Skip to main content
sharethis

ศาลอาญายกฟ้องคดี “ณัฐพล” ฟ้องหมิ่นประมาท “ไชยันต์” ศาลอ้างเหตุไชยันต์มีเสรีภาพในการเห็นต่างจากเนื้อหาในวิทยานิพนธ์ได้และเมื่อตรวจสอบแล้วพบจุดบกพร่องย่อมมีสิทธิโต้งแย้งทางวิชาการได้ จึงเป็นการติชมโดยสุจริตและได้ทำหน้าที่ในฐานะปวงชนชาวไทยพิทักษ์ ชาติ ศาสนา สถาบันฯ

5 มี.ค.2567 วอยซ์ออนไลน์และมติชนออนไลน์รายงานตรงกันถึงการอ่านคำพิพากษาของศาลอาญา ในคดีที่ ณัฐพล ใจจริง อาจารย์ประจำคณะมนุษยศาสตร์และสังคมศาสตร์ มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนสุนันทา ผู้เขียนหนังสือ “ขอฝันใฝ่ในฝันอันเหลือเชื่อ” และ “ขุนศึก ศักดินา และพญาอินทรี” ของสำนักพิมพ์ฟ้าเดียวกัน เป็นโจทก์ฟ้องหมิ่นประมาท ไชยันต์ ไชยพร อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 326 และ 328 พร้อมเรียกค่าเสียหายจำนวนเงิน 1 ล้านบาท

คดีสืบเนื่องจาก ไชยันต์ อาจารย์ประจำภาควิชาการปกครอง คณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้โพสต์ข้อความผ่านเพจเฟซบุ๊กของตนเองในชื่อ Chaiyan Chaiyaporn ต่างกรรมต่างวาระหลายครั้ง เช่น วันที่ 9 พ.ย. 2564 กล่าวหาว่า ณัฐพลใช้ข้อมูลจากหนังสือพิมพ์เอกราชที่ไม่มีอยู่จริงมาอ้างอิงเป็นส่วนหนึ่งในวิทยานิพนธ์และพยายามบิดเบือนประวัติศาสตร์เพื่อสร้างกระแสความรู้สึกให้ผู้อ่านเกลียดชังสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งณัฐพลได้แจ้งความไว้ที่ สน.หัวหมาก และยื่นฟ้องเป็นคดีอาญา เมื่อวันที่ 12 ก.ค. 2565

ศาลพิเคราะห์พยานหลักฐานณัฐพลและไชยันต์ แล้ว เห็นว่า ณัฐพลจัดทำวิทยานิพนธ์และผลงานโดยใช้เสรีภาพทางวิชาการ ดังนั้น ไชยันต์ ในฐานะประชาชนทั่วไปย่อมมีเสรีภาพในการเห็นต่างจากเนื้อหาหรือข้อความในผลงานของณัฐพล เช่นเดียวกัน เมื่อข้อเท็จจริงปรากฏว่า ไชยันต์ เป็นหัวหน้าโครงการงานวิจัยและดำเนินการวิจัยผลงานต่างๆ ของนักวิชาการ จนตรวจพบจุดบกพร่องในวิทยานิพนธ์ของณัฐพล  และไชยันต์แจ้งไปยังบัณฑิตวิทยาลัย จนมีคำสั่งระงับเผยแพร่วิทยานิพนธ์ฉบับดังกล่าวแล้วตั้งแต่ปี 2562 แต่ณัฐพลกลับนำเนื้อหาที่มีจุดบกพร่องดังกล่าวไปพัฒนาเขียนเป็นหนังสือและมีการตีพิมพ์เผยแพร่สู่สาธารณชน ไชยันต์ ในฐานะประชาชนทั่วไปย่อมมีสิทธิตรวจสอบว่าเนื้อหาในบทความ หรืองานเขียนดังกล่าวถูกต้องหรือไม่ แม้ไม่มีหน้าที่โดยตรงในการตรวจสอบวิทยานิพนธ์ของณัฐพล  หรือแม้แต่ไชยันต์ไม่ได้รับผลกระทบจากเนื้อหาในวิทยานิพนธ์หรือบทความและหนังสือของณัฐพลก็ตาม

ยิ่งกว่านั้นในฐานะที่ไชยันต์เป็นนักวิชาการซึ่งมีประสบการณ์และความรู้ความเชี่ยวชาญในการตรวจสอบวิทยานิพนธ์ระดับบัณฑิตศึกษา เมื่อไชยันต์ ตรวจสอบแหล่งอ้างอิงโดยมีศาสตราจารย์ ดร.สมบัติ จันทรวงศ์ มาเบิกความสนับสนุน ว่าไชยันต์ ได้ทำการตรวจสอบตามหลักวิชาการแล้ว ปรากฏว่าไม่มีข้อความที่ณัฐพล เขียนจากแหล่งอ้างอิง อีกทั้งมีแต่การตีความข้อความเห็นโดยไม่มีข้อเท็จจริงที่มีอยู่จริง อันมีลักษณะที่ไชยันต์ เห็นว่าเป็นการบิดเบือน ไชยันต์ ย่อมมีสิทธิทางวิชาการ หรือโต้แย้งและนำเสนอต่อสาธารณชนได้ ไม่ว่ารูปแบบใด เช่น สื่อออนไลน์ เว็บไซต์ หรือแอพพลิเคชั่นเฟซบุ๊ก และให้ประชาชนทั่วไปได้ทราบข้อความอีกด้าน อีกทั้งเพื่อความเป็นธรรมต่อบุคคลที่ณัฐพล กล่าวถึงในผลงาน โดยเฉพาะผู้ที่ล่วงลับไปแล้วและไม่มีโอกาสโต้แย้งหรือให้ข้อเท็จจริงถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อความเป็นธรรมต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ซึ่งณัฐพลเขียนถึงโดยไม่ปรากฏแหล่งอ้างอิงการโพสต์ข้อความของไชยันต์ตามฟ้องนับว่าไชยันต์ได้กระทำหน้าที่ของบุคคลในฐานะปวงชนชาวไทยในการพิทักษ์รักษาไว้ซึ่งชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์ และการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 50 (1)

รวมทั้ง นับได้ว่าเป็นการแสดงความคิดเห็นหรือข้อความโดยสุจริตเพื่อความชอบธรรม ติชมด้วยความเป็นธรรมอันเป็นวิสัยของประชาชนย่อมกระทำได้ปรากฏตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 329 (1)(3) ไชยันต์ ไม่มีความผิดฐานหมิ่นประมาทตามฟ้อง ข้อต่อสู้ของไชยันต์ ฟังขึ้น ข้อเท็จจริงอื่นนอกจากนี้ไม่จำต้องวินิจฉัย พิพากษายกฟ้อง

ภายหลัง ไชยันต์เปิดเผยว่า ศาลยกฟ้อง ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้องแล้วเพราะตนเองไม่ได้ไปให้ร้ายกับใคร แล้วก็มีหลักฐานทุกอย่างครบถ้วน ตนในฐานะประชาชนคนหนึ่งมีหน้าที่วิพากษ์วิจารณ์ตรวจสอบสิ่งที่คนอื่นเขียนมา และศาลบอกว่าสามารถที่จะสื่อสารผ่านเฟซบุ๊ก สื่อออนไลน์ได้ ไม่จำเป็นต้องไปเขียนวิจารณ์ผ่านบทความวิชาการ เพราะว่าเป็นประโยชน์สาธารณะ และสิ่งที่ณัฐพล เขียนมาก็บิดเบือนและไม่มีหลักฐานรองรับ เมื่อตนเองตรวจพบข้อบกพร่อง โดยเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับสถาบันพระมหากษัตริย์ในอดีต แต่ต่อให้ไม่เกี่ยวข้องกับสถาบันกษัตริย์ อย่างน้อยก็ต้องให้มีความถูกต้องทางวิชาการ การอ้างอิงจะต้องมีหลักฐาน ไม่กุเรื่องขึ้นมา

ไชยันต์ กล่าวว่า ความเสียหายที่เกิดขึ้นแน่นอน คือ ความเข้าใจผิดว่ารัชกาลที่ผ่านมาสนับสนุนรัฐประหาร มีความกระตือรือร้นลงนามให้กับคณะรัฐประหาร ที่มีจอมพล ป. พิบูลสงคราม อยู่เบื้องหลัง ซึ่งก็จะทำให้เยาวชนที่มาอ่านหนังสือที่ตีพิมพ์ช่วงปี 2556 และ 2563 เข้าใจผิดได้ ทั้งหมดนี้อาจมาจากนักวิชาการบางท่านที่เขียนอะไรบิดเบือน โดยอ้างเชิงอรรถ (footnote) อย่างดี เป็นภาษาอังกฤษ จากหอจดหมาย หรือ รายงานสถานทูตอเมริกา เป็นต้น แต่เมื่อเราอ่านแล้วไปตรวจสอบก็พบว่าไม่เป็นความจริงตามนั้น ปัจจุบันตนเองยังเป็นที่ปรึกษาวิทยานิพนธ์อยู่ที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยมานานตั้งแต่ปี 2535 นับเป็นร้อยๆ เล่ม และตนเองค่อนข้างมีความเข้มงวด เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายทางวิชาการ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net