Skip to main content
sharethis

ศาลพิพากษาจากยกฟ้องเปลี่ยนเป็นลงโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 3 หมื่น คดี พ.ร.บ.คอมฯ ของ 'สนธยา' ทวีตภาพ 'รูป ร.10' เขียนแคปชัน "พัทยากลางค่ะ" ก่อนลดโทษเหลือ 2 ปี ปรับ 2 หมื่น ให้รอลงอาญา 2 ปี ระบุแม้จำเลยอ้างว่าเป็นการโพสต์เพื่อแจ้งผู้อื่น แต่ศาลมองว่ามีเจตนานำเข้าสู่ระบบคอมฯ 

 

21 มี.ค. 2567 เว็บไซต์ ศูนย์ทนายความเพื่อสิทธิมนุษยชน รายงานวันนี้ (21 มี.ค.) เมื่อเวลา 09.30 น. ที่ศาลจังหวัดพัทยา มีนัดฟังคำพิพากษาในคดีของ 'สนธยา' (สงวนนามสกุล) ประชาชนผู้มีความหลากหลายทางเพศอายุ 28 ปี ซึ่งถูกกล่าวหาตาม พ.ร.บ.คอมพิวเตอร์ฯ มาตรา 14 (3) จากการทวีตภาพพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ที่ถูกพ่นสีสเปรย์เป็นข้อความ "กษัตริย์[…]" บริเวณใต้ภาพ พร้อมข้อความประกอบว่า "พัทยากลางค่ะ" เมื่อวันที่ 16 ต.ค. 2563

ก่อนหน้านี้ เมื่อวันที่ 25 ม.ค. 2566  ศาลจังหวัดพัทยาได้มีคำพิพากษายกฟ้องคดี โดยสรุปว่าคดีนี้โจทก์ไม่ได้บรรยายฟ้องให้ชัดแจ้งว่าจำเลยนำเข้าข้อมูลอันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ตามประมวลกฎหมายอาญามาตราใด และเมื่อคำฟ้องของโจทก์ไม่บรรยายให้เข้าใจเพียงพอ ฟ้องโจทก์จึงไม่ชอบ ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 158 (5)  ศาลจึงพิพากษายกฟ้อง ตาม ป.วิ.อ. มาตรา 185 วรรคหนึ่ง ให้คืนของกลางที่ยึดไว้ซึ่งเป็นโทรศัพท์มือถือ

ในเวลาต่อมา อัยการได้อุทธรณ์คำพิพากษา และเมื่อวันที่ 16 ม.ค. 2567 ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ไม่เห็นชอบด้วยกับศาลชั้นต้น เนื่องจากเห็นว่าโจทก์บรรยายครบองค์ประกอบแล้ว เห็นสมควรให้ศาลชั้นต้นมีคำพิพากษาใหม่ ตาม ป.วิ.อาญา มาตรา 208 อนุ 2 (ถ้าศาลอุทธรณ์เห็นเป็นการจําเป็น เนื่องจากศาลชั้นต้นมิได้ปฏิบัติให้ถูกต้องตามกระบวนพิจารณา ก็ให้พิพากษาสั่งให้ศาลชั้นต้นทําการพิจารณาและพิพากษาหรือสั่งใหม่ตามรูปคดี) ทำให้ศาลชั้นต้นต้องนัดอ่านคำพิพากษาใหม่อีกครั้ง

ศาลชั้นต้นทบทวนคดีใหม่ ชี้เป็นความผิดต่อความมั่นคง ลงโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 30,000 บาท ก่อนลดโทษเหลือ 2 ปี ปรับ 20,000 บาท และให้รอลงอาญา

วันนี้ (21 มี.ค. 2567) ที่ห้องพิจารณาคดี 7 สนธยาเดินทางมาศาล พร้อมกับเพื่อน ก่อนถึงเวลานัดฟังคำพิพากษา โดยเขากล่าวว่าตัวเองได้ฝากสิ่งของส่วนตัวทุกอย่างไว้ที่เพื่อนหมดแล้ว เผื่อว่าคำพิพากษาที่ออกมาใหม่จะไม่เป็นไปตามที่คาดหวังเอาไว้ 

เวลา 09.33 น. ศาลนั่งพิจารณาคดี โดยเรียกให้สนธยา ลุกขึ้นยืนแสดงตัว ก่อนเริ่มอ่านคำพิพากษา ศาลได้แจ้งต่อทนายความและจำเลยว่าคดีนี้ ศาลอุทธรณ์ภาค 2 ได้ส่งสำนวนคดีกลับมาให้ศาลชั้นต้นทบทวนคำพิพากษาใหม่ และประกอบกับองค์คณะผู้พิพากษาเดิมที่เคยเป็นเจ้าของสำนวนคดีนี้ไม่ได้อยู่ที่นี่แล้ว การพิจารณาสำนวนคดีของจำเลยและทำคำพิพากษาใหม่ จึงทำโดยหัวหน้าคณะผู้พิพากษา และหัวหน้าศาลจังหวัดพัทยา

แม้จำเลยอ้างว่าเป็นการโพสต์เพื่อแจ้งผู้อื่น แต่ศาลถือว่ามีเจตนานำเข้าสู่ระบบคอมฯ ผิด พ.ร.บ.คอมฯ มาตรา 14(3)

คำพิพากษามีใจความโดยสรุปว่า คดีนี้มีปัญหาต้องวินิจฉัยว่าจำเลยกระทำผิดตามฟ้องหรือไม่ เห็นว่าการพิจารณาโจทก์และจำเลยได้ข้อเท็จจริงตอบรับกันว่า จำเลยเป็นผู้โพสต์รูปภาพพระบรมฉายาลักษณ์รัชกาลที่ 10 ที่อยู่บริเวณเกาะกลางถนนแยกพัทยากลาง ซึ่งมีผู้พ่นสีข้อความเอาไว้ การกระทำของจำเลยที่ได้โพสต์ภาพดังกล่าวลงในทวิตเตอร์ ซึ่งมีภาพและข้อความที่บุคคลทั่วไปเห็นแล้วย่อมเข้าใจได้ทันทีว่า ข้อความดังกล่าวเป็นการดูหมิ่นกษัตริย์ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ข้อความดังกล่าวจึงถือเป็นความผิดต่อความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร

แม้จำเลยจะเบิกความอ้างว่าการกระทำดังกล่าวเป็นเพียงการกระทำที่แจ้งให้ผู้อื่นทราบว่าจำเลยพบเห็นเหตุการณ์ดังกล่าวที่พัทยากลาง แต่ก็แสดงให้เห็นเจตนาได้ว่าจำเลยได้นำเข้าสู่คอมพิวเตอร์อันเป็นความผิดเกี่ยวกับความมั่นคงแห่งราชอาณาจักร ซึ่งเป็นความผิดตามฟ้อง 

พิพากษาให้ลงโทษจำคุก 3 ปี ปรับ 30,000 บาท การนำสืบของจำเลยเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาคดี มีเหตุบรรเทาโทษ ลดโทษให้ 1 ใน 3 เหลือจำคุก 2 ปี ปรับ 20,000 บาท เห็นว่าจำเลยไม่เคยต้องโทษจำคุกมาก่อน โทษจำคุกจึงสมควรให้รอการลงโทษไว้ 2 ปี ส่วนโทรศัพท์ของกลางที่ใช้ในการบันทึกภาพตามฟ้องให้ริบไว้

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net