Skip to main content
sharethis

หลัง ครม.ไฟเขียว ให้ 'ปูนซิเมนต์ไทย' ทำเหมืองในเขตป่าสงวนฯ ทับกวาง-มวกเหล็ก กว่า 3 พันไร่ 'Land Watch Thai' เปิด 5 ปี คสช. อนุมัติโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ป่าทั้งหมด รวมทั้งสิ้น 6,243 ไร่ 3 งาน 131 ตร.ว.  แล้ว

8 มี.ค.2562 จากรายข่าวกรณีคณะรัฐมนตรี ในรัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ จันทร์โอชา อนุมัติให้บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย ใช้พื้นที่ป่าสงวน ทับกวาง-ป่ามวกเหล็ก ทั้งหมด 3,311 ไร่ 2 งาน 67 ตร.ว. นั้น

เพจ 'Land Watch THAI จับตาปัญหาที่ดิน' ขององค์กร Land Watch Thai โพสต์ข้อมูล 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาล คสช. อนุมัติโครงการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่ป่าทั้งหมด รวมทั้งสิ้น 6,243 ไร่ 3 งาน 131 ตร.ว. พร้อมตั้งคำถามว่า กรณีอนุมัติให้บริษัท ปูนซีเมนต์ฯ ดังกล่าว ทำให้เกิดคำถามจากสังคมต่อเรื่องความเหมาะสมและความคุ้มค่าในการใช้ประโยชน์และยิ่งไปกว่านั้น พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ลุ่มน้ำชั้น 1A ซึ่งตามความคิดของรัฐ พื้นที่ดังกล่าวเป็นพื้นที่ที่ห้ามมิให้ผู้ใดเข้าไปเกี่ยวข้องเพราะเชื่อว่ามีความสำคัญเชิงนิเวศวิทยาเป็นอย่างมาก ทั้งที่ก่อนหน้านี้ นโยบายทวงคืนผืนป่าของรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ มีความเด็ดขาดในการใช้กฎหมาย มีการไล่รื้อที่ดินทำกินและดำเนินคดีประชาชนมาแล้วหลายร้อยราย ในช่วงระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา แต่ท่านทั้งหลายกลับเป็นคนอนุญาตให้มีการใช้พื้นที่ป่ากันเสียเอง ซึ่งหากดูจากภาพถ่ายทางอากาศจะพบว่าพื้นที่ดังกล่าวยังมีความเขียวขจี

Land Watch Thai จึงขอเสนอข้อมูลให้เห็นว่า “ที่ผ่านมา รัฐบาล คสช. อนุมัติให้ใช้พื้นที่ป่าไปแล้วกี่ไร่” และอนุมัติให้ใครไปใช้ประโยชน์ได้บ้าง รวมทั้งผลจากการอนุมัติพื้นที่ป่าเหล่านั้นในช่วงเวลาที่ผ่านมา ปัจจุบันนี้พื้นที่เหล่านั้นเป็นอย่างไรบ้าง

1. ประกาศคำสั่งหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติฉบับที่ 17/2558 เพิกถอนป่าสงวนแห่งชาติแม่สะเมา อ. แม่สอด จ. ตาก และประกาศเพิกถอนป่าไม้ถาวรตามมติ ครม. อ. แม่สอด จ. ตาก จำนวนรวม 2182 ไร่ เพื่อรองรับนโยบายเขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนจังหวัดตาก

ทั้ง 2 กรณีเป็นการกระทำให้โครงการเดียวกันนั่นคือ เขตเศรษฐกิจพิเศษชายแดนจังหวัดตาก ปัจจุบัน ที่ดินส่วนใหญ่ถูกแปลงสถานเป็นที่ดินราชพัสดุเพื่อให้เอกชนมาเช่าใช้ประโยชน์แล้ว

2. เพิกถอนที่ดินสาธารณะ ซึ่งเป็นป่าชุมชนของชุมชนบ้านไชยา หมู่ที่ 4 ต.สระใคร อ.สระใคร จ.หนองคาย การออกคำสั่งที่รวดเร็วและฉับไวนั้นเองที่ละเลยคุณค่าของการถ่วงดุลและการมีส่วนร่วมของประชาชนในพื้นที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งพื้นที่ที่จะต้องนำไปรองรับเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ 716 ไร่ นั้น เป็นพื้นที่ที่กรมป่าไม้เคยอนุญาตให้ชุมชนจัดตั้งเป็นป่าชุมชนเพื่อประโยชน์ในการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติและคุณภาพชีวิตของคนในท้องถิ่น เป็นแหล่งอาหารและรายได้ของคนในชุมชน มาตั้งแต่ 20 พ.ย.2551 เป็นต้นมา

จากการลงพื้นที่ของกลุ่มจับตาปัญหาที่ดินพบว่า ป่าชุมชนแห่งนี้ นอกจากจะเป็นแหล่งอาหารให้กับชุมชนแล้ว ในฤดูที่เหมาะสม ชาวบ้านก็สามารถที่จะเข้าไปเก็บเห็ดนำไปขายสร้างรายได้ให้ชาวบ้านครั้งละเป็นพันบาท จึงเป็นเรื่องน่าสนใจมากว่าหากพื้นที่ดังกล่าวต้องเป็นพื้นที่รองรับเขตเศรษฐกิจพิเศษชาวบ้านจะได้อะไร

3. พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา เซ็นอนุมัติให้บริษัทลูกของกระทิงแดงเข้าใช้ประโยชน์จากที่ดินสาธารณะประโยชน์ห้วยเม็ก จำนวนกว่า 31 ไร่ โดยหลังจากถูกกระแสกดดันจากสังคมทำให้ บ.กระทิงแดง แสดงความไม่ประสงค์ที่จะใช้ที่ดินผืนนั้นแล้ว 

4. กำลังเป็นกระแสอยู่ในปัจจุบัน คณะรัฐมนตรี อนุมัติให้บริษัท ปูนซีเมนต์ไทย ใช้พื้นที่ป่าสงวน ทับกวาง-ป่ามวกเหล็ก ทั้งหมด 3,311 ไร่ 2 งาน 67 ตร.ว. สิ่งที่น่าสนใจคือเป็นการอนุมัติให้เข้าไปทำกิจการเหมือง ซึ่งแน่นอนว่า จากพื้นที่ที่เคยเขียวขจีตรงนี้จะเป็นพื้นที่ที่ไม่มีต้นไม้เหลืออีกต่อไป ทั้งนี้แม้ว่าจะมีการออกมาให้ข้อมูลว่า เหมืองดังกล่าวมีการขออนุญาตประทานบัติไปจนถึงพ.ศ. 2579 แต่อายุในการขออนุญาตใช้พื้นที่ป่าหมดลงเมื่อปี 2554 ดังนั้นจึงเป็นที่น่าตั้งข้อสังเกตว่าช่วง 8 ปีที่ผ่านมา ได้มีการดำเนินกิจการเหมืองหรือไม่

สำหรับ องค์กร Land Watch Thai นี้ ถูกก่อตั้งขึ้นในปี 2557 โดยเกิดจากการผลักดันของภาคประชาสังคมที่มีความสนใจประเด็นที่ดินและป่าไม้ เพื่อที่จะเข้ามาสนับสนุนและส่งเสริมขบวนการการเคลื่อนไหวด้านสิทธิของผู้ที่ประสบปัญหาจากกฎหมายและนโยบายด้านที่ดินและป่าไม้
 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net