Skip to main content
sharethis

ประชาไท-24 ส.ค.47 องค์กรประชาชน-องค์กรประชาธิปไตย หนุนคปส. สู้ คดีชินคอร์ปฟ้องเรียกค่าเสียหาย 400 ล้าน ยันวิพากษ์วิจารณ์บนฐานความจริง พร้อมระดมทุนต่อสู้เพื่อความเป็นธรรม

คณะกรรมการรณรงค์เพื่อการปฎิรูปสื่อ(คปส.) ร่วมกับเครือข่ายองค์กรประชาชนและเครือข่ายองค์กรประชาธิปไตย ออกแถลงการณ์กรณีที่น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์ เลขาธิการคปส. ร่วมกับกองบรรณาธิการหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ถูกบริษัท ชินคอร์ปอเรชั่น จำกัด(มหาชน) ฟ้องเรียกค่าเสียหายในทางแพ่ง 400 ล้านบาท ในคดีหมิ่นประมาท

ทั้งนี้ทางคปส.ออกแถลงการณ์โดยระบุว่า ความเห็นดังกล่าวเป็นการกระทำโดยบริสุทธิ์ใจ ทั้งเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องคอร์รัปชั่นเชิงนโยบายภายใต้สิทธิการแสดงความคิดเห็นตามรัฐธรรมนูญ

นอกจากนั้นทางเครือข่ายองค์กรประชาชน ยังร่วมกันตั้งกองทุนเพื่อระดมเงินเป็นทุนในการสู้คดีเพื่อสิทธิเสรีภาพทางสื่อต่อไป ในชื่อบัญชี น.ส.สุภิญญา กลางณรงค์และ/หรือนายพิภพ ธงไชย และ/หรือนายพิทยา ว่องกุล ธนาคารไทยพาณิชย์ จำกัด(มหาชน) เลขที่ 075-2-32433-6

ผศ.ดร.จิราพร วิทยศักดิ์พันธ์ อาจารย์คณะมนุษยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ในฐานะรองประธาน
คปส. กล่าวว่า คปส.ยังคงตั้งมั่นในภารกิจการผลักดันให้เกิดการปฎิรูปสื่อต่อไป ไม่มีใครสามารถริดลอนสิทธิทางการเมืองอันนี้ลงได้ ซึ่งคปส.เห็นว่าเมื่อฝ่ายอำนาจไม่พอใจคปส.เหตุใดจึงไม่ขัดแย้งกับเราในนามองค์กรแต่กำลังหาเหยื่อตัวเล็กๆที่อาจจะไม่มีความแข็งแกร่งเพียงพอที่จะต่อสู้

น.ส.รสนา โตสิตระxxxล ตัวแทน 30 องค์กรพัฒนาเอกชนต่อต้านคอรัปชั่น อยากฝากถึงนายกรัฐมนตรีว่าน่าจะเป็นคนใจนักเลงพอที่จะไม่เอาผิดผู้หญิงตัวเล็กๆ ซึ่งนายกฯ ทำได้ในการให้บริษัทชินคอร์ปถอนฟ้อง โดยจะเป็นสิ่งที่มีเกียรติด้วยซ้ำเพราะจะทำให้ประชาชนเห็นว่าผู้บริหารประเทศ ที่เป็นหัวหน้ารัฐบาลพร้อมที่จะให้มีการตรวจสอบ แต่หากยังมีการดำเนินต่อไป ประชาชนเองก็คงต้องต่อสู้ต่อไป

น.ส.รสนากล่าวอีกว่า การกระทำของนางสาวสุภิญญาไม่ได้ทำเพื่อประโยชน์ของตนเอง ดังนั้นประชาชนเมื่อเห็นว่าถึงสิ่งที่ไม่ชอบธรรม เห็นว่ามีคนดีถูกรังแก สังคมต้องให้กำลังใจ และหนุนช่วยให้มีกำลังเงินในการต่อสู้ ซึ่งตนและองค์กรอื่นๆจะร่วมกันรณรงค์ให้ต่างประเทศรับรู้และร่วมบริจาคเงินเป็นกองทุนในการต่อสู้ต่อไป โดย30 องค์กรพัฒนาเอกชนต่อต้านคอรัปชั่นสมทบกองทุนเบื้องต้น 3 หมื่นบาท และจะมีการจัดกิจกรรมระดมทุนช่วยเหลือต่อไป รวมทั้งกิจกรรมต่างๆเช่น ปาฐกถา เสวนา ซึ่งอาจจะจัดในช่วงครบรอบ 31 ปี 14 ตุลาในปีนี้

ชี้นักเคลื่อนไหว-สื่อมวลชนถูกคุกคาม

นายบุญแทน ตันสุเทพวีรวงศ์ ตัวแทนคณะทำงานปกป้องนักต่อสู้เพื่อสิทธิมนุษยชน กล่าวว่า การฟ้องร้องครั้งนี้เป็นการค้ากำไรเกินควรหรือไม่เพราะฟ้องทั้งอาญายังไม่พอยังฟ้องแพ่งซ้ำเข้าไปอีก การฟ้องเรียกค่าเสียหายถึง 400 ล้านบาทนั้น ทำให้น.ส.สุภิญญาซึ่งมีเงินเดือนๆละ 12,000 บาท ต้องทำงานถึง 2,777 ปี จึงจะจ่ายค่าเสียหายของบริษัท ชินคอร์ปได้เรียกว่าเป็นการค้ากำไรเกินควรหรือไม่สาธารชนต้องช่วยตัดสินใจ

"การฟ้องครั้งนี้ถือเป็นการคุกคามผู้นำนักเคลื่อนไหวทางสังคม เป็นลักษณะเดียวกับการเมืองในสิงคโปร์ที่มีการฟ้องร้องผู้นำฝ่ายค้านที่ลุกขึ้นมาเปิดโปงคอร์รัปชั่น ซึ่งถูกฟ้องร้องจนล้มละลาย และสุดท้ายต้องถีบตัวเองออกจากการเมือง นายกรัฐมนตรีกำลังถอดแบบการเมืองสิงคโปร์อย่างที่เคยประกาศ ซึ่งถือว่าเป็นการกระทำที่บัดซบมากเพราะมาตรการทางกฎหมายถูกนำมาใช้คุกคามประชาชน และรังแกเด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ใช้สิทธิและบทบาทตามรัฐธรรมนูญในการตรวจสอบการคอร์รัปชั่น" นายบุญแทน กล่าว

รายงานโดย : ศูนย์ข่าวประชาไท

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net