ครอบครัวแรงงานไทยเสียชีวิต ทวงเงินเยียวยาจากภาครัฐ ผ่านมาเกือบเดือนยังไร้วี่แวว
กรณี นายพงษธร ขุนศรี อายุ 25 ปี ชาวอำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดนครราชสีมา แรงงานไทยที่ไปทำงานประเทศอิสราเอลและเสียชีวิต โดยมีการส่งศพกลับมาที่บ้านเกิดและฌาปนกิจไปแล้ว ล่าสุด นางสุรางคณา ขุนศรี แม่ของนายพงษธร ยังคงเสียใจแม้ว่าเหตุการณ์จะผ่านมาเกือบ 1 เดือนแล้ว และรอรับการเยียวยาจากภาครัฐ แต่จนถึงขณะนี้ยังไม่ได้รับเงินเยียวยาใด ๆ โดยบอกว่าได้นำเงินที่ชาวบ้านมอบให้เป็นค่าใช้จ่ายในการจัดพิธีศพ และตอนนี้มีเพียงเงินช่วยเหลือจากทหารผ่านศึกและประกันสังคมรวมประมาณ 20,000 บาท แต่เงินเยียวยาที่ทางภาครัฐ โดยเฉพาะกระทรวงแรงงานฯ จะช่วยเหลือ 80,000 บาท ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้ เพราะเจ้าหน้าที่เพิ่งจะมาขอเอกสารเพิ่มเติม เมื่อปลายเดือนที่แล้ว
นางสุรางคณา ยังกล่าวอีกว่า ถ้าหากภาครัฐอยากจะสร้างแรงจูงใจให้กับแรงงงานไทยในประเทศอิสราเอลเดินทางกลับมา ควรจะนำเงินมามอบให้ทันทีที่เดินทางมาถึงประเทศไทย
เผยนายกมาเลเซียโทรแจ้งข่าว 20 ตัวประกันคนไทยในอิสราเอล ยังปลอดภัย แต่ยังไม่พบอีก 3 คน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวถึงการช่วยเหลือคนไทยในเมียนมาร์ ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบในเมืองเล่าก์ก่าย ว่า ยืนยันขณะนี้ตัวประกันอยู่ในความปลอดภัยแน่นอน ซึ่งอยู่ในการดูแลของทหารเมียนมาร์ไม่ได้ถูกจับไปอย่างที่มีการพูดกัน และกระทรวงการต่างประเทศกำลังเร่งประสานจะนำออกจากพื้นที่ และจะมีการแถลงความชัดเจนให้ทราบต่อไป
ส่วนความคืบหน้าในการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอล ขณะนี้รอติดตามความรุนแรงของสงครามในบางเขต เพื่อที่จะสามารถให้ตัวประกันออกมาได้ // โดยเมื่อวานนี้ (2พ.ย.) นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ได้ติดต่อทางโทรศัพท์หาตนเองและแจ้งให้ทราบว่าขณะนี้ตัวประกันคนไทยจำนวน 2 กลุ่ม รวม20 คน กำลังช่วยเหลือและให้เดินทางมาอยู่ในพื้นที่เดียวกัน รอจังหวะอพยพ
ซึ่งนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ขอให้ครอบครัวของตัวประกันสบายใจได้ว่าทุกคนปลอดภัย และหากมีความคืบหน้าจะแจ้งให้ทราบ ส่วนอีก2-3 คนขณะนี้สูญหาย กำลังพยามติดตามตัวอยู่แต่ไม่ชัดเจนว่าอยู่ในพื้นที่ใด แต่ยืนยันว่าทุกฝ่าย เร่งดำเนินการช่วยเหลือคนไทยในอิสราเอลอย่างเต็มที่
อย่างไรก็ตามนายกรัฐมนตรีระบุด้วยว่าได้สั่งการให้เตรียมเครื่องบิน พร้อมอพยพคนไทยแม้ขณะนี้ไม่มีคนไทยในอิสราเอลแสดงเจตจำนงว่าจะเดินทางกลับก็ตาม แต่ต้องเตรียมการไว้ล่วงหน้าหาก มีความต้องการอพยพคนไทยในประเทศอื่นที่ไม่ใช่อิสราเอลจะได้เคลียร์เส้นทางการบินไว้
ที่มา: สำนักข่าวไอเอ็นเอ็น, 3/11/2566
รมว.แรงงานขอคนไทยกลับจากอิสราเอลด่วน เพิ่มค่าชดเชยเป็น 65,000 บาท พร้อมหางานใหม่ให้ ชง ครม.ช่วยพักหนี้ 3 ปี ทั้งต้นทั้งดอก
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นการช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอลให้กลับประเทศไทย ว่า เมื่อวานนี้ (31 ต.ค.) ตนได้หารือกับนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ซึ่งท่านเห็นชอบในหลักการแล้ว โดยให้กระทรวงแรงงานนำเสนอในที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) สัปดาห์หน้าอีกครั้ง
โดยจะมีอยู่ 2 ประเด็น คือ 1.ความช่วยเหลือแรงงานที่ต้องชำระหนี้สินจากกู้ยืม เพื่อเดินทางไปทำงานในอิสราเอล ด้วยการพักต้นพักดอกเป็นระยะเวลา 3 ปี ในที่ยังชำระไม่หมดวงเงินไม่เกิน 150,000 บาท
2.รัฐบาลจะเยียวยาแรงงานไทยที่กลับจากอิสราเอลเพิ่มเติมอีก 50,000 บาท นอกเหนือจากเงินเยียวยาในกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานในต่างประเทศจากกระทรวงแรงงาน 15,000 บาท เพื่อสร้างแรงจูงใจให้แรงงานเดินทางกลับสู่ประเทศไทย
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ตนเข้าใจว่าที่ยังไม่ตัดสินใจกลับมา เพราะว่ายังเบิกเงินไม่ได้ ตนมองว่าจริงๆ ไม่ต้องรอเบิกเงิน เพราะวันนี้ก็วันที่ 1 พฤศจิกายนแล้ว ก็ถือว่าท่านทำงานครบเดือนแล้วก็สามารถเดินทางกลับประเทศไทยโดยไม่ถูกหักเงินเดือนเนื่องจากเป็นภาวะสงครามได้
นายพิพัฒน์ กล่าวอีกว่า แรงงานที่จะต้องได้รับเงินเดือนในวันที่ 9 ของแต่ละเดือน ไม่ควรอยู่ที่อิสราเอลเพื่อรอรับเงินเดือน ท่านสามารถกลับประเทศไทยมาได้เลยและให้ทางเอกอัครราชทูตไทยประจำอิสราเอลเป็นผู้ติดตามเงินเดือนของท่านจากนายจ้าง แล้วส่งกลับมาให้เราที่ประเทศไทย
“ท่านไม่ควรจะเสี่ยงกับความไม่ปลอดภัย รัฐบาลและคนไทยทุกคนโดยเฉพาะท่านนายกฯ มีความห่วงใยอยากให้คนไทยทุกคนที่ทำงานในอิสราเอลรีบกลับประเทศไทย เพื่อความปลอดภัยของตัวท่านเอง”
นายพิพัฒน์ กล่าวต่อว่า ในการเดินทางกลับมานั้นกระทรวงการต่างประเทศ จะเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้กับพวกท่าน ส่วนเมื่อเดินทางกลับมาแล้วนั้น เป็นหน้าที่ของกระทรวงแรงงานที่จะต้องหางานใหม่ให้กับพวกท่าน ถึงแม้ว่าจะเป็นงานในประเทศที่อาจจะไม่ได้ค่าแรงเทียบเท่ากับในประเทศอิสราเอล แต่ตอนนี้กระทรวงแรงงานกำลังหางานในประเทศอื่นๆ ที่มีรายได้เทียบเท่าอิสราเอลให้กับพวกท่าน
เมื่อถามว่าเงินเยียวยา 50,000 บาทที่จะได้รับการอนุมัตินั้นจะให้ย้อนหลังกับผู้ที่เดินทางกลับมาก่อนหน้านี้หรือไม่ นายพิพัฒน์ กล่าวว่า เราจะต้องให้ย้อนหลังกับแรงงานไทยที่กลับจากอิสราเอลทุกคน
เมื่อถามถึงกรณีการกู้นอกระบบเพื่อไปทำงานในอิสราเอลจะมีการช่วยเหลือเรื่องหนี้สินอย่างไร นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ต้องเรียนถึงข้อเท็จจริงว่าการกู้นอกระบบนั้นรัฐไม่สามารถดูแลได้ แต่เราได้เปิดช่องทางโดยท่านต้องหาวิธีพิสูจน์ให้ได้ว่าท่านไปกู้เงินนอกระบบมา พร้อมกับการรับรองข้อมูล เช่น กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน หรือหากคนที่ปล่อยกู้นอกระบบไม่กังวลว่าจะผิดกฎหมาย ก็สามารถมาแสดงตนพร้อมหลักฐานเพื่อยืนยันข้อมูลการปล่อยกู้ได้
“การกู้นอกระบบ ต้องหาหลักฐาน หาคนยืนยันมาอ้างอิง แต่ขอว่าพวกเราชาวแรงงานต้องเอาความจริงมาแจ้ง ถ้าเราพิสูจน์ได้ว่าพวกท่านแจ้งเท็จ จะมีความผิดทางกฎหมาย” รมว.แรงงานกล่าว
เมื่อถามว่ากรณีคนที่กู้เงินมาดำเนินการจ่ายเพื่อเดินทางไปอิสราเอลแล้ว แต่ไม่สามารถเดินทางไปได้ ทำให้เกิดหนี้และบางส่วนก็ลาออกจากงานมาแล้ว จะมีวิธีให้การช่วยเหลืออย่างไร นายพิพัฒน์ กล่าวว่า ขอให้มาคุยรายละเอียดกับทางกระทรวงแรงงานเป็นรายๆ ไป
นายกฯ โทรคุยผู้นำอิสราเอล อำนวยความสะดวกแรงงานไทยไม่กลับก็ดูแลต่อ พร้อมต่อรองปล่อยตัวประกัน
นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง กล่าวภายหลังการพูดคุยทางโทรศัพท์กับนายเบนจามิน เนทันยาฮู นายกรัฐมนตรีอิสราเอล ว่า ได้นัดหมายกับนายกฯอิสราเอลเมื่อช่วงบ่ายวันที่ 31 ต.ค. ผ่านทางนายจักรพงษ์ แสงมณี รมช.ต่างประเทศมาว่า อยากจะขอโทรศัพท์เข้ามาพูดคุยกัน ซึ่งเมื่อสักครูพึ่งได้พูดคุยกันเสร็จ นายกฯอิสราเอลบอกว่าเสียใจกับการที่มีคนไทยเสียชีวิต ซึ่งเป็นผู้บริสุทธิ์ ไม่มีส่วนรู้เห็นด้วย ท่านยืนยันว่าจะพยายามทำอย่างเต็มความสามารถที่จะช่วยเหลือตัวประกันของไทยให้ออกมาได้ด้วยความปลอดภัยและเร็วที่สุด และยังบอกอีกว่าหากมีอะไรให้ช่วยเหลือขอให้บอกได้อีก ซึ่งตนได้บอกไป 2-3 เรื่อง โดยเรื่องแรก คนไทยที่แจ้งเจตจำนงต้องการกลับเดินทางกลับใกล้จะหมดแล้ว แต่ถ้ามีคนไทยแสดงเจตจำนงจะเดินทางกลับมาอีกก็ขอให้ทางอิสราเอลอำนวยความสะดวกให้ เพราะหากเขาจะเดินทางกลับมาอีกก็แสดงว่าสภาพสงครามมันต้องรุนแรงขึ้นอีก ตรงนี้อาจจะต้องมีการให้ความช่วยเหลือเป็นพิเศษในการที่จะนำคนไทยเข้ามาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย
นายกฯ กล่าวว่า และตนยังได้ถามไปในเรื่องของตัวประกันมีเดดไลน์หรือไม่ พอจะมีระยะเวลาหรือไม่ เมื่อไหร่ ซึ่งนายกฯอิสราเอลยืนยันว่าจะพยายามอย่างเต็มที่ ตอนนี้ยังไม่มี แต่ยังเจรจาอยู่ และเรื่องขอให้ดูแลคนไทยที่อิสราเอลให้ดีที่สุดที่ได้ฝากไปด้วย เพราะคนไทย 3 หมื่นกว่าคนไม่ได้ไปมีส่วนกับความขัดแย้ง เราไปช่วยพัฒนาประเทศเขา ช่วยทำเรื่องของการเกษตร ทางนายกฯอิสราเอลก็บอกว่าเข้าใจหมด ไม่ได้มีความสงสัยเลยว่าคนไทยไปทำเรื่องอะไรที่ไม่เหมาะไม่ควร และนายกฯอิสราเอลยังบอกมาว่าหากจะให้กลับมาที่ไทยก็จะอำนวยความสะดวกให้กลับมา และถ้ากลับมาแล้วก็หวังว่าเขาอยากจะกลับไปอิสราเอลอีกเมื่อทุกอย่างมันเรียบร้อยลงตัว และช่วยอำนวยความสะดวกให้กลับมา ก็พูดกันแค่นี้
“หากมีข่าวความคืบหน้าท่านก็จะโทรศัพท์มาบอกโดยตรง และถ้ามีเรื่องของการต่อรองที่อาจจะต้องมีเรื่องการแลกเปลี่ยนอะไรบางอย่างท่านก็จะบอกมา ผมบอกเราเปิดหมดทุกอย่าง ยังไงก็ได้ ขอให้นำคนไทยกลับบ้านโดยเร็วที่สุด เดี๋ยวค่ำๆ วันเดียวกันนี้ ผมจะโทรศัพท์หานายปานปรีย์ พหิทธานุกร รองนายกฯและรมว.ต่างประเทศอีกครั้งหนึ่ง โดยตอนนี้นายปานปรีย์อยู่ที่การ์ตาและอียิปต์ว่ามีความคืบหน้าอะไรหรือไม่”นายกฯ กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า มีการพูดคุยกันกรณีที่นายจ้างอิสราเอลจ่ายเงินเดือนล่าช้าให้กับแรงงานไทยหรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตอนนี้ไม่มีแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ตนได้ย้ำกับทางเอกอัครทูตอิสราเอลประจำประเทศไทย ซึ่งได้บริหารจัดการไปแล้ว และตนได้ขอบคุณไป
ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, 1/11/2566
ขยายเวลาลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งเป็น 24 ชั่วโมง และรับสมัครเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม ได้ถึง 10 พ.ย. 66 นี้
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานได้แถลงข่าว “การขยายระยะเวลาลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนเป็นกรรมการประกันสังคม และขยายเวลารับสมัครเลือกตั้งฯ ตั้งแต่วันที่ 1 – 10 พฤศจิกายน 2566 โดยมี นายบุญสงค์ ทัพชัยยุทธ์ เลขาธิการสำนักงานประกันสังคม คณะผู้บริหารสำนักงานประกันสังคม คณะผู้บริหารกระทรวงแรงงาน ร่วมแถลงข่าวต่อสื่อมวลชน ณ ห้องประชุมกระทรวงแรงงาน ชั้น 5 อาคารกระทรวงแรงงาน ถนนมิตรไมตรี เขตดินแดง กรุงเทพมหานคร
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยกับสื่อมวลชนว่า ตามที่คณะกรรมการการเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน ได้มีประกาศให้มีการเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตน โดยกำหนดให้ผู้มีสิทธิเลือกตั้ง คือ นายจ้าง ผู้ประกันตนมาตรา 33 มาตรา 39 และมาตรา 40 ลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้ง และเปิดรับสมัครรับเลือกตั้ง ได้สิ้นสุดลงเมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2566 ที่ผ่านมา โดยจัดให้มีการเลือกตั้งในวันอาทิตย์ที่ 24 ธันวาคม 2566 เวลา 08.00 -16.00 น. นั้น
“เพื่อให้นายจ้างและผู้ประกันตนที่มีสิทธิเลือกตั้งได้ลงทะเบียนเพื่อใช้สิทธิเลือกตั้งและมีส่วนร่วมอย่างแท้จริง โดยสามารถเลือกผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนจากจำนวนผู้สมัครที่เพิ่มมากขึ้น อันจะเป็นประโยชน์แก่นายจ้างและผู้ประกันตน สอดคล้องกับการขยายกำหนดเวลาการลงทะเบียนเพื่อใช้สิทธิเลือกตั้ง โดยคณะกรรมการจัดการเลือกตั้งฯ ในการประชุมครั้งที่ 4/2566 เมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 2566 มีมติเห็นชอบให้ขยายเวลาลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้ง และขยายเวลาเปิดรับสมัครผู้แทนฝ่ายนายจ้างผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนเป็นกรรมการในคณะกรรมการประกันสังคม ออกไปอีก 10 วัน ตั้งแต่วันที่ 1 – 10 พฤศจิกายน 2566”
นายพิพัฒน์ รมว.แรงงาน ได้กล่าวเชิญชวนนายจ้าง ผู้ประกันตน ทั่วประเทศลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งได้ถึงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 โดยพร้อมเพียงกัน ทั้งนี้ นายจ้าง ผู้ประกันตนสามารถลงทะเบียนใช้สิทธิเลือกตั้งผ่านช่องทาง ดังนี้
1. ทางเว็บไซต์ www.sso.go.th ได้ตลอด 24 ชั่วโมง
2. สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1 – 12 สำนักงานประกันสังคมจังหวัด ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น. (ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ)
3. พร้อมประกาศรายชื่อผู้มีสิทธิเลือกตั้ง ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2566
สำหรับผู้สนใจสมัครรับเลือกตั้งสามารถยื่นใบสมัครได้ที่สำนักงานประกันสังคมกรุงเทพมหานครพื้นที่/จังหวัด ตั้งแต่เวลา 08.30 – 16.30 น. (ทุกวันไม่เว้นวันหยุดราชการ) พร้อมประกาศรายชื่อผู้สมัครรับเลือกตั้ง และหมายเลขผู้สมัคร ในวันที่ 1 ธันวาคม 2566 เพื่อได้ตัวแทนฝ่ายนายจ้าง ตัวแทนฝ่ายผู้ประกันตนเป็นกรรมการในคณะกรรมการประกันสังคม ในการดูแลสิทธิประโยชน์ของผู้ประกันตน และบริหารกองทุนประกันสังคมให้มีเสถียรภาพ อันจะนำไปสู่การยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิตของนายจ้าง ผู้ประกันตน สามารถสอบถามรายละเอียด และคำแนะนำในการจัดการเลือกตั้งเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์อำนวยการเลือกตั้งผู้แทนฝ่ายนายจ้างและผู้แทนฝ่ายผู้ประกันตนเป็นกรรมการในคณะกรรมการประกันสังคม (ศอ.กต.นจ.ผปต.) โทร. 02-956-2222 ในวันและเวลาราชการ
แรงงานไทย แห่ทำเรื่องขอเบิกเงินค่าเดินทางจากอิสราเอล
ที่สำนักงานแรงงานจังหวัดขอนแก่น ภายในศาลากลางจังหวัดขอนแก่น ตั้งแต่ช่วงเช้าที่เปิดทำการ ได้มีแรงงานไทยในอิสราเอลที่เดินทางกลับมายังภูมิลำเนา หลังเกิดเหตุรุนแรงในประเทศอิสราเอล ซึ่งมีทั้งชาวจังหวัดขอนแก่น และในจังหวัดใกล้เคียง นำเอกสาร ประกอบด้วย บัตรประจำตัวประชาชน พาสปอร์ต ตั๋วเครื่องบิน และเอกสารสำคัญอื่นๆ เดินทางมายื่นกับเจ้าหน้าที่สำนักงานแรงงานจังหวัดขอนแก่น มากกว่า 30 ราย ซึ่งแรงงานไทยในอิสราเอลหลายคนบอกว่า หลังเกิดเหตุได้ติดต่อกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องที่อิสราเอล เพื่อขอเดินทางกลับประเทศไทย ถึงแม้ว่าจะยังคงเหลือสัญญาจ้างการทำงานอยู่ แต่เพื่อความปลอดภัย และไม่ให้ทางครอบครัวเป็นห่วง จึงต้องเดินทางกลับมาประเทศไทยก่อน
หากสถานการณ์การสู้รบในอิสราเอลดีขึ้น หรือสงบก็จะขอเดินทางไปทำงานที่นั่นอีก เพราะได้เงินเดือนค่าจ้างที่สูง อีกทั้งต้องการเงินนำกลับมาใช้หนี้ที่ยังคงค้างการกู้ยืมทั้งจากเงินกู้นอกระบบ และเงินในระบบของหน่วยงานราชการ ที่ปล่อยกู้โดยธนาคารต่างๆ และก่อนเดินทางกลับมาประเทศไทย ได้ชักชวนเพื่อนคนงานชาวไทยด้วยกัน แต่หลายๆ คนปฏิเสธ เพราะปัญหาหนี้สิน ที่ต้องสู้หาเงินมาชดใช้ และเพื่อความสุขของครอบครัวมีเงินใช้ จึงยอมที่จะทนทำงานต่อถึงแม้ว่าจะมีการสู้รบกันระหว่างอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ขณะเดียวกัน มั่นใจปลอดภัย เพราะที่ทำงานอยู่ไกลจากจุดปะทะ และมีมาตรการป้องกันอาวุธที่โจมตีทางอากาศของอิสราเอลดี
นางอรวรรณ หินตะ แรงงานจังหวัดขอนแก่น กล่าวว่า ทางสำนักงานแรงงาน จังหวัดขอนแก่น ได้รับเอกสารจากกระทรวงการต่างประเทศมาเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา ให้กลุ่มผู้ใช้แรงงานสามารถนำตั๋วเครื่องบินที่แรงงานแต่ละคนซื้อเพื่อเดินทางกลับมาเอง สามารถมายื่นและเบิกเงินได้ ขณะนี้มีแรงงานทั้งในจังหวัดขอนแก่น และจังหวัดอื่นๆ มายื่นเอกสารมากกว่า 150 คนแล้ว พร้อมกันนี้ทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้หาแนวทางช่วยเหลือแรงงานในทุกด้าน ทั้งหาอาชีพเสริมให้ประสานงานในต่างประเทศ และการหาแหล่งเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ ไว้ช่วยเหลือแรงงานทุกคน
ที่มา: มติชนออนไลน์, 1/11/2566
ผู้นำชีอะห์แห่งประเทศไทยเผยได้รายชื่อแรงงานไทยที่ถูกจับเป็นตัวประกัน 22 คนแล้ว ส่งต่อให้คณะเจรจา รอการตรวจสอบ
เมื่อช่วงเย็นวันที่ 30 ต.ค.ที่ผ่านมา นายไซยิด สุไลมาน ฮุไซนี ผู้นำศาสนาอิสลามนิกายชีอะห์แห่งประเทศไทย โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก “SaiyidSulaiman Husaini” แจ้งความคืบหน้าของการช่วยเหลือแรงงานไทยในอิสราเอลที่ถูกจับเป็นตัวประกัน โดยระบุว่า “ชื่อแรงงานไทยที่ฮามาสควบคุมตัวผมได้รับครบหมดแล้ว 22 คนและได้ส่งต่อให้คณะเจรจาเรียบร้อยแล้วครับ รอการตรวจสอบ”
ก่อนหน้านี้ นายไซยิด สุไลมาน ฮุไซนี ได้โพสต์ข้อความกรณีคณะเจรจาฝ่ายไทย นำโดยนายอารีเพ็ญ อุตรสินธุ์ ที่ปรึกษานายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ได้เจรจากับตัวแทนกลุ่มฮามาส โดยมีที่ปรึกษาประธานาธิบดีอิหร่านเป็นเจ้าภาพพูดคุยที่ห้องทำงานในบริเวณทำเนียบประธานาธิบดีอิหร่าน โดยมีบุคคลสำคัญเข้าร่วมประชุมด้วย อาทิ อยาตุลลอฮ์ อัคตารี ที่ปรึกษาประธานาธิบดีและประธานสมัชชาองค์การปาเลสไตน์แห่งสำนักประธานาธิบดีอิหร่าน ดร.ระมีฮียาน เลขาธิการใหญ่องค์การช่วยเหลือประชาชาติปาเลสไตน์แห่งชาติ ดร.รูวัยรอน ประธานสมาพันธ์พิทักษ์เยาวชนปาเลสไตน์และต่อต้านอิสราเอลแห่งชาติ ซึ่งการเจรจาคืบหน้าถึงขั้นตอนของรายละเอียดและเงื่อนไขของการปล่อยตัว แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, 31/10/2566
ก.แรงงาน เตรียมลงนามความร่วมมือกับประเทศมาเลเซีย เพื่อจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานอย่างถูกกฎหมาย
นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงาน กล่าวว่า จากการที่นายนัจมุดดีน อูมา ประธานคณะทำงานรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้หารือกับรัฐบาลประเทศมาเลเซียในเรื่องการจัดส่งแรงงาน เดิมมีคนไทยไปทำงานประมาณ 2-3 แสนคน มีการเปิดกิจการร้านต้มยำอีกประมาณ 5,000 แห่ง แต่ภาพรวมเข้าไปทำงานไม่ถูกต้องตามกฎหมายหรือเมื่อวีซ่า/พาสปอตหมดอายุก็ไม่เดินทางกลับมาไทย ย้ำว่าการเข้าไปทำงานอย่างถูกต้องจะดีที่สุด จะมีการลงนามใน MOU ระหว่างไทยและมาเลเซีย เช่นเดียวกับที่ได้ลงนาม MOU กับประเทศเพื่อนบ้าน เมียนมา ลาวกัมพูชา และเวียดนาม นำแรงงานจาก 4 ประเทศเข้ามาทำงานในประเทศไทย และนำแรงงานที่ไม่ถูกต้องทำให้เป็นแรงงานที่ถูกต้อง ทางสำนักงานประกันสังคมก็สามารถดูแลสิทธิประโยชน์ได้ เพราะการเข้าสู่ระบบประกันสังคมจะต้องมีนายจ้าง ลูกจ้าง และภาครัฐ
“...จะต้องหารือกันว่า จะมีวิธีการอย่างไรในการดูแลและคุ้มครองคนไทยที่ไปทำงานในประเทศมาเลเซีย สิ่งที่อยากได้อยากเห็นก็คือ สามารถดูแลคนไทยที่ไปทำงานในประเทศมาเลเซีย ว่า ไม่ถูกกดขี่ข่มเหง ไม่ถูกเอารัดเอาเปรียบ ที่สำคัญที่สุดค่าแรงหรือแรงงานที่เราไปขายต้องได้รับความยุติธรรม แน่นอนว่าค่าแรงในประเทศมาเลเซียดีกว่าประเทศไทย คนใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ไปทำงานในประเทศมาเลเซียเยอะ เพราะส่วนหนึ่งสามารถพูดภาษายาวีได้ นี่คือข้อได้เปรียบ นี่คือสิ่งที่ทางกระทรวงแรงงานจะพยายามทำให้จบภายในยุคที่ตนรับหน้าที่ในฐานะรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน...”
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงาน กล่าวด้วยว่า หลังจากนี้จะมอบหมายให้ปลัดกระทรวงแรงงานหารือกับปลัดกระทรวงแรงงาน ประเทศมาเลเซีย เป็นการเบื้องต้น ก่อนที่จะเดินทางไปลงนาม MOU กับรัฐมนตรีกระทรวงแรงงานของประเทศมาเลเซียต่อไป
ที่มา: สำนักข่าวกรมประชาสัมพันธ์, 30/10/2566
กสศ.จุดประกาย "ทักษะอาชีพเสริม" เยาวชนแรงงานสู้ชีวิต
กองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) โครงการพัฒนาการเรียนรู้เยาวชนนอกระบบการศึกษา ปี 2566 สนับสนุนโครงการส่งเสริมโอกาสการเรียนรู้ตลอดชีวิตแก่เยาวชนนอกระบบการศึกษาจังหวัดปรจีนบุรี ประสานภาคีเครือข่าย "สหภาพแรงงานปราจีนบุรี" จัดกิจกรรมจุดประกาย "ทักษะอาชีพเสริม" ระหว่างทำงานประจำในโรงงานหรือต่อยอดอาชีพอิสระที่เยาวชนแรงงาน อายุระหว่าง 15 - 24 ปี ประกอบอาชีพอยู่แล้วในชุมชนโดยรอบเขตนิคมอุตสาหกรรมกบินทร์บุรี อ.กบินทร์บุรี จ.ปราจีนบุรี ที่ต้องการมีรายได้เพิ่มและใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์ เพื่อเตรียมความพร้อมปัญหาเศรษฐกิจเปราะบางและการจ้างงานในอนาคตที่อาจสุ่มเสี่ยงตกงาน
สำหรับกิจกรรมโครงการ กสศ.ที่จัดขึ้นในวันอาทิตย์ที่ 29 ตุลาคม 2566 ณ สำนักงานสหภาพแรงงานฮิตาชิแห่งประเทศไทย ด้วยการเชิญผู้เชี่ยวชาญในการประกอบธุรกิจ อาทิ น.ส.กฤษฏา นานช้า ผู้อำนวยการโรงเรียนสอนศิลปะการปรุงอาหารไอเชฟ มาให้เกร็ดความรู้เรื่อง เส้นทางสู่ "นักธุรกิจชุมชน" วิธีคิดคำนวณต้นทุน กำไร ค่าแรง หรือ ส่งเสริมการขายผ่านช่องทางออนไลน์ และ ออฟไลน์ ทำอย่างไรให้สมหวัง พร้อมแนะนำเทคนิคและสาธิตการเริ่มต้นประกอบอาชีพเสริมเครื่องดื่ม อาหารและเบเกอรี่ที่เป็นเมนูง่าย ๆ เช่น พุดดิ้งนมสด กับ คุกกี้ธัญพืช เป็นเมนูของว่างที่ลงทุนต่ำแต่กำไรสูงเหมาะแก่การเริ่มต้นประกอบเป็นอาชีพเสริม และ นายไกรมิตร พงษ์นิยะกูล มาให้ความรู้เรื่อง เทคนิคการขายของออนไลน์ และ ทักษะการใช้โซเซียลมิเดียเพื่อส่งเสริมการประกอบอาชีพเสริมผ่าน "ติ๊กต็อก" ซึ่งเป็นช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าทางออนไลน์ที่ได้รับความนิยมเป็นอย่างสูง
น.ส.จุฑามาศ สมบูรณ์ เยาวชนนอกระบบการศึกษาที่ทำงานอยู่ในโรงงาน กล่าวถึงสาเหตุที่ต้องการมี “ทักษะอาชีพเสริม” เพราะรายได้จากค่าแรงขั้นต่ำ 340 บาทต่อวันไม่เพียงพอต่อการดำรงชีพ ขณะเดียวกันรายได้จากการทำงานล่วงเวลา หรือ โอที ไม่มีความแน่นอน จึงอยากมี "อาชีพเสริม" เพิ่มรายได้มาประคับประคองเศรษฐกิจครอบครัว ซึ่งทักษะอาชีพที่ตัวเองสนใจ คือ เครื่องดื่มอาหารและเบเกอรี่ จึงใช้เฟสบุ๊คส่วนตัวเป็นร้านค้าเล็ก ๆ ขายชากาแฟทางออนไลน์ รับออเดอร์จากเพื่อนที่ทำงานในโรงงานเดียวกัน พร้อมกับรับออเดอร์จากคนรู้จักในชุมชน หลังเลิกงาน 17.00 น. หรือ ในช่วงวันอาทิตย์ที่เป็นวันหยุดจากการทำงาน
สำหรับรายได้เฉลี่ยขายได้วันละ 8 - 10 แก้ว หรือคิดเป็นเงินประมาณ 300 บาท เมื่อหักต้นทุนแล้วจะได้กำไรเฉลี่ยวันละ 50 บาท ซึ่งผลกำไรตัวนี้ จะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ 1.นำมาเป็นค่าอาหารมื้อเย็นของตัวเองช่วยลดรายจ่ายรายวัน หรือ 2.นำไปสะสมเป็นเงินเก็บไว้เป็นเงินลุงทุนทำธุรกิจส่วนตัวตั้งเป้าหมาย 2 - 3 แสนบาท จะเปิดร้านกาแฟและเบเกอรี่เล็ก ๆ เพราะอยากเป็นเจ้านายตัวเอง หากวันหนึ่งต้องถูกเลิกจ้างจากสภาวะเศรษฐกิจที่ไม่แน่นอนในอนาคต
นายภิเศรษฐ์ ป้องคำศรี กรรมการสหภาพแรงงานซันโยแห่งประเทศไทย กล่าวว่าเตรียมยื่นข้อเรียกร้องเพื่อขอความอนุเคราะห์ให้ผู้ประกอบการโรงงาน "ไฮเออร์" อนุญาตเปิดพื้นที่ "ล็อคขายของ" ในโรงอาหารโรงงานเพื่อเป็นช่องทางจัดจำหน่ายสินค้าและผลิตภัณฑ์ของน้อง ๆ ที่มีอาชีพเสริม อาทิ ขายเครื่องดื่มชากาแฟ , แซนวิช , ข้ามหลาม , กล้วยฉาบ ได้นำสินค้าและผลิตภัณฑ์ฝีมือของตัวเองมาจัดจำหน่ายเพิ่มรายได้เสริมระหว่างทำงานประจำในโรงงาน
นายปัญญา ตลุกไธสง ประธานสหภาพแรงงานฮิตาชิแห่งประเทศไทย กล่าวว่าการจ้างงานในอนาคตเริ่มมีความเสี่ยงสูง เพราะผู้ประกอบการบางแห่งเริ่มใช้เครื่องจักร หรือ ระบบ Automation ทดแทนแรงงานคนมากขึ้น ดังนั้นการมีทักษะอาชีพเสริม เช่น การจำหน่ายสินค้าและผลิตที่ตัวเองผลิตให้กับร้านค้าในโรงอาหารโรงงาน สามารถช่วยให้น้อง ๆ ได้มีรายได้เพิ่มระหว่างที่ไม่มีค่าล่วงเวลา หรือ โอที นับเป็นการใช้เวลาว่างให้เกิดประโยชน์
น.ส.วิไลพร แก่นปรั่ง ประธานสหภาพแรงงานอาหารแห่งประเทศไทย กล่าวสนับสนุนให้น้อง ๆ เยาวชนแรงงานที่มี “ทักษะอาชีพเสริม” ทั้งในกลุ่มที่มีอาชีพเสริมอยู่แล้ว หรือ จุดประกายทางความคิดที่จะมีอาชีพเสริม อยากให้ตั้งใจใฝ่เรียนรู้ ด้วยการรู้จักหาวิธีใหม่ ๆ ในการหารายได้เสริมนอกเหนือจากการทำงานประจำในโรงงาน เพราะในอนาคตอาจกลายเป็น “อาชีพหลัก” รองรับหากต้องเผชิญปัญหาเศรษฐกิจจากการว่างงาน
ที่มา: ผู้จัดการออนไลน์, 30/10/2566
รัฐบาลยืนยันให้ความมั่นใจต่อแรงงานไทยในอิสลาเอล จะได้รับค่าจ้างเต็มจำนวน และจะสามารถกลับไปทำงานภายหลังสถานการณ์สงบได้อย่างแน่นอน วอนแรงงานไทยกลับบ้าน
29 ต.ค. 2566 นายคารม พลพรกลาง รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า รัฐบาลมีความห่วงใยพี่น้องแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ ณ ประเทศอิสราเอล เป็นอย่างมาก ซึ่งจากการประเมินสถานการณ์การสู้รบอาจมีแนวโน้มที่จะขยายวงกว้างมากยิ่งขึ้น และอาจทำให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของพี่น้องแรงงานไทยที่ทำงานอยู่ในประเทศอิสราเอล โดยการสู้รบที่ขยายพื้นที่ในวงกว้างจะส่งผลต่อการเดินทางภายในประเทศอิสราเอล และกระทบต่อกระบวนการอพยพพี่น้องแรงงาน
นายคารม กล่าวว่า ปัจจุบันมีพี่น้องแรงงานบางส่วนที่ยังมีความกังวลถึงค่าจ้างที่ยังไม่ได้รับ หรือกังวลว่าจะไม่สามารถเดินทางกลับไปทำงานได้ภายหลังจากสถานการณ์สงบลง รัฐบาลโดยกระทรวงแรงงานขอยืนยันให้ความมั่นใจกับพี่น้องแรงงานว่า “พี่น้องแรงงานทุกคนจะได้รับค่าจ้างเต็มจำนวน และจะสามารถกลับไปทำงานภายหลังสถานการณ์สงบได้อย่างแน่นอน” ทั้งนี้ ทางกระทรวงแรงงาน ได้ร่วมหารือกับหน่วยงานต่าง ๆ ในการหามาตรการช่วยเหลือเยียวยาเพิ่มเติมสำหรับพี่น้องแรงงานไทยที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ในครั้งนี้ด้วยแล้วอย่างเต็มที่
“รัฐบาลวอนให้พี่น้องแรงงานไทยพิจารณาทบทวนให้ถี่ถ้วนในการเดินทางกลับประเทศไทย ขอให้คำนึงถึงความปลอดภัยต่อชีวิตเป็นสิ่งแรก โดยรัฐบาลได้เตรียมพร้อมในการอพยพพี่น้องแรงงานไทยกลับสู่ประเทศได้อย่างปลอดภัยในเวลาที่รวดเร็วที่สุด สามารถแจ้งความประสงค์มายังสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเทลอาวีฟ หรือเดินทางมายังศูนย์พักพิงได้ทันทีที่: รร. David InterContinental, Kaufmann Street 12, Tel Aviv- Yafo, 61501 โทรศัพท์ศูนย์พักพิง : 050-443 8094, 053-557-4115 โทรศัพท์สถานทูตฯ : 055-271 2201, 053-245 2826, 054-636 8150” นายคารม ย้ำ
ที่มา: สำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ทำเนียบรัฐบาล, 29/10/2566
ประกาศกฎกระทรวงลดค่าธรรมเนียม -คำขอนุญาตอยู่ในประเทศไทยเป็นการชั่วคราวเหลือ 500 บาท แรงงานกัมพูชา เมียนมา ลาว เวียดนาม มีผลยาว 4 ปี หนุนให้เกิดการจ้างงานถูกกฎหมาย
เมื่อวันที่ 28 ต.ค. น.ส.ไตรศุลี ไตรสรณกุล เลขานุการ รมว.มหาดไทย และโฆษกกระทรวงมหาดไทย กล่าวว่า เมื่อวันที่ 27 ต.ค.ที่ผ่านมาราชกิจจานุเบกษา ได้เผยแพร่ กฎกระทรวง การกำหนดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตรา และค่าธรรมเนียมคำขออนุญาตเพื่อยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไป
สำหรับคนต่างด้าวซึ่งเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามบันทึกความเข้าใจว่าด้วยความร่วมมือด้านการจ้างแรงงานหรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษ พ.ศ. 2566 ประกาศดังกล่าวออกโดยกระทรวงมหาดไทยและลงนามโดยนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง และนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ซึ่งจะมีผลบังคับเมื่อพ้นกำหนด 15 วันนับแต่วันประกาศในราชกิจจานุเบกษา และมีกำหนดใช้บังคับ 4 ปี
น.ส.ไตรศุลี กล่าวว่า สาระสำคัญของกฎกระทรวงฯ จะเป็นการปรับลดอัตราค่าธรรมเนียมการตรวจลงตราจาก 2,000 บาท เป็น 500 บาท และค่าธรรมเนียมคำขออนุญาตเพื่ออยู่ในราชอาณาจักรเป็นการชั่วคราวต่อไปจาก 1,900 บาท เป็น 500 บาท สำหรับคนต่างด้าวสัญชาติกัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม ซึ่งเข้ามาทำงานในราชอาณาจักรตามบันทึกความเข้าใจ หรือ MOU ว่าด้วยความร่วมมือด้านการจ้างแรงงาน หรือได้รับอนุญาตให้เข้ามาอยู่ในราชอาณาจักรเป็นกรณีพิเศษตามมติคณะรัฐมนตรี (ครม.)
การลดค่าธรรมเนียมเป็นระยะเวลา 4 ปี จะมีส่วนสนับสนุนให้มีการจ้างงานคนต่างด้าวโดยชอบด้วยกฎหมาย แก้ไขปัญหาคนต่างด้าวที่หลบหนีเข้าเมืองเพื่อการทำงาน ให้เข้าสู่ระบบการเป็นผู้เข้าเมืองเพื่อทำงานโดยถูกต้องตามกฎมหาย เพื่อรักษาความมั่นคง และบรรเทาความเดือดร้อนของผู้ประกอบธุรกิจทั้งภาคการผลิตสินค้า ภาคการบริการและภาคการส่งออก และพัฒนาประเทศทางด้านเศรษฐกิจของประเทศด้วย
“กระทรวงมหาดไทยได้ออกกฎกระทรวงฯ ฉบับบนี้สอดคล้องกับแนวทางการบริหารจัดการการทำงานของคนต่างด้าวเพื่อส่งเสริมขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศของรัฐบาล เพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจหลังโควิด19 ซึ่งการลดค่าธรรมเนียมลงเป็นการช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายของทั้งแรงงานและนายจ้าง” น.ส.ไตรศุลี กล่าว
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)