Skip to main content
sharethis

กลุ่มพัฒนาแรงงานสัมพันธ์ตะวันออก แถลงเรียกร้องให้ ส.ว.เคารพเจตนารมณ์ประชาชน โหวตหนุน 'พิธา' เป็นนายกฯ คนที่ 30 และหาก ส.ว.เป็นปฏิปักษ์ จะพิจารณาความเป็นไปได้ใช้มาตรการทางสังคม เพื่อปกป้องเจตนารมณ์ของประชาชน

 

17 พ.ค. 2566 กลุ่มพัฒนาแรงงานสัมพันธ์ตะวันออก ออกแถลงการณ์วานนี้ (16 พ.ค.) เรียกร้องให้ สมาชิกวุฒิสภา หรือ ส.ว. ต้องเคารพเจตนารมณ์ของประชาชนส่วนใหญ่ โหวตสนับสนุน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 

แถลงการณ์ระบุด้วยว่า หาก ส.ว. แสดงจุดยืนเป็นปฏิปักษ์กับฉันทามติประชาชน จะพิจารณาความเป็นไปได้กับมาตรการทางสังคมต่างๆ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการปกป้องเจตนารมณ์ของประชาชน ร่วมกับเครือข่ายอื่นๆ ที่สนับสนุนประชาธิปไตย อันมีประชาชนเป็นผู้มีอำนาจสูงสุดของประเทศ

รายละเอียดแถลงการณ์

เรื่อง ส.ว. ต้องเคารพเสียงของประชาชน พรรคร่วมรัฐบาลต้องหนักแน่นยึดมั่นในการจัดตั้งรัฐบาลประชาธิปไตย

จากการรายงานผลการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) เมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 อย่างไม่เป็นทางโดยคณะกรรมการการเลือกตั้ง ผลการเลือกตั้งปรากฏว่า พรรคก้าวไกล ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนมาเป็นอันดับ 1 จำนวน 152 ที่นั่ง และยังสามารถรวบรวมเสียงพรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งได้เกินกว่ากึ่งหนึ่งเพื่อจัดตั้งรัฐบาลเป็นจำนวน 310 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 16 พฤษภาคม 2566) จากอีก 5 พรรคการเมืองนั่นคือ พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทยและพรรคเป็นธรรม

แต่เมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาหลังการรับรู้ของสังคมในเรื่องบุคคลที่จะได้รับการแต่งตั้งเป็นนายกรัฐมนตรี กลับมีภาพข่าวของบุคคลที่ดำรงตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ออกมาให้สัมภาษณ์ตามสื่อกระแสหลักต่าง ๆ ด้วยท่าทีที่เป็นปฏิปักษ์กับเจตนารมณ์ของประชาชนอย่างน่าขยะแขยง บางรายถึงกับประกาศชัดเจนว่าจะไม่ยกมือให้แน่นอนด้วยเหตุผลล้าหลังฟังไม่ขึ้น

ในเมื่อประเทศไทยมีระบอบการปกครองด้วยระบอบประชาธิปไตยโดยมีประชาชนซึ่งเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุดและได้แสดงเจตนารมณ์ร่วมกันในการใช้อำนาจผ่านการเลือกตั้งเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ที่ผ่านมาเป็นฉันทามติของประชาชน พรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งเป็นอันดับ 1 ย่อมสมควรเป็นผู้จัดตั้งรัฐบาล นี่คือธรรมเนียมปฏิบัติของการปกครองในระบอบประชาธิปไตยของประเทศไทย การพยายามตั้งตนเป็นปฏิปักษ์กับเจตนารมณ์ของประชาชนของ ส.ว. หลายคนที่ออกมาแสดงท่าดีก็ดีหรือยังทำตัวนิ่งแต่ยังอิงแอบกับอำนาจเผด็จการที่เป็นบุญคุณอันทำให้ได้มาเสวยสุขจากเงินภาษีของประชาชนก็ดี รังแต่จะนำพาประเทศชาติกลับเข้าสู่วังวนของวิกฤติความขัดแย้ง นี่คือการฉุดรั้งประชาธิปไตยอย่างน่ารังเกียจและนี่คือการเหนี่ยวรั้งอนาคตของประเทศอย่างไม่สามารถให้อภัยได้ 

กลุ่มพัฒนาแรงงานสัมพันธ์ตะวันออก มีข้อเรียกร้องไปยังสมาชิกวุฒิสภาทั้ง 250 คน และพรรคการเมืองทุกพรรคที่ได้รับการเลือกตั้งจากประชาชนที่จะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลดังนี้

1. สมาชิกวุฒิสภา ต้องเคารพเจตนารมณ์ของประชาชน ยอมรับในฉันทามติของประชาชนด้วยการลงมติให้แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีจากพรรคก้าวไกลดำรงตำแหน่งเป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของประเทศไทย

2. ขอให้พรรคการเมืองที่ได้รับการเลือกตั้งและจะเป็นพรรคร่วมรัฐบาลอันประกอบไปด้วยพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ พรรคไทยสร้างไทย พรรคเสรีรวมไทยและพรรคเป็นธรรม ต้องหนักแน่นและยึดมั่นเจตนารมณ์ของประชาชนในการร่วมกันจัดตั้ง “รัฐบาลประชาธิปไตย” เป็นรัฐบาลของประชาชนและเพื่อประชาชนโดยแท้จริง

นี่คือหนทางเดียวที่จะนำพาประเทศไทยให้หลุดพ้นจากการจมปลักอยู่กับความทุกข์ทรมานที่เผด็จการและรัฐบาลร่างทรงเผด็จการได้ก่อไว้ให้กับประชาชนใน 8-9 ปีที่ผ่านมา และหากสมาชิกวุฒิสภายังดื้อด้านทำตัวเป็นปฏิปักษ์กับฉันทามติของประชาชน เราจะพิจารณาความเป็นไปได้กับมาตรการทางสังคมต่างๆ เพื่อเป็นการแสดงออกถึงการปกป้องเจตนารมณ์ของประชาชนนี้ร่วมกันกับเครือข่ายภาคประชาชนที่ยึดมั่นในการปกครองในระบอบประชาธิปไตย อันมีประชาชนเป็นผู้ทรงอำนาจสูงสุด

กลุ่มพัฒนาแรงงานสัมพันธ์ตะวันออก

16 พฤษภาคม 2566


ที่มา: กลุ่มพัฒนาแรงงานสัมพันธ์ตะวันออก

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net