Skip to main content
sharethis

ศูนย์ทนายฯ รายงานอัยการส่งฟ้องคดีประชาชนอายุ 25 ปี คดีมาตรา 112 วางเพลิงเผาทรัพย์ เหตุเผาทำลายพระบรมฉายาลักษณ์ ร.10 ในการชุมนุมทะลุแก๊สเมื่อปี 2564 อัยการระบุ 'การเผาภาพคือการเผาพระองค์ท่าน' ก่อนศาลให้ประกันชั้นพิจารณาคดี

 

21 มี.ค. 2567 ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานวานนี้ (20 มี.ค.) ที่ศาลอาญา รัชดาฯ พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4 ได้ยื่นฟ้อง 'จ่อย' (นามสมมติ) ประชาชนอายุ 25 ปี ในข้อหาร่วมหมิ่นประมาทกษัตริย์ ม.112 ร่วมกันวางเพลิงเผาทรัพย์ ร่วมกันมั่วสุมตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ก่อความวุ่นวายในบ้านเมือง เมื่อเจ้าพนักงานสั่งให้เลิกมั่วสุมแล้วไม่เลิก และฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ จากเหตุที่ถูกกล่าวหาว่าได้ยิงหนังสติ๊ก และเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ บริเวณดินแดง สืบเนื่องจากการชุมนุมของกลุ่มทะลุแก๊สเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2564

ถูกค้นบ้านพักโดยไม่มีหมาย

คดีนี้เมื่อวันที่ 8 ก.ย. 2564 จ่อยและ เค (นามสมมติ) เยาวชนอายุ 17 ปี (ขณะเกิดเหตุ) ถูกเจ้าหน้าที่ตำรวจเข้าจับกุมที่บ้านพักโดยไม่มีหมายจับ ค้นบ้านพักและตรวจยึดโทรศัพท์มือถือ เสื้อผ้า และรถจักรยานยนต์ จากนั้นนำตัวไปสอบปากคำที่ สน.ดินแดง ก่อนตำรวจนำหมายจับศาลอาญาที่ 1473/2564 และหมายจับของศาลเยาวชนและครอบครัวกลางที่ 29/2564 ลงวันที่ 9 ก.ย. 2564 มาแสดงในช่วงบ่ายของวันที่ 9 ก.ย. 2564 หลังควบคุมตัวทั้งสองมาแล้วราว 20 ชม.

พนักงานสอบสวน สน.ดินแดง ได้ขออำนาจศาลอาญาฝากขัง 'จ่อย' ผ่านวีดีโอคอนเฟอเรนซ์ในวันที่ 10 ก.ย. 2564 ก่อนศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยชั่วคราว ใช้หลักทรัพย์ประกันเป็นเงินสด 20,000 บาท จากกองทุนราษฎรประสงค์ กำหนดเงื่อนไขให้ติดอุปกรณ์ติดตามตัวอิเล็กทรอนิกส์ (EM) ทั้งยังห้ามออกนอกเคหสถานตั้งแต่เวลา 15.00 น. ถึง 05.00 น.ของวันถัดมา 

สำหรับกรณีของ 'เค' ถูกแยกไปดำเนินคดีในศาลเยาวชนฯ โดยอัยการยื่นฟ้องคดีต่อศาลเยาวชนฯ เมื่อวันที่ 26 พ.ค. 2566

หลังจากคดีอยู่ในชั้นสอบสวนกว่า 2 ปี ชฎาภา รุ่งเรือง พนักงานอัยการ สำนักงานอัยการพิเศษฝ่ายคดีอาญา 4  ผู้เรียงฟ้อง บรรยายคำฟ้องมีใจความโดยสรุปกล่าวหาว่า เมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2564 เวลาประมาณ 21.30 น. จําเลยกับพวกได้พากันออกจากเคหสถานมารวมกลุ่มมั่วสุมชุมนุมกันที่บริเวณทางลงทางด่วนดินแดง ซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด

จากนั้น จําเลยกับพวกได้ร่วมกันมั่วสุมกันตั้งแต่ 10 คนขึ้นไป ใช้กําลังประทุษร้ายหรือกระทําการอย่างใดอย่างหนึ่งให้เกิดความวุ่นวายขึ้นในบ้านเมือง ด้วยการขว้างปาประทัด ระเบิด ใช้หนังสติ๊กยางยิงลูกแก้ว และของแข็งชนิดต่าง ๆ เข้าใส่เจ้าหน้าที่ที่ควบคุมฝูงชน และจุดไฟจนเป็นเพลิงลุกไหม้บนทางสาธารณะ จนเกิดความวุ่นวายขึ้นในบริเวณดังกล่าว 

ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ตํารวจควบคุมฝูงชนได้ประกาศสั่งการให้จำเลยกับพวกยุติการชุมนุม แต่จําเลยกับพวกซึ่งทราบคําสั่งของเจ้าพนักงานดังกล่าวแล้วยังคงไม่เลิกการชุมนุม

ส่งฟ้องมาตรา 112 เผาพระบรมฉายาลักษณ์

จําเลยยังร่วมกันหมิ่นประมาท ดูหมิ่น หรือแสดงความอาฆาตมาดร้ายต่อพระมหากษัตริย์ กล่าวคือ จําเลยกับพวกที่มาร่วมชุมนุมได้ร่วมกันยิงหนังสติ๊กเข้าใส่พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 ที่ติดตั้งไว้บริเวณทางด่วนดินแดง และจุดไฟ ใช้ระเบิดขว้างเข้าใส่บริเวณฐานของพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 จํานวน 2 ป้าย, ป้าย วปร. จํานวน 2 ป้าย และป้ายทรงพระเจริญ จํานวน 1 ป้าย ซึ่งเป็นทรัพย์สินของการทางพิเศษแห่งประเทศไทย ผู้เสียหาย จนเกิดเพลิงลุกไหม้ที่บริเวณฐาน

จากนั้น ได้นําพระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 มาฉีกจนขาด, วางบนพื้นถนน เหยียบ แล้ววางเพลิงเผา จนพระบรมฉายาลักษณ์และแผ่นป้ายดังกล่าวได้รับความเสียหาย

อัยการบรรยายฟ้องด้วยว่า พระบรมฉายาลักษณ์ของรัชกาลที่ 10 ถือได้ว่า "เปรียบเสมือนตัวแทนของพระองค์ท่าน การที่ประชาชนแสดงความเคารพต่อพระบรมฉายาลักษณ์ของพระองค์ ก็เปรียบเสมือนเป็นการแสดงความเคารพต่อพระองค์ท่าน นอกจากนี้ พระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ถือได้ว่า เป็นสิ่งที่ใช้แสดงถึงสถาบันอันสูงสุดของประเทศ คือสถาบันพระมหากษัตริย์ ที่ทรงมีคุณูปการต่อคนไทย และต่อประเทศไทยมาอย่างยาวนาน…" 

"การเห็นบรมฉายาลักษณ์ คือ การเห็นพระองค์ท่าน" การที่จําเลยกับพวกร่วมกันเผาซุ้มเฉลิมพระเกียรติ ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมฉายาลักษณ์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นการทําลายสถาบันอันสูงสุดที่รักเคารพบูชา และเป็นจุดศูนย์รวมใจของพสกนิกรชาวไทย และการใช้เชื้อเพลิงและน้ำมันเพื่อทําลายพระบรมฉายาลักษณ์ สื่อถึงการทําลายล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ให้เป็นจุล…

"การเผาภาพ คือ การเผาพระองค์ท่าน" เป็นการแสดงเจตนาว่า ต้องการลบล้างสถาบันพระมหากษัตริย์ เปลี่ยนการปกครองจากระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข เป็นระบอบที่ไม่มีสถาบันพระมหากษัตริย์ เป็นการไม่บังควรอย่างยิ่ง และเป็นการแสดงออกถึงความอาฆาตมาดร้ายต่อองค์พระมหากษัตริย์ เป็นการกระทําที่ย่ำยี เหยียบย่ำหัวใจของคนไทยที่รัก และเทิดทูนต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ และพระบรมราชินีอันเป็นที่รัก และเทิดทูนของพสกนิกรชาวไทย 

อัยการสรุปความเสียหายของแผ่นป้ายทั้งหมด คิดเป็นเงินจํานวน 25,266.98 บาท พร้อมทั้งระบุว่า หากจำเลยยื่นขอปล่อยตัวชั่วคราว ขอให้อยู่ในดุลยพินิจของศาล

ภายหลังศาลรับฟ้อง จ่อย ได้ให้การปฎิเสธตลอดข้อกล่าวหา จากนั้น นายประกันได้ยื่นขอประกันตัว โดยใช้หลักทรัพย์จำนวน 100,000 บาท ซึ่งได้รับความช่วยเหลือจากกองทุนราษฎรประสงค์ ก่อนที่ศาลมีคำสั่งอนุญาตให้ปล่อยตัวชั่วคราวระหว่างพิจารณาคดี และนัดตรวจพยานหลักฐานในวันที่ 2 ก.ย. 2567 เวลา 13.30 น.

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net