มองให้ไกลกว่าโรงไฟฟ้าแสงอาทิตย์ ‘รท.ธนเดช’ อดีตผู้สมัคร ส.ส.อนาคตใหม่ ระบุกรณีโซลาร์เซลล์อมก๋อยกว่า 45 ล้านบาทในโครงการ กอ.รมน. สะท้อน กอ.รมน. ทำงานผิดฝาผิดตัว ชี้ ปัญหาบนดอยต้องแก้ด้วยการ ‘กระจายอำนาจ’ ไม่ใช่ ‘ความมั่นคง’
13 ม.ค. 2564 วันนี้ ผู้สื่อข่าวได้รับรายงานว่า เรืออากาศโทธนเดช เพ็งสุข อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรคอนาคตใหม่ (อนค.) เขตลาดพร้าว กล่าวถึงกรณีที่มีเอกสารราคาจัดซื้อจัดจ้างผลิตและติดตั้งโซลาร์เซลล์อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ กว่า 45 ล้าน ที่มี กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร หรือ กอ.รมน.เป็นเจ้าของโครงการว่า โครงการนี้เป็นประเด็นขึ้นเมื่อถูกนำงบประมาณไปเปรียบเทียบกับกรณีที่คุณพิมรี่พายนำโซลาร์เซลไปติดตั้งในหมู่บ้านบนเขาด้วยงบประมาณเพียง 500,000 บาท ซึ่งน้อยกว่ามาก ต่อมา จึงได้มีการยอมรับจาก โฆษก กอ.รมน. ว่า เอกสารดังกล่าวเป็นเอกสารฉบับจริง แต่โครงการขนาดโครงการต่างกันและเป็นการดำเนินการจำนวน 5 พื้นที่ ของอำเภออมก๋อย ซึ่งข้อเท็จจริงหรือความโปร่งในโครงการนี้ ก็คงแล้วแต่ใครจะมองและไปติดตามตรวจสอบกันไป
แต่สำหรับตนสิ่งที่อยากชวนให้ติดตามขบคิดกันต่อคือ กรณีนี้กำลังสะท้อนบทบาทและภารกิจของ กอ.รมน. ในรูปแบบใหม่ที่ไปไกลกว่าภารกิจด้านความมั่นคง ซึ่งภารกิจเหล่านี้ควรจะต้องเป็นบทบาทหน้าที่ของท้องถิ่นที่ต้องสนับสนุนให้เข้มแข็งด้วยการกระจายอำนาจอย่างแท้จริง ให้มีทั้งงบประมาณและอำนาจที่มีกฎหมายรองรับ ไม่ใช่จะทำอะไรก็ไปติดขัดส่วนกลางที่รวมศูนย์อำนาจไว้จนท้องถิ่นไม่สามารถพัฒนาและช่วยเหลือคนในพื้นที่ของตนเองได้ นอกจากนี้ ก็ควรไปแก้ไขเรื่องของสัญชาติและสิทธิที่ทำกินซึ่งเป็นปัญหาคาราคาซังทั้งในพื้นที่นี้และอีกหลายพื้นที่ด้วย ซึ่งประเด็นเหล่านี้มีรายละเอียดที่ต้องไปทำความเข้าใจกันต่อไปไม่ว่าเรื่องคนกับป่าและเรื่องปัญหาสัญชาติกับมุมมองด้านความมั่นคงของรัฐ
“กอ.รมน. เดิมคือหน่วยงานที่ก่อตั้งขึ้นเพื่อสู้กับคอมมิวนิสต์ แต่ปัจจุบันไม่มีภัยความมั่นคงในลักษณะนั้นแล้วก็ปลุกผีขึ้นมาใหม่เพื่อจัดการกับคนที่เห็นต่าง หลังการรัฐประหารปี 2549 รัฐบาลสุรยุทธ์ ผลักดันให้มี พ.ร.บ. การรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร พ.ศ. 2551กำหนดให้ กอ.รมน. มีสถานะเป็นส่วนราชการรูปแบบเฉพาะอยู่ภายใต้การบังคับบัญชาขึ้นตรงต่อนายกรัฐมนตรี หลังรัฐประหารปี 2557 พล.อ. ประยุทธ์ ออกคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 51/2560 ให้บทบาทและอำนาจ กอ.รมน. ขยายไปอีก โดยให้ไปกำหนดเอาเองว่าสถานการณ์ใดที่เป็นภัยหรืออาจเป็นภัย และวางโครงสร้างให้ดูดีเหมือนองค์กรผสม พลเรือน ตำรวจ ทหาร โดยมีนายกรัฐมนตรี ซึ่งดูเหมือนเป็นพลเรือนเป็น ผอ.รมน. และให้มีผู้ว่าฯแต่ละจังหวัดนั่งเป็นหัวโต๊ะในระดับจังหวัด แต่ในทางปฏิบัติรู้กันดีว่าคนที่ใหญ่ที่สุดคือ แม่ทัพภาค”
“ปัญหาสำคัญอยู่ที่นิยามความมั่นคงใหม่ทำให้เกิดตีความงานความมั่นคงแบบครอบจักรวาล อย่างที่อาจารย์สุรชาติ บำรุงสุข เรียกว่า เป็นซุปเปอร์กระทรวง ทำงานตั้งแต่สอดส่องนักกิจกรรม นักการเมือง กิจกรรมหาเสียง ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย ปราบปรามยาเสพติด เป็นมือไม้ผลักดันโครงการของรัฐบาล คสช. เช่น โครงการประชารัฐ ไทยนิยมยั่งยืน หนักเข้าก็ไปจนถึงการกำจัดผักตบชวาในคูคลองนั่นจึงไม่ต้องแปลกใจว่า อยู่ดีๆทำไม กอ.รมน.จึงเข้าไปทำโครงการ 45 ล้าน ติดไฟตามเขาตามดอยให้สว่างด้วย ทั้งที่เรื่องนี้ควรเป็นบทบาทหน้าที่ของท้องถิ่น ควรกระจายอำนาจเพื่อไปทำตรงนั้นให้เข้มแข็ง ไม่ใช่ทำให้ กอ.รมน.เข้มแข็ง เท่าที่ทราบ กอ.รมน.ได้งบประมาณปีละเป็นหมื่นล้านบาท มากกว่า สมช.หลายเท่าตัว มีเจ้าพนักงานราว 6,000 คนทั่วประเทศ โดยไม่นับรวมส่วนสามจังหวัดชายแดนใต้ มีงานมวลชนและข้อมูลข่าวสารเป็นหมื่นคน จึงอยากให้จับตาบทบาท กอ.รมน. กันให้ดี หากปฏิรูปได้ก็ควรปฏิรูป เพราะต่อไปหน่วยนี้คงเติบโตขึ้นอีกมากทั้งในทางอำนาจและงบประมาณ และจะเป็นการเติบโตในทิศทางที่สวนกับพัฒนาการของประชาธิปไตย” เรืออากาศโทธนเดช กล่าว
หมายเหตุ : 19.40 น วันที่ 13 ม.ค.64 ประชาไทเปลี่ยนแปลงพาดหัวข่าวมาใช้แบบปัจจุบัน
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)