งานศึกษาชิ้นใหม่ชี้ว่าแม้สหรัฐอเมริกาและสหภาพยุโรปมุ่งหวังที่จะลดการพึ่งพาผลิตภัณฑ์จากจีน แต่คาดว่าจีนจะมีตำแหน่งงานในภาคการผลิตเป็นสัดส่วนถึง 43% ของทั้งโลกในปี 2050 

ที่มาภาพ: Robert Scoble (CC BY 2.0)

การศึกษาโดยศูนย์ศึกษาเพื่อการพัฒนาโลก (Center for Global Development หรือ CGD) ซึ่งตั้งอยู่ในวอชิงตัน ระบุว่าสัดส่วนตำแหน่งงานภาคการผลิตของจีนจะเพิ่มขึ้นเป็น 43% ของทั้งโลกภายในปี 2050 ทำให้จีนจะเป็นเพียงประเทศเดียวที่มีการเติบโตของตำแหน่งงานในด้านนี้ในช่วงเวลานั้น

เศรษฐกิจขนาดใหญ่ของโลกตะวันตกถูกตั้งคำถามอย่างจริงจังเกี่ยวกับการพึ่งพาจีนในการผลิตสินค้า เนื่องจากปัญหาคอขวดที่ทำให้ห่วงโซ่อุปทานทั่วโลกติดขัดหลังจากการระบาดของโควิด-19

ความล่าช้าและการเพิ่มขึ้นของราคาส่งผลให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งยังส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจโลก กระตุ้นให้สหภาพยุโรปและสหรัฐอเมริกาใช้กลยุทธ์ลดความเสี่ยงเกี่ยวกับจีน

สหรัฐอเมริกาต้องการจำกัดความก้าวหน้าของจีนในการผลิตเทคโนโลยีชั้นสูง เช่น เซมิคอนดักเตอร์ ซึ่งจำเป็นสำหรับการพัฒนาปัญญาประดิษฐ์

ประเทศร่ำรวยมีแนวโน้มที่จะสูญเสียงานด้านผลิตต่อไป โดยภาคนี้ลดลงจาก 11.4% เหลือ 8.3% ของกำลังแรงงานรายได้สูงภายในปี 2050

การศึกษาของ CGD ยังคาดว่าแม้งานในภาคการผลิตจะยังคงมีเสถียรภาพในประเทศรายได้ต่ำ แต่ก็มีอัตราการจ้างงานต่ำกว่า 8%

ในความเป็นจริง คาดว่าจะเห็นการเปลี่ยนงานจากภาคเกษตรกรรมไปสู่ภาคบริการในประเทศรายได้ต่ำเหล่านี้ โดยไม่ต้องผ่านไปสู่ภาคอุตสาหกรรมก่อน

"สิ่งนี้ไม่ได้หมายความว่าประเทศยากจนจะไม่สามารถหลุดพ้นจากความยากจนได้ เทคโนโลยีใหม่และการเปลี่ยนไปใช้บริการที่สามารถส่งมอบได้อย่างง่ายดายข้ามพรมแดนสามารถเปลี่ยนแปลงได้" นักวิจัยอาวุโส CGD และผู้เขียนรายงานการศึกษากล่าว

การศึกษาครั้งนี้ดำเนินการบนพื้นฐานของการคาดการณ์ของ 59 ประเทศ ที่คิดเป็นประมาณ 75% ของ GDP ทั่วโลก

ที่มา:
China's share of global manufacturing jobs to rise by 2050: Study (Times of India, 30 October 2023)