Skip to main content
sharethis

กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช เตรียมแจ้ง 5 ข้อหา เปรมชัย กรรณสูต ประธานบริษัทอิตาเลียนไทย พร้อมพวกรวม 4 คน ลักลอบล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันตก แต่พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รมว.กระทรวงทรัพยากร ระบุ "อย่าเพิ่งปรักปรำใคร และอย่าใช้ความรู้สึกไปตัดสินว่าใครผิดใครถูก"


ที่มาภาพ: กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช

6 ก.พ. 2561 ข่าวไทยพีบีเอสออนไลน์ รายงานความคืบหน้ากรณี เจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันตก จับกุมเปรมชัย กรรณสูต ประธานบริหารบริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวลอปเมนต์ จำกัด (มหาชน) พร้อมพวกรวม 4 คนรายคือ เปรมชัย กรรณสูต ยงค์ โดดเครือ นที เรียมแสน ธานี ทุมมาศ โดยมีของกลางเป็นซากเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา สัตว์ป่าคุ้มครอง พร้อมอาวุธปืนและอุปกรณ์ทำผิดจำนวนมาก 

ธัญญา เนติธรรมกุล อธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า ขณะนี้เปรมชัยยังให้การปฏิเสธ แต่เนื่องจากการเข้าจับตัวที่แคมป์ ที่เข้าไปตั้งบริเวณห้วยปะซิ หน่วยพิทักษ์ป่ามหาราช มีพยานหลักฐานชัดเจนเป็นซากเสือดำ ไก่ฟ้าหลังเทา ขณะนี้ต้องให้พนักงานสอบสวนดำเนินการไปก่อน และต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกคน

“เท่าที่ได้รับรายงาน พบว่ากลุ่มของนายเปรมชัย ขออนุญาตเข้าพื้นที่ไปจุดหนึ่ง แต่กลับไปอีกจุดหนึ่ง หากเจ้าหน้าที่ไม่มีการลาดตระเวน คงไม่สามารถจับกุมได้ นอกจากนายเปรมชัยแล้ว ยังมีผู้ที่เกี่ยวข้องอีกหลายคน แต่ยังไม่ทราบว่ามีใครบ้าง อยู่ในแวดวงธุรกิจระดับสูงเหมือนนายเปรมชัยด้วยหรือไม่ แต่ยังไม่พบว่ามีเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้อง สำหรับบทลงโทษหากพบว่ามีการกระทำผิดจริง ต้องพิจารณาว่าผิดกระทงใดบ้าง” ธัญญา กล่าว

ธัญญา ยืนยันว่าไม่กังวลว่า เปรมชัย เป็นนักธุรกิจระดับสูง เพราะถือว่าเจ้าหน้าที่กรมอุทยาน ทำดีที่สุด ปล่อยให้เป็นไปตามกระบวนการยุติธรรม ขณะเดียวกันเราต้องให้ขวัญกำลังใจแก่เจ้าหน้าที่ซึ่งปฏิบัติงานโดยไม่ได้เลือกปฏิบัติ ไม่ว่าใครถ้าผิดว่าไปตามผิด แต่ต้องอยู่ที่พยานหลักฐานว่าเป็นอย่างไร และยืนยันว่านักท่องเที่ยวหรือบุคคลทั่วไปสามารถพกพาอาวุธปืนเข้าไปในพื้นที่ป่าสงวนหรืออุทยานแห่งชาติได้ แต่ยอมรับโดยปกติ เจ้าหน้าที่ของเราไม่มีโอกาสจะไปตรวจค้นว่าใครจะเอานำอะไรเข้ามาในพื้นที่

ด้านสมโภชน์ มณีรัตน์ โฆษกกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กล่าวว่า เบื้องต้นเปรมชัย ยังให้การภาคเสธ แม้ว่าจะมีการจับ และยึดของกลางทั้งซากสัตว์ป่า อาวุธปืน กระสุนจำนวนมาก กรณีที่เกิดขึ้นถือเป็นเหตุการณ์ที่ไม่ปกติ เพราะข่าวคนรวย และนักธุรกิจ คนมีชื่อเสียงในสังคมที่ยังที่มีค่านิยมในการล่าสัตว์ป่า ทั้งจะเพื่อกีฬา การบริโภค และความเชื่อที่ต้องล่าเสือเพื่อความมีอำนาจ หายไปหลายปีแล้ว

“ถ้าให้ประเมินจากพฤติกรรมของกลุ่มนี้ ไม่ใช่ล่าเพื่อเกมกีฬา เหมือนในสมัยก่อน จากประสบการณ์เชื่อว่าการล่าเสือ มีประเด็นความเชื่อของขลัง โดยเฉพาะเสือดำ เป็นความเชื่อมากกว่า”สมโภชน์ กล่าว

ในเบื้องต้นแจ้งในหลายข้อหา คือ 1.ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 36 และมาตรา 53 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535

2.ฐานร่วมกันล่าสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 16 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535

3.ฐานร่วมกันมีไว้ในครอบครองซึ่งซากของสัตว์ป่าคุ้มครองโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 19 และมาตรา 47 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535

4.ฐานนำเครื่องมือสำหรับใช้ในการล่าสัตว์ป่าหรือจับสัตว์หรืออาวุธใดๆ เข้าไปในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโดยไม่ได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามข้อ 1 (1) ของกฎกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ฉบับที่ 7 (พ.ศ.2538) ออกตามความตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติสงวนและคุ้มครองสัตว์ป่า พ.ศ. 2535

5. ฐานรวมกันเก็บหาของป่าในเขตป่าสงวนแห่งชาติโดยมิได้รับอนุญาตจากพนักงานเจ้าหน้าที่ ตามมาตรา 14 แห่งพระราชบัญญัติป่าสงวนแห่งชาติ พ.ศ. 2507 และ6. สำหรับความผิดต่อพระราชบัญญัติอาวุธปืน เครื่องกระสุนปืน วัตถุระเบิด ดอกไม้เพลิง และสิ่งเทียมอาวุธปืน พ.ศ. 2490 พนักงานสอบสวนจะดำเนินการแจ้งความกล่าวโทษตามฐานความผิดต่อไป

โดยวันนี้ เวลา 14.00 น. กาญจนา นิตยะ ผอ.สำนักอนุรักษ์สัตว์ป่า กรมอุทยานแห่งชาติฯจะแถลงข่าวการจับกุมประธานบริษัทยักษ์ใหญ่ ล่าสัตว์ป่าในพื้นที่เขตรักษาพันธุ์ทุ่งใหญ่นเรศวรตะวันตก ณ ห้องประชุมชั้น 5 กรมอุทยานฯ 

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากการตรวจยึดของเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ในคดีเปรมช้ย และพวกรวม 4 คน ประกอบด้วย อาวุธปืนลูกซองแฝด จำนวน 1 กระบอก และเครื่องกระสุนพร้อมใช้งาน รวมทั้ง พบซากไก่ฟ้าหลังเทากับเนื้อเก้ง จึงได้ควบคุมตัวไว้ เมื่อตรวจสอบเพิ่มเติมพบ ซากเสือดำถูกชำแหละเนื้อและหนังแล้วกับเครื่องกระสุนปืนอีกจำนวนมากที่ถูกซุกซ่อนไว้บริเวณแค้มป์พัก จึงส่งตัวดำเนินคดียัง สภ.ทองผาภูมิ

ขณะที่ วิเชียร ชินวงศ์ หัวหน้าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร กล่าวว่า ได้ตรวจสอบอีกครั้งบริเวณแค้มป์พักแรม พบสิ่งของและซากสัตว์ป่าเพิ่มเติม คือจุดแรกอยู่ห่างจากจุดที่ตั้งแค้มป์พักแรมไปทางทิศเหนือ ประมาณ 5 เมตร พบหนังเสือดำลักษณะเป็นผืนทั้งตัว โดยถูกชำแหละเนื้อออกไปแล้ว และผืนหนังเสือดำถูกถนอมซากด้วยการทาด้วยเกลือ เพื่อไม่ให้เน่าเสีย วัดขนาดความยาวจากหัวถึงสะโพก 83 เซนติเมตร ความยาวจากหัวถึงหาง 148 เซนติเมตร พบกะโหลกเสือดำ 1 หัว โดยชิ้นส่วนทั้งหมดถูกบรรจุอยู่ในถุงดำ และมัดปากถุงด้วยเชือกซุกซ่อนไว้ใต้พุ่มไม้

จุดที่ 2 อยู่ห่างจากแค้มป์พักแรมไปทางทิศเหนือประมาณ 5 เมตร พบกระเป๋าสะพายข้างสีแดงดำถูกซุกซ่อนโดยใช้เศษหญ้าแห้งปิดคลุม เมื่อเปิดดูภายในกระเป๋าพบ กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 ขนาด 2 แรงครึ่ง จำนวน 13 นัด , กระสุนปืนลูกซองเบอร์ 12 ขนาด 1 แรง จำนวน 5 นัด , เข็มขัดคาดเอวแบบมีช่องเก็บกระสุนปืนลูกซอง จำนวน 1 เส้น , กระสุนอาวุธปืนขนาด .22 จำนวน 50 นัด แยกเป็นกระสุนหัวระเบิด จำนวน 11 นัด และกระสุนหัวตะกั่ว จำนวน 39 นัด ทั้งหมดบรรจุอยู่ในกล่องกระสุน 1 กล่อง , นกหวีดแบบใช้เป่าล่อนก จำนวน 1 อัน , กระสุนอาวุธปืนไรเฟิล ยี่ห้อ WINCHESTER 30-06 SPRG จำนวน 3 นัด ซึ่งเป็นกระสุนแบบเดียวกันกับที่ตรวจพบในอาวุธปืนยาว (ปืนไรเฟิล) ยี่ห้อ STEYR-MANNLICHER-M , น้ำมันล้างปืน 1 ขวด , ไฟฉายสปอร์ตไลต์ยี่ห้อ Metro จำนวน 1 กระบอก , ช้อนส้อมแบบพับได้ 1 คู่ , มีดพับ 1 เล่ม และจุดที่ 3 พบซากเสือดำ 1 ตัว ถูกชำแหละแล้ว รวมน้ำหนักซาก น้ำหนักกะโหลก และเครื่องในได้ 10.6 กิโลกรัม โดยไม่รวมหนังเสือ โดยบรรจุอยู่ในถุงพลาสติกซุกซ่อนโดยใช้เศษหญ้าปิดคลุม

ขณะเดียวกัน ไทยโพสต์ออนไลน์ รายงานว่า พล.อ.สุรศักดิ์ กาญจนรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม กล่าวถึงกรณีเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวร ด้านตะวันตก จับกุมเปรมชัย กรรณสูต ว่าตนทราบข้อมูลเบื้องต้นจากอธิบดีกรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช ซึ่งตนขอให้มีการสอบสวนดำเนินการสอบสวนตามพยานหลักฐานและดำเนินการตามกฎหมาย 

"อย่าเพิ่งปรักปรำใคร และอย่าใช้ความรู้สึกไปตัดสินว่าใครผิดใครถูก ต้องให้เจ้าหน้าที่สืบสวนว่าใครเป็นผู้กระทำที่แท้จริง"พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่า กรณีนี้มีเจ้าหน้าที่ไปเกี่ยวข้องหรือไม่ พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า ยังไม่ทราบรายละเอียด ขอให้สอบถามข้อมูลที่อธิบดีกรมอุทยานฯ ส่วนตัวเห็นว่าขอให้ดูพยานหลักฐานก่อนดีกว่า

เมื่อถามว่า จะสั่งการอะไรเป็นพิเศษในเรื่องนี้หรือไม่ พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า รัฐมนตรีดูงานเรื่องนโยบายเป็นหลัก อย่าเพิ่งให้รัฐมนตรีไปสั่งทุกเรื่อง เพราะข้าราชการและเจ้าหน้าที่ทำงานกันอย่างเข้มแข็งอยู่แล้ว

ถามอีกว่า กรณีดังกล่าวถือว่ามีความรุนแรงที่สุดหรือไม่ในช่วงระยะหลัง พล.อ.สุรศักดิ์ กล่าวว่า เคยเกิดกรณีที่มีคนไปล่าสัตว์ในเขตรักษาพันธ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งเมื่อ 3 ปี ที่แล้ว สำหรับกรณีล่าสุดเป็นเรื่องที่คนให้ความสนใจ
 

มูลนิธิสืบฯ ขอ จนท. ดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดเพื่อเป็นบรรทัดฐาน

ขณะที่ ศศิน เฉลิมลาภ ประธานมูลนิธิสืบนาคะเสถียร ออกแถลงการณ์ต่อกรณีนี้ด้วยว่า  1. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกเป็นหนึ่งในพื้นที่ซึ่งได้รับการประกาศให้เป็นมรดกโลกทางธรรมชาติของประเทศไทยตั้งแต่ปี พ.ศ. 2534 และได้รับการดูแลเป็นอย่างดีเสมอมา สาธารณะชนรู้ว่าพื้นที่แห่งนี้จะได้รับการปกป้องและอนุรักษ์ให้ทรัพยากรธรรมชาติและสัตว์ป่าให้คงไว้ ดังนั้นการที่ผู้ต้องหาเข้าไปในพื้นที่โดยอ้างว่าไม่ทราบจึงเป็นไปไม่ได้ 

2. 30 ปีที่ผ่าน ประชาชนชาวไทย เจ้าหน้าที่ และองค์กรต่างๆ ให้ความร่วมมือช่วยกันอนุรักษ์เรื่อยมาจนสัตว์ป่าเพิ่มมากขึ้น แต่การที่คนที่มีสถานภาพทางสังคมเข้าไปล่าสัตว์ป่าในพื้นที่อนุรักษ์จึงแสดงให้เห็นถึงการไม่เคารพต่อกฎหมายและผลงานการอนุรักษ์ของสังคมไทย  3. จากการติดตามข่าว นายเปรมชัย กรรณสูต อายุ 63 ปี ประธานบริหาร บริษัท อิตาเลียนไทย ดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) อ้างรู้จักต่อข้าราชการในระดับบริหารขอเข้าไปยังพื้นที่โดยให้เจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกในการท่องเที่ยวพักผ่อน แต่กลับเข้าไปล่าสัตว์ป่าซึ่งเจ้าหน้าที่พบสัตว์ป่าคุ้มครอง ได้แก่ ไก่ฟ้าหลังเทา ซากเนื้อเก้ง ซากเสือดำ ถูกชำแหละและถลกหนัง รวมถึงพบอาวุธปืน 3 กระบอก นับเป็นการกระทำที่ปราศจากความละอายใจและย่ามใจว่าเจ้าหน้าที่คงไม่กล้าดำเนินการตรวจสอบ 
 
4. ขอชื่นชมและเป็นกำลังใจเจ้าหน้าที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าทุ่งใหญ่นเรศวรด้านตะวันตกในความกล้าหาญสำหรับการปฏิบัติหน้าที่ดำเนินการจับกุมผู้ต้องหาครั้งนี้  และ 5. ขอให้กรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และรัฐบาล อย่างได้เกรงกลัวต่ออิทธิพลและสถานะทางธุรกิจอันใหญ่โตของผู้ต้องหา ขอให้สืบสวนและดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดเพื่อเป็นบรรทัดฐานที่ดีต่อไป

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net