่ออย่างยิ่งว่ามนุษย์ต่างดาวมีอยู่จริงและเคยมียูเอฟโอมาที่โลกแล้ว นอกจากนี้ยังเคยมีการเปิดเผยภาพยานพาหนะทางอวกาศที่เคลื่อนที่ด้วยความเร็วสูงและไม่แสดงให้เห็นตัวขับเคลื่อนใดๆ มีแต่การลอยอยู่กลางอากาศ หน่วยงานสำรวจยูเอฟโอยังทำการศึกษาวิดีโอที่เครื่องบินของกองทัพอากาศสหรัฐฯ ค้นพบวัตถุที่ไม่สามารถระบุตัวตนได้ หนึ่งในนั้นคือวัตถุรูปทรงสีขาวขนาดเท่าเครื่องบินโดยสารปรากฏแถบชายฝั่งซานดิเอโกเมื่อปี 2547

อย่างไรก็ตาม ซารา ซีเกอร์ นักฟิสิกส์ดาราศาสตร์ที่สถาบันเทคโนโลยีแมสซาชูเซตส์ (M.I.T.) เตือนว่าการที่เราไม่ทราบที่มาของวัตถุนั้นๆ ไม่ได้หมายความว่ามันจะมาจากต่างดาวหรือจากกาแล็กซีอื่นเสมอไป ซีเกอร์บอกอีกว่าเวลาที่ผู้คนอ้างว่าพวกเขาพบเห็นปรากฏการณ์ประหลาดบางครั้งก็ควรจะมีการตรวจสอบอย่างจริงจัง ทั้งนี้แม้แต่ในวิทยาศาสตร์เองก็มีบางเรื่องที่จะปล่อยไว้ให้เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่อาจอธิบายได้

อีกคนหนึ่งที่แสดงความสงสัยในเรื่องนี้คือ เจมส์ อี โอเบิร์ก อดีตวิศวกรกระสวยอวกาศของนาซาที่มักจะแก้ข่าวกรณีที่มีคนอ้างว่ามีการพบเห็นยูเอฟโอ โอเบิร์กบอกว่าการที่มนุษย์เราต้องเผชิญเรื่องน่าเบื่อทุกวันๆ กับสภาพการรับรู้จากประสาทสัมผัสของมนุษย์ทำให้เกิดเรื่องพวกนี้ขึ้นมา รวมถึงมีความเป็นไปได้ว่ามีคนที่ทำอะไรบางอย่างให้เกิดวัตถุบนอากาศแบบซุ่มซ่อนโดยไม่อยากให้ใครรู้ อย่างไรก็ตามโอเบิร์กกล่าวว่าเขาสนับสนุนการศึกษาวิจัยปรากฏการณ์พวกนี้เพราะมันอาจจะมีประโยชน์

เอลิซอนโดเปิดเผยว่าถึงแม้กระทรวงกลาโหมจะเลิกให้งบประมาณโครงการค้นหายูเอฟโอมาตั้งแต่ปี 2555 แต่ตัวโครงการยังคงดำเนินต่อไป โดยที่เขาทำงานร่วมกับเจ้าหน้าที่นาวิกโยธินและหน่วยงานข่าวกรองกลางหรือซีไอเอของสหรัฐฯ ในโครงการวัตถุลึกลับนอกโลก แต่ก็ลาออกเพื่อเป็นการประท้วงการปิดลับเรื่องเหล่านี้มากเกินไปและการถูกต่อต้านจากภายในเมื่อเดือน ต.ค. ที่ผ่านมา แต่เอลิซอนโตก็บอกว่าเขามคนที่สืบต่องานของเขาแม้จะไม่เปิดเผยว่าเป็นใคร

การพยายามสืบสวนค้นคว้าปรากฏการณ์ยูเอฟโอมีมานานแล้วในวงการกองทัพสหรัฐฯ ในช่วงหลายสิบปีที่ผ่านมามีกรณีกล่าวอ้างว่าค้นพบยูเอฟโอมากกว่า 12,000 ครั้ง แต่จากการสืบสวนเรื่องราวเหล่านั้นทำให้ทราบว่าส่วนใหญ่สิ่งที่คนอ้างว่าเป็นยูเอฟโอมักจะเป็น ดาวฤกษ์ เมฆ เครื่องบินทั่วไปหรือเครื่องบินสอดแนม แต่ก็มีปรากฏการณ์ 701 กรณีที่อธิบายไม่ได้ว่าเป็นอะไร

การสืบสวนหายูเอฟโอในยุคสมัยนั้นเรียกชื่อโครงการว่า "โปรเจกต์บลูบุ๊ค" (Project Blue Book) เริ่มต้นตั้งแต่ปี 2495-2512 เลขาธิการกองทัพอากาศสหรัฐฯ สมัยนั้นคือ โรเบิร์ต ซี ซีแมน จูเนียร์ เขียนในบันทึกว่าเขาต้องยุติโครงการณ์นี้เพราะมันไม่มีความชอบธรรมทั้งในด้านความมั่นคงของชาติหรือในด้านผลประโยชน์ทางวิทยาศาสตร์อีกต่อไป

รีดกล่าวว่าเขาเคยพบเจอผู้คนที่สนใจในเรื่องวัตถุไม่ทราบที่มาทั้งหลาย และเรื่องวัตถุลึกลับเหล่านี้มักจะไม่มีการรายงานขึ้นไปตามระดับสายงานผู้บังคับบัญชาเพราะกลัวว่าจะถูกหัวเราะเยาะหรือถูกตีตรา

ในแง่ของโครงการช่วงปี 2551-2554 พวกเขายังอาศัยงบประมาณ 22 ล้านดอลลาร์ในการดำเนินโครงการทั้งการวิจัยและการประเมินอันตรายจากวัตถุลึกลับพวกนี้ รีดยอมรับว่ามันถูกเรียกว่า "เงินมืด" รวมถึงเขาและ ส.ว. คนอื่นๆ ที่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่อยากให้มีการเปิดอภิปรายให้ประชาชนได้รับรู้เกี่ยวกับการให้งบประมาณโครงการ

อย่างไรก็ตามบิกกะโลว์อ้างว่าสหรัฐฯ เป็นประเทศที่ตามคนอื่นไม่ทันในเรื่องการค้นหาวัตถุที่มาจากนอกโลกเพราะนักวิทยาศาสตร์กลัวถูกตัดขาดจากสังคมและสื่อก็กลัวถูกตีตรา เมื่อเทียบกับรัสเซียหรือจีน หรือแม้แต่ประเทศที่เล็กกว่าอย่างเบลเยียมหรือชิลี ที่บิกกะโลว์อ้างว่า "เปิดรับในเรื่องนี้มากกว่า" เพราะไม่มีการเยาะเย้ยกันแบบคนที่ยังไม่โต
 

เรียบเรียงจาก

Glowing Auras and ‘Black Money’: The Pentagon’s Mysterious U.F.O. Program, The New York Times, 16-12-2017
https://www.nytimes.com/2017/12/16/us/politics/pentagon-program-ufo-harry-reid.html

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net