'อันนา-อ๊อกฟอร์ด-เพชร' ร่วมแสดงออกกิจกรรมวันเด็กที่ ศธ. ทำเนียบและ พม. แต่เจ้าหน้าที่กันไม่ให้เข้างาน ไปติดตามเรื่องที่เคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและ พม.อุ้มเมื่อสงกรานต์ปี 65 ผ่านมาแล้วหลายเดือนแต่เจ้าหน้าที่ก็ไม่มีคำตอบให้ 

อันนา อันนานนท์(ซ้าย) และอ๊อกฟอร์ด(ขวา) พร้อมคู่มือเอาตัวรอดในโรงเรียนที่เอามาแจก

14 ม.ค.2566 ตั้งแต่เช้าวันนี้จนถึงช่วงสายเวลา 7:15 น. อันนา อันนานนท์ จากกลุ่มนักเรียนเลวพร้อมเพื่อน อ๊อกฟอร์ด(สงวนชื่อนามสกุล) และธนกร (สงวนนามสกุล) หรือ เพชร มาทำกิจกรรมแจกคู่มือเอาตัวรอดในโรงเรียน ก่อนจะเดินไปต่อทำเนียบรัฐบาลเพื่อร่วมกิจกรรมวันเด็ก และจบที่กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม. เพื่อติดตามเรื่องร้องเรียนกรณีที่เธอและเพื่อนเคยถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจและเจ้าหน้าที่ พม.คุมตัวเมื่อสงกรานต์ปี 2565

ทั้งนี้ทางกลุ่มขอเข้าไปแจกข้างในบริเวณกิจกรรมงานวันเด็กข้างในกระทรวงแต่ทางเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าพร้อมกับมีเจ้าหน้าที่ตำรวจขวางกั้นประตูไว้

อันนากล่าวว่ากิจกรรมวันนี้มาเพื่อเรียกร้องให้ประยุทธ์ จันทร์โอชานายกรัฐมนตรีและตรีนุช เทียนทองในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการทำตามข้อเรียกร้องสามข้อ คือปรับปรุงหลักสูตร แก้ปัญหาความรุนแรงภายในโรงเรียนรวมถึงเรียกร้องให้กระทรวงศึกษาธิการต้องปรับกฎระเบียบต่างๆ ที่ล้าหลัง ซึ่งเป็นข้อเรียกร้องที่ทางกลุ่มนักเรียนเลวเรียกร้องมาโดยตลอด

ตัวแทนจากกลุ่มนักเรียนเร็วกล่าวต่อว่าช่วงเกือบ 3 ปีที่มีการเคลื่อนไหวของกลุ่มนักเรียนที่เริ่มมาตั้งแต่ปี 2563 แม้ว่าจะมีการเปลี่ยนรัฐมนตรีมาเป็นตรีนุชแล้ว กฎระเบียบต่างๆ ที่เป็นปัญหาอยู่ก็ไม่เคยถูกเปลี่ยนแปลงแก้ไข

ขณะเพลงชาติดขึ้นตอน 8.00 น.อันนา อ๊อกฟอร์ด และเพชร(ซ้ายสุด) ร่วมกันยืนชูสามนิ้ว

9.00 น. หลังจากกลุ่มนักเรียนเลวแจกคู่มือที่เตรียมมาจนหมด พวกเขาจึงเดินออกจากหน้ากระทรวงศึกษาธิการไปที่ทำเนียบรัฐบาลประตูฝั่งสะพานชมัยมรุเชษฐ์ โดยอันนาระบุว่าไปเพื่อจะเข้าไปร่วมกิจกรรมนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีที่กิจกรรมดังกล่าวเปิดให้คนทั่วไปเข้าไปได้เพราะไม่เคยได้ลองนั่งมาก่อน

ระหว่างทางที่พวกเธอเดินไปทำเนียบมีตำรวจทั้งชายและหญิงเดินประกบติดตามไปตลอดทางมากกว่าสิบนาย และเมื่อพวกเธอเดินไปถึงทำเนียบตำรวจควบคุมฝูงชนในชุดสีกากีมายืนเรียงแถวหน้ากระดานปิดทางเข้าไว้ไม่ให้พวกเขาเข้าไปในพื้นที่ด้านในที่มีการจัดกิจกรรมวันเด็กอยู่

จากนั้นมีเจ้าหน้าที่ของทำเนียบรัฐบาลเข้ามาเจรจาขอให้กลุ่มนักเรียนเลวมีหนังสือข้อเรียกร้องมายื่นแล้วจะดำเนินการให้คนที่มีหน้าที่ออกมารับหนังสือข้อเรียกร้องของพวกเขาเข้าไป

ทั้งนี้อันนาและเพื่อนโต้แย้งว่าพวกเธอต้องการจะเข้าไปเพื่อนั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีเท่านั้นไม่ได้มาเพื่อเรียกร้องอะไรกิจกรรมที่มาทำก็สิ้นสุดลงแล้ว แต่ทางเจ้าหน้าที่ทำเนียบยืนยันว่าตำรวจไม่ให้เข้า

10.00 น. ทางเจ้าหน้าที่ยังคงตั้งแนวสกัดที่ทางเข้าทำเนียบรัฐบาล ทำให้กลุ่มนักเรียนเลวเดินหาทางเข้าอื่นแต่ถูกตามสกัดไว้ทำให้ต้องเดินกลับมาที่ประตูฝั่งสะพานชมัยมรุเชฐ

อันนาพยายามนำป้าย "โตไปไม่ตู่" และสติกเกอร์ที่มีรูปภาพขณะที่เธอและเพื่อนถูกตำรวจพร้อมเจ้าหน้าที่ของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ หรือ พม.คุมตัวไปจากร้านแม็คโดนัลด์สขาราชดำเนินเมื่อ 15 เม.ย. 2565 แต่ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจดึงทิ้งออกจากป้ายงานวันเด็กของทำเนียบทั้งหมด

เนื่องจากทางเจ้าหน้าที่ไม่ให้เข้าในทำเนียบรัฐบาล พวกเขาจึงเดินทางไปที่ พม.ต่อในเวลาประมาณ 10.30 น. เพื่อมาติดตามความคืบหน้าของเรื่องที่อันนาและอ๊อกฟอร์ดเคยร้องเรียนว่าถูกเจ้าหน้าที่ พม.คุมตัว โดยขึ้นไปถึงห้องประชุมที่ใช้จัดกิจกรรมวันเด็ก แต่ถูกเจ้าหน้าที่ พม.กันตัวออกจากห้องโดยเจรจาให้ทางกลุ่มชี้แจงเกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

อย่างไรก็ตามหลังจากทั้งสองคนชี้แจงเรื่องที่เคยเกิดกับพวกเขากับทางเจ้าหน้าที่นานกว่าครึ่งชั่วโมง ทางเจ้าหน้าที่เพียงแต่แจ้งว่าวันนี้ทางเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องไม่ได้มาที่นี่จึงไม่สามารถให้คำตอบเรื่องนี้ได้ และไม่ได้นัดหมายพวกเขาว่าจะให้คำตอบได้เมื่อไหร่ พวกเขารอจนกระทั่งกิจกรรมวันเด็กของทาง พม.จบลงและเริ่มเก็บกวาดพื้นที่จัดกิจกรรม

อันนากล่าวในภายหลังว่าที่พวกเขามา พม.วันนี้เพื่อติดตามเรื่องที่เกิดกับพวกเธอเมื่อวันที่ 15 เม.ย.2565 ที่ทางเจ้าหน้าที่ พม.อ้างว่ามาเพื่อพิทักษ์สิทธิของพวกเธอแต่มีการฉุดกระชากตัวมาที่ พม.

อ๊อกฟอร์เล่าเสริมว่าวันนั้นทางเจ้าหน้าที่จับกุมแล้วก็ถูกแยกขึ้นรถไปคนละคันโดยไม่ได้แจ้งสถานที่ก่อนว่าจะพาตัวไปที่ใดแน่ชัด เจ้าหน้าที่มีการพูดเปลี่ยนไปมาอีกทั้งไม่ได้บอกว่าพวกเขาทำอะไรผิดถึงต้องมีการคุมตัวมาเพียงแต่บอกว่าพวกเขามีความสุ่มเสี่ยงที่จะกระทำความผิดทางกฎหมาย และเหตุการณ์ครั้งนั้นก็ทำให้อาการของโรคประจำตัวของเขาออกอาการทั้งอาการแพนิกและหอบ

อ๊อกฟอร์ดระบุว่าหลังเกิดเหตุการณ์อีก 4 วันต่อมาพวกเขาได้มาร้องเรียนที่ พม.ไปแล้ว แต่ทาง พม.เพียงแค่ให้รอคำตอบเป็นลายลักษณ์อักษร แต่เมื่อเวลาผ่านไป 3 เดือนยังไม่มีคำตอบมาจากทาง พม.จนตอนนี้อีกไม่กี่เดือนเหตุการณ์ก็จะเกิดขึ้นครบ 1 ปีแล้วก็ยังไม่มีคำตอบอะไร

ภาพกิจกรรม