10 ก.ย. 2549 นายนพดล ปัทมะ ผู้ช่วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ ทส.และกระทรวงมหาดไทย ได้ข้อสรุปในการแก้ปัญหาการจัดการ ช้างป่าและช้างบ้านของประเทศไทยแล้ว โดยจะยกร่างพระราชบัญญัติช้าง พ.ศ...เป็นกฎหมายฉบับใหม่แทนของเดิมที่มีอยู่ไม่ต่ำกว่า 10 ฉบับ

ทั้งนี้ เพื่อลดความซ้ำซ้อนและการบังคับใช้กฎหมาย โดยสาระสำคัญของร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ต้องการคุ้มครอง อนุรักษ์และเชิดชูช้างในฐานะเป็นสัตว์สำคัญและ สัญลักษณ์ประจำชาติไทย ซึ่งมีเนื้อหาสำคัญ 17 ข้อโดยประเด็นหลักที่ถือว่าเป็นเรื่องใหม่ คือการทำสมุดทะเบียนช้างและเครื่องหมายประจำตัวช้าง เพื่อให้มีหลักฐานการได้มา การซื้อขาย การแสดงชื่อ เจ้าของและรูปพรรณของช้าง พ่อแม่และถิ่นกำเนิดของช้างอย่างชัดเจนที่สุด

นอกจากนี้ จะแก้ขั้นตอน การออกตั๋วรูปพรรณช้าง จากเดิมที่จะต้องนำไปออกตั๋วเมื่อช้างอายุ 8 ปีแต่ภายใต้กฎหมายใหม่ต้องนำช้างเกิดใหม่ไปแจ้งภายใน 7 วันและแจ้งตายภายใน 24 ชั่วโมง โดยจะตั้งสำนักทะเบียนช้างกลางที่ ทส. เพื่อสำรวจจัดทำทะเบียนช้างทั่วประเทศใหม่ทั้งหมด อย่างไรก็ตาม ช้างเกิดใหม่จะต้องฝังไมโครชิฟ และอนาคตถ้าการตรวจดีเอ็นเอสามารถทำได้ระบบมาตรฐานและยอมรับก็จะใส่ในสมุดทะเบียนช้างด้วย

สำหรับเนื้อหาของร่างพ.ร.บ.ช้างฉบับใหม่ ประกอบด้วย การให้ความความคุ้มครองและการสงเคราะห์ช่วยเหลือทั้งในราชอาณาจักรและนอกราชอาณาจักร การห้ามล่า การจับ การทำให้ช้างตายเพื่อประโยชน์ใดๆ ห้ามการทารุณกรรม การทรมาน การทำให้ช้างได้รับ ทุกขเวทนา การใช้ช้างทำงานหนักจนเกินสมควรหรือเกินเวลาตามปกติวิสัย ห้ามการใช้ยาเสพติด สาร มึนเมา สารเคมีใดๆ ห้ามทำให้ช้างเสียภาพลักษณ์ด้วยการนำมาเร่ร่อนขอทาน ห้ามการค้าช้างป่า งา ช้าง ซากจากป่าธรรมชาติ  ควบคุมการค้าช้างบ้าน งาช้าง ซากและผลิตภัณฑ์ ศิลปวัตถุที่ทำจากซาก ช้างบ้าน

การควบคุมการนำเข้า ส่งออก นำผ่านราชอาณาจักร ให้เจ้าของช้างมีหน้าที่ได้แก่ การจัดที่อยู่ การให้อาหาร การรักษาเยียวยา การบำรุงสุขภาพ การป้องกันและการควบคุมดูแลรักษาเมื่อรู้หรือควรรู้ ว่าช้างมีอาการตกมัน มีการคบคุมประชากรช้างและกำจัดมิให้นำช้างเคลื่อนย้ายข้ามจังหวัด อันอาจก่อ ให้เกิดความเสียหายต่อสาธารณะชน โดยอาจขออนุญาตได้ และการให้มีหน่วยงานรับผิดชอบในการ รักษาพยาบาลช้างมากขึ้น นอกจากนี้ให้มีการตรวจสาเหตุการตายของช้างเพื่อป้องกันโรคระบาด และมี การศึกษาวิจัยเป็นข้อมูลในการอนุรักษ์ช้าง เป็นต้น

......................................................

ที่มา: เว็บไซต์คมชัดลึก