ภายหลังจากที่ แอมเนสตี้ ออกแถลงการณ์คัดค้านโทษประหาร นายกฯ ยันจำเป็นเพื่อเป็นบทเรียนสอนใจ ส่วนรองนายกฯ โยนกระทรวงต่างประเทศชี้แจงโลก ด้านคณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย แถลงผิดหวังไทยขุดโทษประหารมาใช้
19 มิ.ย. 61 ภายหลังจากที่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล ออกถลงการณ์คัดค้านโทษประหารชีวิตของไทย ที่ทำเนียบรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีดังกล่าวว่า โทษประหารชีวิต เป็นโทษที่ยังมีอยู่ในกฎหมายของประเทศไทย โดยอ้างด้วยว่า “ความคิดเห็นของประชาชนส่วนใหญ่ตอนที่มีการพิจารณาว่าจะยกเลิกโทษประหารหรือไม่นั้น ส่วนใหญ่มีความเห็นว่า เห็นควรให้มีอยู่ เป็นไปตามกฎหมายและขั้นตอนกระบวนการยุติธรรม โดยปัจจุบันมีคดีร้ายแรงหลายคดีเกิดขึ้น การมีโทษประหารก็เพื่อทำให้บ้านเมืองสงบสุขและเพื่อเป็นบทเรียนสอนใจ เป็นเรื่องความจำเป็นของเราและความต้องการของประชาชน”
ด้านนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนี้ว่า ที่ผ่านมารัฐบาลไทยพยายามทำตามข้อตกลงของสหประชาชาติที่จะไม่ใช้โทษประหารชีวิต แต่อย่างน้อยโทษประหารนั้นก็ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ มีอยู่ในกฎหมายไทย และคดีที่ตัดสินโทษประหารล่าสุดนั้น ศาลชั้นต้น ศาลอุทธรณ์ ศาลฎีกา ต่างยืนตามกันว่า จะต้องมีโทษประหาร เพราะเป็นคดีอุกฉกรรจ์สั่นสะเทือนมาก จึงมีเหตุผลพอสมควร อย่างไรก็ตามเมื่อองค์กรระหว่างประเทศไม่เข้าใจ กระทรวงการต่างประเทศก็จะต้องชี้แจงให้เข้าใจ
ภาพประกอบ : ภาพรณรงค์ยกเลิกโทษประหารชีวิตของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชันแนล
กรณีดังกล่าว สืบเนื่องจากเมื่อวันที่ 18 มิ.ย.ที่ผ่านมา กรมราชทัณฑ์ได้บังคับโทษตามคำพิพากษาของศาลด้วยการประหารชีวิตนายธีรศักดิ์ (ขอสงวนนามสกุล) นักโทษเด็ดขาดชาย อายุ 26 ปี ผู้ต้องขังในคดีฆ่าผู้อื่นอย่างทารุณโหดร้าย ใช้มีดแทงผู้ตาย รวม 24 แผล เป็นเหตุให้เหยื่อถึงแก่ความตายเพื่อชิงทรัพย์ เหตุเกิดเมื่อวันที่ 17 ก.ค. 2555 ที่จังหวัดตรัง ศาลชั้นต้น พิพากษาประหารชีวิต ศาลอุทธรณ์และศาลฎีกาพิพากษายืน เป็นผลให้คดีถึงที่สุด
วันเดียวกัน โฆษกของผู้แทนระดับสูงของสหภาพยุโรปและรองประธานคณะกรรมาธิการยุโรป ออกแถลงการณ์เกี่ยวกับการประหารชีวิตที่เกิดขึ้นในประเทศไทย โดยมีเนื้อหาว่า
ในวันที่ 18 มิถุนายน 2561 นายธีรศักดิ์ หลงจิ ได้ถูกประหารชีวิตด้วยการฉีดสารพิษในประเทศไทย
ในปีหน้านี้ก็จะครบรอบ 1 ทศวรรษแล้ว นับตั้งแต่การประหารชีวิตครั้งสุดท้ายในประเทศไทย ซึ่งจะทำให้ประเทศไทยได้เข้าไปอยู่ในรายชื่อร่วมกับประเทศอื่นๆที่พักการใช้โทษประหารชีวิตอย่างเป็นทางการ ซึ่งเป็นสิ่งที่สหภาพยุโรปได้คาดหวังไว้ ผ่านการหารือกับเจ้าหน้าที่ฝ่ายไทย แต่กรณีการประหารชีวิตนายธีรศักด์ แสดงให้เห็นถึงการก้าวถอยหลังอย่างชัดเจน
ที่มา: เว็บไซต์กรุงเทพธุรกิจ, เว็บไซต์ไทยรัฐ, เว็บไซต์คณะผู้แทนสหภาพยุโรปประจำประเทศไทย
เรื่องที่เกี่ยวข้อง
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)