Skip to main content
sharethis
สื่อเนเธอร์แลนด์เปิดเผยเรื่องที่หน่วยงานข่าวกรองของพวกเขาตรวจสอบพบนานแล้วว่า มีกลุ่มแฮกเกอร์ทำการเจาะระบบหลายหน่วยงานสหรัฐฯ จนทำให้ส่งผลต่อการเลือกตั้งในปี 2559 และมีการเตือนไปยังสหรัฐฯ หลายครั้งตลอดในช่วงหลายปีที่ผ่านมา พวกเขาได้หลักฐานจากการเจาะข้อมูลแฮกเกอร์เหล่านี้พบว่าน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับหน่วยข่าวกรองรัฐบาลรัสเซีย
 
 
28 ม.ค. 2561 สื่อมูลนิธิแพร่ภาพกระจายเสียงของเนเธอร์แลนด์ (NOS) รายงานว่าหน่วยงานข่าวกรองของเนเธอร์แลนด์ค้นพบเรื่องการพยายามแทรกแซงทางไซเบอร์สหรัฐฯ จากกลุ่มแฮกเกอร์มาตั้งแต่ปี 2558 แล้ว โดยในตอนนั้นหน่วยงานข่าวกรองของเนเธอรแลนด์เป็นกลุ่มแรกที่เตือนทางการสหรัฐฯ ในเรื่องที่ กลุ่มแฮกเกอร์ชื่อ "โคซีแบร์" (Cozy Bear) ซึ่งเชื่อว่าน่าจะเกี่ยวข้องกับรัฐบาลรัสเซียทำการแทรกซึมทางไซเบอร์ต่อคณะกรรมการแห่งชาติพรรคเดโมแครต
 
นักการเมืองและแหล่งข่าวด้านข่าวกรองของเนเธอร์แลนด์ให้สัมภาษณ์ผ่านสื่อต่าง ๆ ว่า หน่วยงานแฮกเกอร์ด้านข่าวกรองจากองค์กรข่าวกรองและความมั่นคง AIVD ของเนเธอร์แลนด์ทำการเจาะระบบคอมพิวเตอร์เซอร์เวอร์ของโคซีแบร์รวมถึงกล้องวงจรปิดหน้าสถานที่ทำงานของพวกเขา ซึ่งอยู่ที่อาคารมหาวิทยาลัยใกล้กับจัตุรัสแดงของกรุงมอสโกว
 
หลังจากนั้นไม่กี่เดือนก็หน่วยข่าวกรองเนเธอร์แลนด์ก็รับรู้ว่ารัสเซียสามารถเจาะระบบเข้าไปในสถาบันทางการเมืองต่าง ๆ ของสหรัฐฯ ได้ ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงต่างประเทศ ทำเนียบขาว คณะกรรมการพรรคเดโมแครต ซึ่งทางเนเธอร์แลนด์ได้เตือนให้สหรัฐฯ รับรู้ในทุกกรณี
 
นอกจากนี้หน่วยงานข่าวกรองของเนเธอร์แลนดยังสามารถแฮกกล้องวงจรปิดแถวโถงทางเดินของกลุ่มโคซีแบร์ได้ ทำให้พวกเขามองเห็นว่ามีใครเข้าออกบ้าง โดยที่ทางหน่วยงานข่าวกรองของเนเธอร์แลนด์มองว่ากลุ่มโคซีแบร์เป็นส่วนเสริมของหน่วยสืบราชการลับรัสเซีย (SVR) ที่อยู่ในการควบคุมของประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน
 
มีการแจ้งข้อมูลเรื่องการแฮกคณะกรรมการเดโมแครตให้กับ โรเบิร์ต มุลเลอร์ อัยการพิเศษผู้เป็นผู้นำการสอบสวนความสัมพันธ์ระหว่างโดนัลด์ ทรัมป์กับรัสเซีย ข้อมูลดังกล่าวนี้รวมถึงข้อมูลจากออสเตรเลียและสหราชอาณาจักร เป็นตัวขับเคลื่อนให้มีการสืบสวนในเรื่องนี้โดยเอฟบีไอต่อไป
 
สื่อ NOS ระบุว่าในช่วงที่เนเธอร์แลนด์ปฏิบัติการสอดแนมการแฮกระบบของรัสเซียปี 2557 พวกเขาแจ้งไปยังสหรัฐฯ ให้ทราบว่ามีการเจาะระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ของกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ โดยที่สหรัฐฯ ใช้เวลามากกว่า 24 ชั่วโมง ในการพยายามป้องกันการโจมตีจากรัสเซีย อีกทั้งในปีเดียวกันนั้นกลุ่มแฮกเกอร์ก็สามารถเจาะระบบเครือข่ายคอมพิวเตอร์ที่บรรจุข้อมูลไม่ลับของทำเนียบขาวได้ แต่ก็ทำให้ได้ข้อมูลบันทึกลับและข้อมูลแผนการเดินทางของบารัค โอบามา ประธานาธิบดีในสมัยนั้น รวมถึงอีเมลบางส่วนของคนที่โอบามาติดต่อด้วย
 
กลุ่ม "โคซีแบร์" เป็นใคร
 
กลุ่มแฮกเกอร์รัสเซียกลุ่มนี้มีชื่ออื่นที่บริษัทความปลอดภัยไซเบอร์และหน่วยงานข่าวกรองเรียกกันแต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาพวกเขารู้จักกลุ่มนี้ในนามโคซีแบร์ หน่วยงานข่าวกรองส่วนใหญ่ในโลกตะวันตกสันนิษฐานว่ากลุ่มนี้ถูกควบคุมโดย SVR ของรัสเซีย หน่วยงานข่าวกรองตะวันตกและบริษัทความปลอดภัยไซเบอร์พยายามค้นหาตัวแฮกเกอร์กลุ่มนี้มานานแล้วจากกที่กลุ่มโคซีแบร์โจมตีธุรกิจและหน่วยงานรัฐบาลต่าง ๆ ทั่วโลกรวมถึงเนเธอร์แลนด์
 
นอกจากโคซีแบร์แล้วยังมีอีกกลุ่มหนึ่งที่ร่วมมือกับพวกเขาในการแทรกซึมทางไซเบอร์ต่อคณะกรรมการพรรคเดโมแครตคือกลุ่มแฟนซีแบร์ โดยที่ยังไม่มีใครทราบว่าพวกเขาแฮกกรรมการพรรคเดโมแครตด้วยวัตถุประสงค์ใด แต่นิวยอร์กไทม์เคยรายงานว่า เมื่อทางเนเธอร์แลนด์แจ้งไปและทางเอฟบีไอช่วยเตือนพวกเขาถึงเรื่องการแฮกจากกลุ่มเหล่านี้แล้วแต่พรรคเดโมแครตก็ไม่ได้รับฟังคำเตือนอย่างจริงจัง จนกระทั่งมีบริษัทความปลอดภัยไซเบอร์ชื่อ 'คราวด์สไตรค์' ตรวจสอบเรื่องนี้ให้กับพรรคเดโมแครต
 
หน่วยงานข่าวกองของสหรัฐฯ ตรวจสอบพบว่าเจ้าหน้าที่ทางการรัสเซียส่งอีเมลที่ถูกแฮกโดยกลุ่มแฟนซีแบร์ไปให้วิกิลีคส์และมีการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ซึ่งก่อให้เกิดเรื่องอื้อฉาวขนานใหญ่ต่อพรรคเดโมแครตในช่วงหาเสียงเลือกตั้งสหรัฐฯ
 
อย่างไรก็ตามในตอนนี้ AIVD ของเนเธอร์แลนด์ไม่สามารถเข้าถึงกลุ่มโคซีแบร์ได้อีกต่อไปแล้ว โดยสาเหตุอาจจะมาจากการที่แหล่งข่าวในหน่วยข่าวกรองสหรัฐฯ ให้สัมภาษณ์แบบเปิดเผยมากเกินไปในปี 2560 ว่ามีความช่วยเหลือจากพันธมิตรชาติตะวันตก ทำให้ผู้อำนวยการของ AIVD กล่าวว่าพวกเขาจะต้องระวังมากขึ้นเป็นพิเศษในการแชร์ข้อมูลข่าวกรองกับสหรัฐฯ ในช่วงที่โดนัลด์ ทรัมป์ เป็นประธานาธิบดี
 
เรียบเรียงจาก
 
Dutch intelligence first to alert U.S. about Russian hack of Democratic Party, NOS, 25-01-2018
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net