Skip to main content
sharethis

สนธิ ลิ้มทองกุล ฟ้องหมิ่นประมาทฯ ประชาไทและบรรรณาธิการ อ้างนำเสนอข่าวบิดเบือนจนทำให้คนเชื่อว่า ตนเองสนับสนุนรัฐประหาร ย้ำความจริงไม่เคยสนับสนุนให้มีการรัฐประหารเพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและไร้ความชอบธรรม ระบุข้อคิดเห็นเป็นเพียงการวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบัน

24 ส.ค.2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 22 ส.ค.ที่ผ่านมา กองบรรณาธิการข่าว สำนักข่าวประชาไท ภายใต้มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน ได้รับหมายศาลนัดไต่สวนมูลฟ้อง โดยมี สนธิ ลิ้มทองกุล อดีตแกนนำกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ผู้ก่อตั้งและที่ปรึกษาสื่อในเครือเอเอสทีวีผู้จัดการ  เป็นโจทก์ฟ้อง มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน จำเลยที่ 1 และ เทวฤทธิ์ มณีฉาย บรรณาธิการประชาไท จำเลยที่ 2 ข้อหาหมิ่นประมาทด้วยการโฆษณา จากการนำเสนอข่าว "'สนธิ' ไล่เลียง 13 กลเกมแก้ยากของ 'ก้าวไกล' ก่อนตบท้ายด้วยทางรอดคือ 'รัฐประหาร' ล้มกระดาน" โดยศาลนัดไต่สวนมูลฟ้องในวันที่ 30 ต.ค.นี้

 

โดยจากเอกสารคำฟ้องในคดีระบุตอนหนึ่งว่า จำเลยได้รวมกันนำข้อคิดเห็นของ สนธิ หรือโจทก์ที่ได้เขียนไว้ไปเผยแพร่ในหนังสือพิมพ์ออนไลน์เว็บไซต์ 'ประชาไท' โดยมีภาพของโจทก์และมีข้อความประกอบที่เป็นการใส่ความโจทก์ว่า "'สนธิ' ไล่เลียง 13 กลเกมแก้ยากของ 'ก้าวไกล' ก่อนตบท้ายด้วยทางรอดคือ 'รัฐประหาร' ล้มกระดาน" โดยข้อความดังกล่าวมีการตัดตอนข้อความของ โจทก์ที่ได้แสดงความเป็นเอาไว้ว่า "ทางรอดของกลเกมคือรัฐประการล้มกระด้านที่ได้ความชอบธรรม" เหลือแต่เพียงข้อความว่า "ทางรอดคือรัฐประหารล้มกระดาน" การกระทำดังกล่าวเป็นการตัดทอนถ้อยคำหลักของข้อคิดเห็นที่เป็นสาระสำคัญออกไปทำให้เมื่ออ่านโดยรวมแล้วไม่ใช่ข้อคิดเห็นที่โจทก์มุ่งหมายนำเสนอ ทั้งการตัดทอนข้อความออกไปนั้น ทำให้ความหมายแตกต่างไปจากเดิมอย่างมาก อันเป็นการเผยแพร่ข้อความที่เป็นเท็จ ในการเผยแพร่ข้อความข่าวและภาพนั้นเป็นการเผยแพร่ผ่านเว็บไซต์ที่เปิดเป็นสาธารณะเพื่อให้บุคคลทั่วไปเข้าชมได้

การกระทำของจำเลยทำให้ประชาชนทั่วไปหรือผู้ติดตามข่าวเมื่อได้อ่านเพียงข้อความดังกล่าวแล้วเข้าใจว่า โจทก์สนับสนุนให้มีการรัฐประหาร ซึ่งเป็นการกระทำล้มล้างการปกครองอันเป็นความผิดตามกฎหมายความมั่นคงที่มีโทษรุนแรง ทั้งที่ความเป็นจริงโจทก์มิได้มีเจตนาสนับสนุนให้มีการรัฐประหารหรือล้มล้างการปกครอง โดยข้อคิดเห็นของโจทก์นั้นหมายความว่า ทางรอดของกลเกมนี้ หากมีการรัฐประหารล้มกระดานก็ได้ความชอบธรรม ดังนั้นใครก็ตามที่กำการรัฐประการก็จะไร้ความชอบธรรมและมีต้นทุนทางสังคมสูงมาก แต่ไม่ได้เสนอว่าทางรอดคือต้องทำทำรัฐประหารล้มกระดาน ซึ่งถ้าหากได้อ่านข้อความที่โจทก์แสดงความเห็นครบถ้วนทั้งหมดโดยไม่ตัดทอนบิดเบือน ก็ย่อมที่จะเข้าใจความหมายที่แท้จริงได้และข้อคิดเห็นนั้นมิใช่การสนับสนุนให้มีการรัฐประหารดังที่จำเลยมุ่งใส่ความโจทก์ อันเป็นความเท็จทั้งสิ้น 

ความจริงโจทก์ไม่เคยสนับสนุนให้มีการรัฐประหารเพราะเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและหากมีการกระทำดังกล่าวก็ไร้ความชอบธรรม ข้อคิดเห็นดังกล่าวเป็นการวิเคราะห์สถานการณ์บ้านเมืองในปัจจุบันว่าขณะนี้เกิดเหตุการณ์อย่างไรทั้งหมด 13 ข้อ ที่เป็นกลเกมแก้ยากของพรรคก้าวไกลเพื่อให้สังคมช่วยกันจับตาและตรวจสอบสถานการณ์บ้านเมืองที่จะเกิดขึ้นด้วยเหตุผลไม่ใช่สนับสนุนให้มีการรัฐประหาร

คำขอท้ายคำฟ้องในคดี

สำหรับ โพสต์บทความ '13 กลเกมแก้ยากของพรรคก้าวไกล' ผ่านเฟซบุ๊กแฟนเพจ 'คุยทุกเรื่องกับสนธิ' เมื่อ 31 ก.ค.ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นข้อคิดเห็นของ สนธิ ต่อสถานการณ์ทางการเมืองขณะนั้น โดยระบุว่า ตอนนี้พรรคก้าวไกลเกาะติดพรรคเพื่อไทย ไม่ยอมทิ้ง ถึงแม้ว่าจะเป็นการขอเข้าร่วมโดยที่ไม่จำเป็นต้องเป็นแกนนำ แม้กระทั่งมีข่าวว่ามีการถอยเรื่องมาตรา 112 เพื่อจะได้เข้าร่วมรัฐบาล

อดีตแกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ระบุต่อว่า เมื่อมองเกมของพรรคก้าวไกลแล้ว บอกเลยว่ามาเหนือชั้นมากๆ แก้ได้ยากไม่ว่าจะเดินแบบไหนก็ตาม

สนธิ ระบุเป็น 13 ข้อว่า  

1. แนวร่วมมุมกลับกรณีเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ร้องเรียนพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ถือหุ้นที่โค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง 2 สัปดาห์ทำให้คะแนนก้าวไกลพุ่ง

2. เกมมีลุง ไม่มีเรา บีบให้เพื่อไทยตกหลุม หากพลิกลิ้นไปร่วมกับลุงก็มีชะตากรรมไม่ต่างจากพรรคประชาธิปัตย์ที่ตกต่ำ

3. พรรคก้าวไกลชิงนำเป็นพรรคอันดับหนึ่งจัดตั้งรัฐบาล

4. ก้าวไกลเดินเกมตามที่ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ตั้งเป้าปี 2570 จะได้เกินครึ่งสภา

5. จุดเปลี่ยนกฏหมายต่างๆ ที่เตรียมไว้ 40 กว่าฉบับ ส.ส.ก้าวไกลจะไปกวาดคะแนนเพิ่มรอบหน้า

6. ปั่นกระแสนิติสงครามเด็ดหัวพิธา ก้าวไกลเดินเกมต่อไปจะลดทอนอำนาจศาลรัฐธรรมนูญและองค์กรอิสระ
7. หากเกิดเหตุยุบพรรคก้าวไกล จะยิ่งปูทางการเมืองพวกนี้ไปสู่ 300 เสียงในรอบหน้า

8. ส่วนพรรคเพื่อไทยจะโดนผูกมือผูกเท้า หากแย่งตั้งรัฐบาลเอง ชะตากรรมก็จะกลายเป็นแบบพรรคประชาธิปัตย์

9. ถ้าพรรคประชาธิปัตย์จับมือเพื่อไทย จะทำให้ฐานเสียงภาคใต้ของประชาธิปัตย์ตกเป็นของพรรคก้าวไกล

10. ถ้าเกมการเมืองเช่นนี้ การเลือกตั้งครั้งหน้าอาจจะเร็วกว่าปี 2570

11. เกมสุดท้ายที่จะเห็นคือการยื้อจาก ส.ว.ไปให้นานที่สุดถึงกลางเดือนพฤษภาคม 2567

12. รัฐบาลรักษาการไม่สามารถผ่านงบประมาณได้ และจะไม่มีเงินจ่ายข้าราชการช่วงเดือนมีนาคม 2567 ทำให้ฐานเสียงของพรรคอนุรักษ์นิยมหดลงไปอีก

13. ทางรอดของเกมคือรัฐประหารล้มกระดานที่ไร้ความชอบธรรม

ต่อมา 4 ส.ค. 66  เวลา 16.59 น. ผู้จัดการออนไลน์ รายงานว่า ในรายการ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” หรือ “สนธิทอล์ก” วันที่ 4 ส.ค. สนธิ ผู้ก่อตั้งหนังสือพิมพ์เครือผู้จัดการ กล่าวถึงกรณีที่สื่อหลายสำนัก ได้บิดเบือนคำพูดในการคุยทุกเรื่องกับสนธิ EP.200 วันศุกร์ที่ 28 ก.ค.66 ดังกล่าวข้างต้น ตามที่ได้สรุปไว้ในเพจ “คุยทุกเรื่องกับสนธิ” 

โดยระบุว่า สื่อหลายสื่อสนใจมาก นำไปโพสต์ แต่ลงข้อความไม่หมด ทำให้คนเข้าใจผิด เช่น The Standard ประชาไท ทีนิวส์ (Tnews) และเดลินิวส์ออนไลน์ โดย สนธิ บอกว่า แม้จะล้มกระดานด้วยการรัฐประหารก็ไร้ความชอบธรรม เขาตัดคำว่า “ก็ไร้ความชอบธรรม” ออก เพื่อสะท้อนว่าผมสนับสนุนการรัฐประหาร ทั้งที่ผมบอกแล้วการรัฐประหารที่ไร้ความชอบธรรม

สนธิกล่าวต่อว่า ท่านผู้ชมครับ อย่าถือสาเลย ผมฟ้องแน่นอน บอกให้ด้วย มีใครบ้างผมจะฟ้อง เดลินิวส์ ออนไลน์ ซ่านัก ที่จริงผู้หลักผู้ใหญ่ในเดลินิวส์ผมรู้จักดี คุณประชา เหตระกูล หรือแม้กระทั่งสมัยที่นายห้างแสงยังมีชีวิตอยู่ ผมก็เคยไปสวัสดี ไปพูดคุยกับท่าน ตอนนี้พวกเดลินิวส์ออนไลน์กลายเป็นคนรุ่นใหม่มาทำ ซ่านักใช่ไหม ไปเจอกันในศาล ทีนิวส์ ก็โดนฟ้องเช่นกัน ประชาไทแน่นอน เป็นจำเลยผมแน่นอน และก็The Standard ไปขึ้นศาลกับผม คุณบิดเบื่อนคำพูดของผม ทำให้คนเข้าใจผมผิด ดูถูกเหยียดหยามผม ผมมีหลักฐานพิสูจน์ชัดเจน คุณเตรียมขึ้นศาลกับผมได้

“ทวนอีกที ผมฟ้องแน่นอน The Standard, เดลินิวส์ออนไลน์, ทีนิวส์ และ ประชาไท เตรียมรับหมายศาลได้” สนธิกล่าว

อย่างไรก็ตาม ภายหลัง The Standard, เดลินิวส์ออนไลน์ และทีนิวส์ ได้ยุติการเผยแพร่ข่าวดังกล่าว พร้อมทั้งออกแถลงการณ์ขอโทษ สนธิ ด้วย


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net