กลุ่มนักศึกษาทั่วประเทศเคลื่อนไหวออนไลน์ ชูแคมเปญยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เดินหน้าเศรษฐกิจ แนะรัฐบาลหันใช้ พ.ร.บ.โรคติดต่อฯ แทน เพื่อคลายล็อกมาตราการ เพราะประชาชนต้องออกทำมาหากินเยียวยาตัวเอง
30 เม.ย. 2563 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า กลุ่มนักศึกษาจำนวนหลายกลุ่ม จากหลายมหาวิทยาลัยทั่วประเทศกำลังเคลื่อนไหวกันในโลกออนไลน์ เปิดแคมเปญยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เดินหน้าเศรษฐกิจ เชิญชวนผู้ได้รับผลกระทบจากมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ถ่ายรูปชูป้ายพร้อมติดแฮชแท็ก #ยกเลิกพรกฉุกเฉินเดินหน้าเศรษฐกิจ เพื่อรณรงค์ให้รัฐบาลยกเลิกมาตราการ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และหันมาใช้ พ.ร.บ.โรคระบาดฯ แทน หวังคลายล็อคเศรษฐกิจให้ประชาชนสามารถออกมาทำมาหากิน สร้างรายได้เยียวยาตัวเองหลังสถาการณ์โรคระบาดโควิด-19 ลดระดับการแพร่ระบาดลง
ที่มา: แนวร่วมนักเรียนนิสิตนักศึกษาเพื่อประชาธิปไตย - Students For Democracy
ที่มา: มอกะเสด (KU Daily)
ที่มา: สมัชชานักศึกษาอีสาน
ที่มา: ภาคีนักศึกษามหาวิทยาลัยกรุงเทพ
ที่มา: แนวร่วมนิสิตมมส.เพื่อประชาธิปไตย - MSU Democracy Front
ทั้งนี้เพจ แนวร่วมนิสิตมมส.เพื่อประชาธิปไตย - MSU Democracy Front ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กใจความว่า ขณะนี้สถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 ได้ลดระดับการแพร่ระบาดลงแล้วจากความร่วมมือของประชาชน แต่มาตราการเยียวยาของรัฐบาลยังไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ทันท่วงที และไม่ทั่วถึง อีกทั้ง พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ยังคงเป็นมาตราการที่มีปัญหาและปิดกั้นเสรีภาพของประชาชน ทางกลุ่มนักศึกษาจึงเสนอให้รัฐบาลควรยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ และหันมาใช้ พ.ร.บ.โรคระบาดฯแทน เพื่อที่จะให้ประชาชนสามารถออกมาทำมาหากิน และสร้างรายได้เพื่อเยียวยาตัวเองในช่วงสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19
โดยมีรายละเอียดดังนี้ :
พวกเรานักศึกษาจากภาคอีสาน ทุกวันนี้เราเห็นการใช้กฎหมายดำเนินคดีกับประชาชนผู้ที่นำอาหารไปบริจาคให้แก่ประชาชนที่เดือดร้อน เราเห็นการจับขังคนงานก่อสร้างที่จำเป็นต้องเดินทางกลับที่พักระหว่างเคอร์ฟิว หรือจับขังคนไร้บ้านเพียงเพราะเขาอาศัยอยู่ในที่สาธารณะ เราเห็นการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ควบคุมสื่อปิดปากประชาชนที่วิพากษ์วิจารณ์ความผิดพลาดของรัฐบาลในสื่อสังคมออนไลน์ กระทั่งขู่จะจัดการกับนักศึกษาที่ต้องการเรียกร้องขอคืนค่าเทอมและให้ สว.ลาออกจากตำแหน่ง จุดที่ร้ายแรงที่สุดคือเกิดการสูญเสียของพี่น้องประชาชนจากการที่ความช่วยเหลือของรัฐบาลเข้าไม่ถึงทุกคนอย่างเสมอภาค
ก่อนหน้านี้ประชาชนให้ความร่วมมือเป็นอย่างดีกับมาตรการรักษาระยะห่างทางสังคม จนส่งผลให้การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 คลี่คลายลงตามลำดับ แต่สิ่งที่พวกเราได้รับตอบแทนกลับมาคือมาตรการเยียวยาของรัฐบาลที่สับสน ไม่มีประสิทธิภาพ ไม่ทันท่วงที และไม่ทั่วถึง
เรากลุ่มนักศึกษาต้องการจะส่งเสียงและเรียกร้องไปยังรัฐบาลให้กลับมาใช้กลไกการบริหารประเทศตามระบอบประชาธิปไตยเพื่อตรวจสอบการทำงานของรัฐ และนำเสนอข้อมูลทั้งปัญหาและวิธีการเยียวยาแก้ไขสถานการณ์ด้วยการเปิดประชุมรัฐสภาให้ทั้งฝ่ายค้านกับฝ่ายรัฐบาลได้มีโอกาสเข้าร่วมเสนอการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดของโรคโควิด - 19 ยกเลิกการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ยกเลิกการควบคุมสื่อ ยกเลิกการรวบอำนาจไว้ที่นายกรัฐมนตรี และปรับเปลี่ยนการใช้อำนาจตาม พ.ร.บ.ควบคุมโรคฯ แทนการใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ เพื่อคลายล็อคกิจกรรมทางเศรษฐกิจให้พี่น้องประชาชนได้ออกมาหารายได้ตามความเหมาะสมเพื่อเยียวยาครอบครัวของตนเองและขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไปไม่ให้จมดิ่งไปมากกว่านี้
ทั้งนี้พวกเราจึงขอเชิญชวนให้พี่น้องประชาชนทุกคนร่วมกันสนับสนุนแคมเปญนี้ด้วยการติด #ยกเลิกพรกฉุกเฉินเดินหน้าเศรษฐกิจ และเชิญชวนเปลี่ยนกรอบรูปในโปรไฟล์บน Facebook เพื่อเป็นส่งต่อแคมเปญไปยังเพื่อนๆ ของท่านทุกคน หลังสถานการณ์โควิดคลี่คลาย พวกเราจะกลับมาเคลื่อนไหวขับไล่รัฐบาลเงาของเผด็จการ คสช. กับภาคประชาชนอีกครั้ง
พวกเรานักศึกษาจากภาคอีสาน ทุกวันนี้เราเห็นการใช้กฎหมายดำเนินคดีกับประชาชนผู้ที่นำอาหารไปบริจาคให้แก่ประชาชนที่เดือดร้อน...
โพสต์โดย แนวร่วมนิสิตมมส.เพื่อประชาธิปไตย - MSU Democracy Front เมื่อ วันพุธที่ 29 เมษายน 2020
อย่างไรก็ตาม ราชกิจจานุเบกษาออกประกาศต่ออายุ พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ ต่อไปอีก 1 เดือน โดยให้มีผลตั้งแต่วันที่ 1 พ.ค. จนถึงวันที่ 31 พ.ค. นี้ นอกจากนี้ยังมีประกาศอีก 2 ฉบับที่เกี่ยวเนื่องกัน โดยประกาศฉบับแรกว่าด้วย ประกาศเรื่อง การให้ข้อกำหนด ประกาศ และคำสั่งที่นายกรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ต่อไปจนกว่านายกรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น ส่วนอีกฉบับเป็น ประกาศเรื่องการให้ประกาศที่คณะรัฐมนตรีกำหนดตามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินยังคงมีผลใช้บังคับ ต่อไปจนกว่าคณะรัฐมนตรีจะกำหนดเป็นอย่างอื่น
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)