Skip to main content
sharethis

Summary

  • ปัจจุบันบริษัทต่าง ๆ เริ่มตระหนักถึงผลกระทบของการสูญเสียสัตว์เลี้ยงที่มีต่อพนักงานมากขึ้น และกำลังปรับนโยบายเพื่อให้วันลาหยุด แก่พนักงานที่เศร้าโศกเมื่อสูญเสียสัตว์เลี้ยง
  • ผู้เชียวชาญระบุว่าองค์กรควรสร้างวัฒนธรรมที่ "เน้นความเห็นอกเห็นใจ" ซึ่งการให้สวัสดิการวันหยุดแก่พนักงานที่สูญเสียสัตว์เลี้ยงก็ถือเป็นหนึ่งในแนวทางนี้


ที่มาภาพ: IG/My.Cat.Y

ความเศร้าโศกเป็นสัจธรรมของชีวิต เป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้กับทุกคน และมันก็เป็นความเจ็บปวดที่แท้จริง ไม่ได้จำกัดอยู่แค่การสูญเสียเพื่อนมนุษย์เท่านั้น แต่ความเศร้าโศกนั้นสามารถเกิดขึ้นได้กับสัตว์เลี้ยงที่เรารักได้เช่นกัน ในสถานที่ทำงาน การลาพักเพื่อไว้ทุกข์นั้นถือเป็นสิ่งที่จำเป็นสำหรับพนักงาน ซึ่งปกติแล้วจะมีนโยบายเพื่อรองรับเรื่องนี้ โดยให้พนักงานมีเวลาและพื้นที่เพียงพอสำหรับการไว้ทุกข์และจัดการธุระต่าง ๆ แต่สำหรับการสูญเสียสัตว์เลี้ยง พนักงานมักไม่ได้รับสิทธิ์หรือพื้นที่เดียวกันนี้ สถานที่ทำงานจำนวนมากกำลังเริ่มเปลี่ยนแปลงนโยบายนี้ และผู้เชี่ยวชาญหลายคนก็เห็นด้วยว่าการลาพักเพื่อไว้ทุกข์สำหรับสัตว์เลี้ยงควรเป็นเรื่องปกติในออฟฟิศยุคใหม่

เอริก้า ซินเนอร์ (Erika Sinner) CEO ของ Directorie บริษัทให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการจัดการทรัพยากรมนุษย์ ผู้มีสัตว์เลี้ยงถึง 4 ตัว เธอให้คำจำกัดความเกี่ยวกับตำแหน่งว่า CEO ของเธอว่า ไม่ได้เป็นเพียง Chief Executive Officer เท่านั้น แต่เธอยังเป็น “Chief Empathy Officer” (หัวหน้าฝ่ายความเห็นอกเห็นใจ) ควบคู่กันไปด้วย ในฐานะผู้เชี่ยวชาญด้านการสูญเสียและความเศร้าโศกจากสัตว์เลี้ยง หนึ่งในวิธีที่ ซินเนอร์นำความเห็นอกเห็นใจมาสู่สถานที่ทำงานคือการเสนอลาหยุดพักงานเพื่อไว้ทุกข์สัตว์เลี้ยงให้กับพนักงานของเธอ แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยพบเห็น แต่การลาหยุดพักงานเพื่อไว้ทุกข์สัตว์เลี้ยงก็ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ เนื่องจากบริษัทต่าง ๆ ตระหนักถึงความสำคัญของการสนับสนุนพนักงานในช่วงเวลาแห่งความโศกเศร้าเสียใจเมื่อสัตว์เลี้ยงตัวโปรดจากไป

ในสังคมปัจจุบัน ผู้คนเลือกที่จะมีสมาชิกในครอบครัวที่เป็นสัตว์เลี้ยงมากกว่ามนุษย์ จากการศึกษาชิ้นหนึ่งระบุว่าประมาณ 70% ของคนในยุคนี้มีแนวโน้มที่จะเลี้ยงสัตว์เลี้ยงมากกว่ามีลูก และ 81% ของเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่เป็นคนรุ่นมิลเลนเนียล บอกว่าพวกเขารักสัตว์เลี้ยงของพวกเขามากกว่าสมาชิกในครอบครัวอย่างน้อยหนึ่งคน

ซินเนอร์กล่าวเสริมว่า สิ่งนี้หมายความว่า สัตว์เลี้ยงเป็นสมาชิกในครอบครัวจริง ๆ และยิ่งไปกว่านั้น ความโศกเศร้าที่ผู้คนรู้สึกเมื่อสัตว์เลี้ยงจากไปนั้น ควรได้รับการปฏิบัติเช่นเดียวกันกับคนในครอบครัว เธอบอกกับ StudyFinds ว่าเมื่อหัวหน้าทำงานด้วยความเห็นอกเห็นใจ ใส่ใจสุขภาพจิตของพนักงานอย่างแท้จริง บริษัทและพนักงานก็จะประสบความสำเร็จ

สร้างวัฒนธรรมเน้นความเห็นอกเห็นใจให้กับคนในองค์กร

แม้ว่าจะเป็นเรื่องที่ยังไม่ค่อยแพร่หลาย แต่บริษัทบางแห่งได้ริเริ่มนโยบายเพื่อตอบสนองความต้องการนี้ บริษัทเหล่านี้รวมถึง Mars Inc. ผู้ผลิตขนมและอาหารสัตว์เลี้ยง บริษัทแห่งนี้มอบการสนับสนุนในรูปแบบต่างๆ เช่น วันหยุดพักงาน เวลาทำงานที่ยืดหยุ่น หรือตัวเลือกการทำงานทางไกลให้แก่พนักงานที่กำลังรับมือกับการสูญเสียสัตว์เลี้ยงเลี้ยง ในทำนองเดียวกัน โรงแรมและร้านอาหารในเครือของบริษัท Kimpton Hotels & Restaurants ในซานฟรานซิสโก ซึ่งโดดเด่นในฐานะหนึ่งในฐานะผู้บุกเบิกเรื่องนี้ มีสวัสดิการลาหยุดเพื่อไว้ทุกข์สัตว์เลี้ยงเป็นเวลา 3 วัน

แม้จะมีความริเริ่มที่ก้าวหน้าเหล่านี้ แต่แนวคิดเรื่องการลาหยุดพักงานเพื่อไว้ทุกข์สัตว์เลี้ยงก็ยังคงเป็นเรื่องใหม่สำหรับสถานที่ทำงานส่วนใหญ่

ซินเนอร์ ชี้ว่าไม่ใช่เพียงแค่เชื่อมั่นในผู้นำองค์กรที่มีความเห็นอกเห็นใจเท่านั้น เธอยังเป็นตัวอย่างที่ดีสำหรับการซื่อตรงต่อความโศกเศร้าของตัวเอง มันจะส่งผลอย่างไรต่อการมีส่วนร่วมกับสุขภาพจิตของพนักงานของเธออย่างรอบคอบยิ่งขึ้น เธอบอกว่า ก้าวแรกคือการยอมรับความเจ็บปวด จากนั้น นายจ้างควรพิจารณาการให้พนักงานหยุดงานเพิ่มเติมเพื่อบรรเทาความเจ็บปวดนั้น

ซินเนอร์ เปิดเผยประสบการณ์ความโศกเศร้าของตัวเองอย่างไม่ลังเล โดยเล่าว่าหลังจากการจากไปของสัตว์เลี้ยงตัวหนึ่ง เธอประหลาดใจกับความรุนแรงของความเจ็บปวด "ฉันรู้สึกเจ็บปวดมากกว่าตอนที่สูญเสียคนรู้จักไปเสียอีก" และตามที่คนอื่น ๆ ให้ข้อมูล เธอก็ไม่ได้เป็นเพียงคนเดียวที่มีอาการเช่นนี้ ตั้งแต่การพาสัตว์เลี้ยงไปเที่ยวพักร้อน ไปจนถึงการให้ความสำคัญกับสุขภาพจิตของพวกมันเหนือสมาชิกในครอบครัวคนอื่น ๆ เจ้าของสัตว์เลี้ยงได้แสดงให้เห็นชัดเจนว่าสัตว์เลี้ยงของพวกเขาเปรียบเสมือนเหมือนคนในครอบครัวไปแล้ว

ความหลงใหลในสัตว์เลี้ยงของซินเนอร์นั้นชัดเจน  "ฉันเชื่อจริง ๆ ว่าสัตว์เลี้ยงเป็นเหมือนคนในครอบครัว พวกมันเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตประจำวันของคุณ เป็นส่วนหนึ่งของกิจวัตรของคุณ ไม่ว่าคุณจะเดินไปส่วนไหนในบ้าน คุณก็มีแต่ความทรงจำเกี่ยวกับพวกมัน หรือไม่ก็นึกถึงว่าพวกมันกำลังทำอะไรสักอย่างอยู่" เธอกล่าวต่อ "บางตัวนอนบนเตียงของคุณด้วย ฉันไม่รู้ว่าจะมีอะไรที่ใกล้ชิดเราไปมากกว่านี้อีกแล้ว"

กระแสการลาหยุดพักงานเพื่อไว้ทุกข์สัตว์เลี้ยง

เช่นเดียวกับการสูญเสียสมาชิกในครอบครัวหรือเพื่อน คนเราก็ต้องการเวลาในการไว้อาลัยสัตว์เลี้ยงด้วยเช่นกัน ซึ่งอาจหมายถึงการอนุโลมให้พนักงานสามารถหยุดงานเพื่อเยียวยาจิตใจและจัดการกับความสูญเสียอย่างเต็มที่ การกระทำนี้ไม่เพียงส่งผลดีต่อพนักงานเท่านั้น แต่ยังสะท้อนภาพลักษณ์ที่เห็นอกเห็นใจขององค์กรและฝ่ายบริหารโดยรวม ซึ่งจะช่วยสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างทั้งสองฝ่าย

"ฉันคิดว่าแม้จะมีแค่การระบุวันลาไว้ทุกข์สัตว์เลี้ยงเพียงวันเดียวในนโยบายของบริษัท ก็ส่งสัญญาณไปยังพนักงานว่า ชีวิตนอกเหนือจากงานส่งผลกระทบต่อพวกเขา บริษัทเข้าใจว่าพวกเขากำลังเจ็บปวด" ซินเนอร์ กล่าว

ตามธรรมเนียมเดิม การลาหยุดพักงานเพื่อไว้ทุกข์ (bereavement leave) มีไว้เพื่อให้สมาชิกใกล้ชิดในครอบครัวมีเวลาในการวางแผนงานศพ และจัดการกับภารกิจต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งกรณีการลาหยุดพักงานเพื่อไว้ทุกข์สัตว์เลี้ยง ก็ยังคงมีความคล้ายคลึงกันอยู่ในบางระดับ ไม่ว่าจะเป็นการตัดสินใจอันยากลำบากเกี่ยวกับการุณยฆาต (euthanasia) ไปจนถึงช่วงเวลาสุดท้ายและการฝังร่างของเพื่อนขนฟูฟองอันเป็นที่รักของเรา การลาหยุดพักงานเพื่อไว้ทุกข์สัตว์เลี้ยงจึงมีความสำคัญเช่นเดียวกัน

เพื่อให้การลาหยุดพักงานเพื่อไว้ทุกข์สัตว์เลี้ยงแพร่หลายมากขึ้น องค์กรจำเป็นต้องมีทรัพยากรและการฝึกอบรมเพิ่มเติมเกี่ยวกับวิธีการสนับสนุนพนักงานที่กำลังเผชิญกับการสูญเสียสัตว์เลี้ยง ซินเนอร์เชื่อว่า ผู้จัดการไม่ได้รับการเตรียมพร้อมอย่างเพียงพอที่จะเข้าใจและตอบสนองความต้องการทางด้านจิตใจและอารมณ์ของเพื่อนร่วมงานได้อย่างแท้จริง พนักงานควรได้รับการสนับสนุนอย่างไร? "การพูดคุยกันแบบตัวต่อตัว ถามพนักงานของคุณว่า คุณเป็นอย่างไรบ้าง?" เธอแนะนำ

เมื่อพิจารณาว่าเจ้าของสัตว์เลี้ยงส่วนใหญ่ มองสัตว์เลี้ยงเป็นแหล่งความสบายใจที่พึ่งพาได้ มักจะหาสัตว์เลี้ยงมาอยู่ใกล้ ๆ เวลาเครียด รู้สึกมีความสุขที่มีสัตว์เลี้ยงอยู่ด้วย และคิดถึงสัตว์เลี้ยงเมื่ออยู่ห่างกัน การไว้อาลัยสัตว์เลี้ยงจึงอาจเป็นเรื่องที่ยากกว่าเดิม การแค่ถามพนักงานของคุณว่าเป็นอย่างไรบ้าง อาจมีค่ามากสำหรับคนที่กำลังเผชิญกับการสูญเสียสัตว์เลี้ยงแสนรัก

แต่มันจะเกิดอะไรขึ้นถ้าไม่ใช่ทุกคนที่สะดวกใจในการแสดงความรู้สึก ซินเนอร์แนะนำว่า "ส่งอีเมล ส่งข้อความใน Slack ส่งข้อความ เป็นการสื่อสารว่า 'เฮ้ ฉันเดาว่ามีบางอย่างเกิดขึ้น คุณไม่จำเป็นต้องคุยกับฉันเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย ฉันแค่อยากให้คุณรู้ว่าฉันอยู่ตรงนี้เพื่อคุณ' หรือ 'ฉันหวังว่าทุกอย่างจะเรียบร้อย'"

ความโศกเศร้าในสถานที่ทำงาน

สิ่งสำคัญอีกอย่างคือ การพิจารณาการอบรมเกี่ยวกับวิธีที่ผู้จัดการสามารถพูดคุยกับเพื่อนร่วมงานได้ เมื่อพวกเขาเปิดใจเกี่ยวกับความโศกเศร้า มันเป็นเรื่องยากที่จะรู้ว่าจะตอบสนองอย่างไรเมื่อเพื่อนร่วมงานกำลังประสบกับการสูญเสีย

ซินเนอร์กล่าวเสริมว่า "การฝึกอบรมเกี่ยวกับวิธีการตอบสนองเมื่อพนักงานแจ้งข่าวร้ายกับคุณนั้น มีประโยชน์อย่างมาก เมื่อใครบางคนพูดว่า 'โอ้ พระเจ้า! สุนัขของฉันเพิ่งตาย ฉันเสียใจมาก ฉันไม่รู้ว่าฉันจะทำงานวันนี้ได้ไหม' แม้แต่การสอนให้ผู้จัดการหยุดสักพัก หายใจ ฟังข้อมูล รับรู้สิ่งที่เกิดขึ้น จากนั้นค่อยตอบสนองอย่างใจเย็น [เป็นสิ่งสำคัญ]"

เจ้าของสัตว์เลี้ยงหลายคนที่เคยประสบกับความโศกเศร้าจากการสูญเสียสัตว์เลี้ยง ยังเคยประสบกับความโศกเศร้าที่สังคมมักจะมองข้าม หรือความโศกเศร้าที่สังคมมักจะเพิกเฉย (disenfranchised grief) พนักงานไม่ควรต้องรู้สึกอับอายหรือไม่มั่นใจในการสื่อสารกับนายจ้างเกี่ยวกับความโศกเศร้าและความต้องการของตนเองเมื่อสูญเสียสัตว์เลี้ยง

"และความจริงก็คือ มันเป็นความเจ็บปวดที่แท้จริง และการพูดถึงมันก็ไม่ใช่เรื่องผิด ไม่มีวันไหนที่เป็นความทรงจำเลวร้าย มันคือความรักที่ไม่หวังผลตอบแทน" ซินเนอร์ กล่าว "และสัตว์เลี้ยงนั้นสามารถเข้าไปอยู่ในส่วนลึกของหัวใจคุณได้จริงๆ ในแบบที่คุณจะไม่ไว้ใจให้มนุษย์คนไหนเข้าไป"

การสูญเสียสัตว์เลี้ยงเป็นความเจ็บปวดอย่างรุนแรงที่ไม่ควรละเลย สำหรับซินเนอร์ สัตว์เลี้ยงของเธอไม่ได้เป็นแค่ "เจ้าตัวขนฟู" เลย พวกมันคือลูก ๆ ของเธอเลยทีเดียว

ในหนังสือเล่มใหม่ของเธอ "สัตว์เลี้ยงคือครอบครัว" (Pets Are Family) ซินเนอร์ เน้นย้ำว่า เหตุใดนายจ้างจึงควรลงทุนกับสุขภาพจิตของพนักงาน และพวกเขาสามารถนำนโยบายต่าง ๆ เช่น การลาหยุดพักงานเพื่อไว้ทุกข์สัตว์เลี้ยง มาใช้ได้อย่างไร ตลอดทั้งเล่ม ซินเนอร์ เล่าถึงประสบการณ์ส่วนตัวของเธอเอง ในการต่อสู้กับความโศกเศร้าจากการสูญเสียสัตว์เลี้ยงแสนรักของเธอ


ที่มา:
Rise Of Pet Bereavement: Should Employees Have Time Off To Mourn Beloved Animals? (Jenny Somers, StudyFinds, 16 February 2024)

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net