Skip to main content
sharethis

สื่อจีนเผยว่ากองทัพปลดปล่อยประชาชนจีนเข้าตรึงกำลังซ้อมรบในมณฑลฟูเจี้ยน ซึ่งอยู่ติดกับช่องแคบไต้หวัน ส่งสัญญาณเตือนรัฐบาลพรรคประชาธิปไตยก้าวหน้า (DPP) ของ 'ไช่อิงเหวิน' กรณีสุนทรพจน์ 110 ปีวันชาติไต้หวันเมื่อ 10 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งระบุว่า "ไต้หวันและจีนจะไม่ขึ้นต่อกันและกัน"

12 ต.ค. 2564 หนังสือพิมพ์ South China Morning Post รายงานว่ากองทัพปลดปล่อยประชาชน (People's Liberation Army) หรือกองทัพจีนสั่งทหารตรึงกำลังเพิ่มในมณฑลฟูเจี้ยนทางตะวันออกของจีนติดกับช่องแคบไต้หวัน พร้อมฝึกซ้อมจู่โจม เพื่อส่งสัญญาณเตือนไต้หวันกรณีแบ่งแยกประเทศ หลังจากที่ ไช่อิงเหวิน ประธานาธิบดีไต้หวัน กล่าวสุนทรพจน์เมื่อวันที่ 10 ต.ค. เนื่องในวันชาติไต้หวันว่าจะไม่ยอมให้มีการรวมชาติและจะปกป้องอธิปไตยของไต้หวันอย่างถึงที่สุด

South China Morning Post รายงานเพิ่มเติมโดยอ้างอิงบทบรรณาธิการของ PLA Daily ซึ่งเป็นสื่อของกองทัพจีนระบุว่ากองทัพจีนมีความมั่นใจว่า “สามารถขัดขวางการแทรกแซงจากภายนอก รวมถึงสามารถยับยั้งความพยายามของไต้หวันในการแบ่งแยกประเทศและประกาศตนเป็นเอกราช”

“หากกองกำลังแบ่งแยกประเทศเพื่อ ‘เอกราชของไต้หวัน’ กล้าประกาศตนแยกตัวออกจากจีนไม่ว่าจะด้วยรูปแบบใดหรือวิธีการใด กองทัพปลดแอกประชาชนจีนจะบดขยี้การกระทำเหล่านั้นให้แหลกสลายทุกวิถีทางด้วยความกล้าหาญ”

PLA Daily รายงานเมื่อวานนี้ (11 ต.ค. 2564) ว่ากองกำลังทหารของจีนซึ่งเข้าประจำการที่ฐานทัพในมณฑลฟูเจี้ยนทำการฝึกซ้อมประกอบด้วยหน่วยทหารจู่โจมเคลื่อนที่ (Shock troops), หน่วยทหารช่างจู่โจม (Sapper) และหน่วยทหารเรือ โดยยุทธวิธีการซ้อมรบนั้นแบ่งเป็นหลายกองกำลัง เริ่มตั้งแต่ปฏิบัติการชายฝั่ง ไปจนถึงปฏิบัติโจมตีฆ่าศึกในหลายรูปแบบ อย่างไรก็ตาม PLA Daily ไม่ได้ให้ข้อมูลเชิงลึกเกี่ยวกับรายละเอียดการซ้อมรบ

เมื่อวันที่ 10 ต.ค. ที่ผ่านมาซึ่งตรงกับวันครบรอบ 110 ปีการก่อตั้งสาธารณรัฐจีน (ชื่อทางการของไต้หวัน) ประธานาธิบดีไช่อิงเหวิน กล่าวสุนทรพจน์ในวันดังกล่าวโดยระบุว่า ไต้หวันต้อง “ต่อต้านการผนวกรวมหรือการรุกรานอำนาจอธิปไตยของชาติ” และเน้นย้ำว่า “อนาคตของสาธารณรัฐจีน (ไต้หวัน) จะต้องถูกตัดสินหรือกำหนดชะตาโดยประชาชนชาวไต้หวันเท่านั้น” โดยจุดยืน 4 ข้อที่ประธานาธิบดีไต้หวันกล่าวในสุนทรพจน์วันชาติ ได้แก่ จะยืนหยัดในเสรีภาพและประชาธิปไตยตามรัฐธรรมนูญ, สาธารณรัฐจีนกับสาธารณรัฐประชาชนจีนไม่ขึ้นต่อกันและกัน, ไต้หวันยืนกรานอำนาจอธิปไตย ไม่อาจละเมิดลิดรอนหรือยึดครอง และยืนหยัดปฏิบัติตามเจตจำนงของประชาชนชาวไต้หวัน เพื่ออนาคตของสาธารณรัฐจีน

สถานการณ์ระหว่างจีนและไต้หวันกลับมาตึงเครียดอีกครั้งในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา หลังจากที่กระทรวงการต่างประเทศไต้หวันออกมาประกาศว่าพบเครื่องบินรบของจีนอย่างน้อย 52 ลำบินผ่านน่านฟ้าของไต้หวันในช่วงกลางวันของวันที่ 4 ต.ค. ที่ผ่านมา ซึ่งก่อนหน้านี้ในวันที่ 1 ต.ค. 2564 ซึ่งตรงกับวันครบรอบ 72 ปีการก่อตั้งสาธารณรัฐประชาชนจีน พบเครื่องบินรบจีนบินผ่านน่านฟ้าไต้หวัน 38 ลำ และยังพบเครื่องบินรบเพิ่มเติมอีกอย่างน้อย 45 ลำในวันถัดมา แม้จะไม่สามารถระบุจำนวนที่ชัดเจนของเครื่องบินรบจีนที่บินผ่านน่านฟ้าไต้หวันในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาได้ แต่สื่อต่างประเทศหลายนำสักรายงานตรงกันว่ารวมๆ แล้วอาจมีมากถึง 150 ลำ ต่อมาในวันที่ 6 ต.ค. 2564 รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหมของไต้หวันประกาศว่าไต้หวันจำเป็นต้องเพิ่มขีดความสามารถทางการทหาร เพราะประเมินแล้วว่ากองทัพจีนอาจมีความสามารถ “บุกไต้หวันได้อย่างเต็มรูปแบบ” ภายในปี 2568

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 9 ต.ค. ที่ผ่านมา สีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนกล่าวว่ารัฐบาลปักกิ่งหวังว่าไต้หวันจะกลับมารวมกับจีนได้อย่างสงบสุข พร้อมเตือนว่าใครก็ตามที่ต่อต้านการรวมชาตินั้นจะถูกตัดสินโดนประวัติศาสตร์

“การบรรลุวัตถุประสงค์การรวมชาติแห่งมาตุภูมิด้วยสันติวิธี คือ สิ่งที่สอดคล้องกับผลประโยชน์โดยรวมของชาติจีน ซึ่งหมายรวมถึงไต้หวันด้วย” สีจิ้นผิงกล่าวในการประชุมที่กรุงปักกิ่งในวาระครบรอบ 110 ปีการปฏิวัติซินไฮ่ หรือการปฏิวัติ ค.ศ.1911 เพื่อโค่นล้มราชวงศ์ชิง และเปลี่ยนแปลงการปกครองไปสู่ประบอบประธานาธิบดี อย่างไรก็ตาม ทางการไต้หวันโต้กลับคำพูดของสีจิ้นผิงว่าเป็นการบิดเบือนประวัติศาสตร์ และเรียกร้องให้รัฐบาลปักกิ่งยุติการคุกคามไต้หวัน

เรียบเรียงจาก:

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net