Skip to main content
sharethis

เลขาฯ กพฐ. สั่งการ ผอ.เขต ผอ.โรงเรียน ทบทวนวิธีสอนประวัติศาสตร์ ยินดี 4 กระทรวง MOU ช่วยปลูกฝังนักเรียนรักชาติ ภูมิใจประวัติศาสตร์ไทย ยึดมั่นสถาบันหลัก - คลอดแล้วปฎิทินรับนักเรียนปี 2567 ห้ามสอบแข่งขันด้านวิชาการเข้าระดับชั้นอนุบาลเด็ดขาด เข้า ม.1 ยืนยัน คำเดิมไม่ใช้คะแนน O-NET ส่วน ม.3 ขึ้น ม.4 ให้สิทธิ์นักเรียนโรงเรียนเดิมก่อน ลั่นห้ามเรียกรับเงินแลกเก้าอี้เด็ดขาด ย้ำชัดไม่ใช่แค่ส่วนกลางคอยดู ป.ป.ช. ก็ส่งทีมดูทุกฝีก้าว


ว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา รักษาราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) 

19 พ.ย. 2566 เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน รายงานว่าว่าที่ร้อยตรีธนุ วงษ์จินดา เลขาธิการคณะกรรมการการอาชีวศึกษา รักษาราชการแทน เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) เปิดเผยว่า จากการที่ รัฐบาลให้ความสำคัญในการสร้างทรัพยากรมนุษย์ของชาติ เป็นคนที่มีจิตสำนึกรักชาติ ภาคภูมิใจในประวัติศาสตร์ของชาติไทย และยึดมั่นสถาบันสำคัญของชาติ โดยมีการลงนามบันทึกข้อตกลง (MOU) “แนวทางการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ของประเทศไทย สร้างจิตสำนึกความเป็นไทย” ระหว่าง 4 กระทรวงหลัก มี รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย (นายอนุทิน ชาญวีรกูล) พร้อมด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (พลตำรวจเอก เพิ่มพูน ชิดชอบ) รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน (นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ) และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม (นางสาวศุภมาส อิศรภักดี) ร่วมลงนามที่กระทรวงศึกษาธิการ เมื่อวันศุกร์ที่ 17 พ.ย. 2566 ที่ผ่านมานั้น

สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ในฐานะที่ดูแลเด็กและเยาวชนกว่า 6.5 ล้านคน ให้ความสำคัญกับการสร้างจิตสำนึกความเป็นไทย ภูมิใจในชาติและยึดมั่นสถาบันหลักอย่างมาก ได้กำหนดเป็นนโยบายและจุดเน้นของ สพฐ. ปีงบประมาณ 2567-2568 ซึ่งทันทีที่รัฐมนตรีทั้ง 4 กระทรวงได้ลงนาม MOU ช่วงเช้าวันที่ 17 พ.ย. 2566 สพฐ. พร้อมรับลูก สั่งการนโยบายแก่ผู้บริหาร สพฐ. ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน ณ ที่ประชุมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 245 เขตพื้นที่ จาก 77 จังหวัดทั่วประเทศ

สำหรับจุดเน้นและนโยบายของ สพฐ. ปีงบ 2567-68 นี้ สองข้อแรก เราให้ความสำคัญต่อการสร้างสำนึกความเป็นไทย ภาคภูมิใจในชาติและยึดมั่นสถาบันหลัก โดยข้อที่ 1 การปลูกฝังความรักในสถาบันหลักของชาติ ซึ่งทุกโรงเรียนทั่วประเทศมีกิจกรรมการขับเคลื่อนหลักปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงสู่สถานศึกษา เพื่อการบรรลุเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และการน้อมนำพระบรมราโชบายด้านการศึกษาของในหลวงรัชกาลที่ 10 สู่การปฏิบัติ โดยเน้นให้นักเรียนได้เรียนรู้ผ่านกิจกรรมที่เป็นวิถีชีวิตประจำวันในโรงเรียน และข้อที่ 2 การจัดการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ หน้าที่พลเมือง ศีลธรรม และประชาธิปไตย ที่เน้นให้ผู้เรียนได้มีคุณธรรม จริยธรรม เป็นพลเมืองคุณภาพ รู้จักรากเหง้าตัวตน ประวัติศาสตร์ชาติ ด้วยการใช้สื่อการสอนที่ทันสมัย เหมาะกับเด็กยุคใหม่ ซึ่งการที่รัฐบาลมีวิสัยทัศน์บูรณาการแนวทางปฏิบัติร่วมกัน ระหว่าง 4 กระทรวงดังกล่าว เป็นการช่วยลดภาระครู เพราะจะมีภาคีเครือข่ายจากกระทรวงต่างๆ เป็นแนวร่วม สนับสนุนองค์ความรู้ สื่อและแหล่งการเรียนรู้ ช่วยให้สามารถพัฒนาเด็กและเยาวชนได้อย่างมีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งตนได้กำชับผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ผู้บริหารสถานศึกษา พร้อมเปิดรับการทำงานร่วมกับองค์กรภาคส่วนต่างๆ เพื่อประโยชน์ที่จะเกิดกับนักเรียนเป็นสำคัญ

“มั่นใจว่าโรงเรียนทุกแห่งมีการเรียนการสอนที่ปลูกฝังความรักความภาคภูมิใจในชาติและยึดมั่นสถาบันสำคัญของชาติ ที่เป็นวิถีปฏิบัติของโรงเรียนอยู่แล้ว โดยเฉพาะรายวิชาประวัติศาสตร์ ที่ สพฐ. ได้ประกาศให้สถานศึกษาจัดรายวิชาพื้นฐานประวัติศาสตร์ แยกออกมา 1 รายวิชาอย่างชัดเจน กำหนดให้ระดับประถมศึกษา ใช้เวลาเรียน 40 ชั่วโมงต่อปี (สัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง) ระดับมัธยมศึกษาตอนต้น 40 ชั่วโมงต่อปี และระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย รวม 3 ปี 80 ชั่วโมง ในการนี้ ได้มอบหมายรองเลขาธิการ กพฐ. (นางเกศทิพย์ ศุภวานิช) และทีมวิชาการพัฒนารูปแบบแนวทางการปลูกฝังจิตสำนึกรักชาติ และได้สั่งการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทุกเขต เป็นพี่เลี้ยงแก่โรงเรียน ดำเนินการทบทวนรูปแบบ วิธีการจัดการเรียนการสอนที่ทำอยู่ว่าเป็นอย่างไร ให้ใช้กระบวนการจัดการเรียนรู้เชิงรุก (Active Learning) เพื่อนักเรียนได้รู้จักรากเหง้า เข้าใจเหตุการณ์ทางประวัติศาสตร์ของท้องถิ่นและประเทศชาติในแง่มุมต่างๆ จากหลักฐานทางประวัติศาสตร์และแหล่งเรียนรู้ที่หลากหลาย ให้มีการฝึกทักษะการคิดวิเคราะห์ วิพากษ์ เชิงประวัติศาสตร์ ไม่ใช่ท่องจำตามหนังสือ คลิปวิดีโอ หรือจำตามที่ครูบอกเล่า เพื่อนักเรียนจะได้เข้าใจและเห็นบทเรียนจากเรื่องราวในอดีต เชื่อมโยงความเป็นมาเป็นไปสู่สังคมปัจจุบัน เห็นแนวทางภูมิปัญญาที่เป็น Soft Power เห็นคุณค่าอดีตที่ต่อยอดสู่อนาคต ในมิติเศรษฐกิจ สังคม และหน้าที่พลเมืองได้” เลขาธิการ กพฐ. เน้นย้ำ

คลอดแล้วปฎิทินรับนักเรียนปี 2567

เพจสำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์ รายงานเพิ่มเติมว่าว่าที่ร้อยตรีธนุ  ได้ลงนามประกาศสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) เรื่องนโยบายและแนวปฎิบัติการรับนักเรียน สังกัด สพฐ.ประจำปีการศึกษา 2567 ซึ่งมีแนวปฎิบัติประกอบด้วย การรับเด็กชั้นก่อนประถมศึกษาให้รับเด็ก 4-5 ปี ในเขตพื้นที่บริการเข้าเรียนชั้นอนุบาล 2 และ 3 ส่วนสถานศึกษาที่เคยรับเด็กอนุบาลอายุ 3 ปีบริบูรณ์ที่อนุญาตให้เปิดรับอยู่ก่อนแล้ว ให้รับเด็ก 3-5 ปี ในเขตพื้นที่บริการ เข้าเรียนชั้นอนุบาล 1 2 และ 3  ส่วนการรับเด็กชั้นประถมศึกษาปีที่ 1 ให้รับเด็กที่มีอายุย่างเข้าปีที่ 7 ในพื้นที่บริการเข้าเรียนทุกคน โดยห้ามมีการสอบวัดความสามารถทางวิชาการอย่างเด็ดขาด ขณะที่การรับนักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 1 จะไม่นำผลคะแนนทดสอบระดับชาติขั้นพื้นฐาน (โอเน็ต) มาใช้ในการเข้าเรียนต่อ ม.1 และการรับนักเรียนชั้น ม.4 ให้นักเรียนที่จบชั้น ม.3 ได้มีสิทธิ์เรียนต่อโรงเรียนเดิมตามศักยภาพทุกคน 

เลขา กพฐ. กล่าวอีกว่า สำหรับปฎิทินการรับนักเรียนปี 2567 มีดังนี้ ก่อนประถมศึกษา รับสมัครระหว่างวันที่ 14-18 ก.พ. 2567 จับฉลาก ประกาศผล และรายงานตัววันที่ 26 ก.พ. 2567 ป.1 รับสมัครวันที่ 21-25 ก.พ. 2567 ประกาศผลวันที่ 10 มี.ค. 2567 ม.1 รับสมัครวันที่ 9-13 มี.ค. 2567 สอบคัดเลือกวันที่ 23 มี.ค. 2567 ประกาศผลสอบวันที่ 27 มี.ค. 2567 มอบตัววันที่ 30 มี.ค. 2567 และ ม.4 ให้โรงเรียนเป็นผู้กำหนดเงื่อนไขเอง ทั้งนี้การรับนักเรียนในปีการศึกษาหน้าได้กำชับไปถึงผู้บริหารสถานศึกษาทุกแห่งว่าจะต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างโปร่งใสและตรวจสอบได้ ซึ่งที่สำคัญ ผู้บริหารโรงเรียนทุกคนจะต้องระวังอย่าให้มีการเรียกรับเงินเพื่อแลกที่นั่งเรียนอย่างเด็ดขาด เพราะไม่ใช่แค่ส่วนกลางจะจับตาดูเท่านั้นแต่ยังมีหน่วยงานอื่นอย่างคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เฝ้าระวังเรื่องการรับนักเรียนเช่นเดียวกัน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net