Skip to main content
sharethis

ประชาไท-29 พ.ย. 47 นางอักษรศรี พานิชสาสน์ คณะเศรษฐศาสตร์ มธ. กล่าวว่าสิ่งที่ส่งผลกับไทยจากการเปิด FTA อาเซียน-จีน คือ ผู้ประกอบการค้าแบบปลีก รายย่อย และเกษตรกรจะได้รับผลกระทบเนื่องจากไทยไม่มีมาตรการปกป้อง อีกทั้งไม่มีการป้องกันด้านความเสียหายของสินค้าที่เป็นสินค้าอ่อนไหว และไม่มีมาตรการป้องกันคุณภาพสินค้าจากจีนที่จะไหลเข้ามา

"ในแง่การเจรจานั้นข้อตกลงจะครอบคลุมเฉพาะภาษี โดยไม่ได้แตะเรื่องมาตรการควบคุมที่ไม่ใช่ภาษีเลย รวมทั้งมาตรการด้านการควบคุมสินค้าอุตสาหกรรมหรือสินค้าบริการ ทำให้ไทยไม่สามารถเปิดรุกตลาดของจีน ความหวังของจีนกับอาเซียนคือ สินค้าทางการเกษตร วัตถุดิบผลิต
ภัณฑ์ต้นน้ำเพื่อแปรรูป ไทยเป็นเพียงประตูกระจายสินค้าสู่อาเซียนเท่านั้น " นางอักษรศรีกล่าว

นางอักษรศรีกล่าวอีกว่า โอกาสผลกระทบจากสินค้าจีนที่เห็นได้อย่างชัดเจนมี 2 กลุ่มคือ กลุ่มเฟอร์นิเจอร์ 45-46 เปอร์เซ็นต์ ของจีน เจาะตลาดในไทย และที่สำคัญจีนยังเป็นผู้ส่งออกเฟอร์
นิเจอร์ไม้ยางติดอันดับต้นๆของโลกโดยเฉพาะในอเมริกา ส่วนกลุ่มที่สองคือกลุ่มของเล่นซึ่งไทยผลิตในประเทศเพียง 20 เปอร์เซ็นต์ แต่นำเข้าจากจีนถึง 81.2 เปอร์เซ็นต์

นายพิษณุ เหรียญมหาสาร คณะเจรจาการค้าเสรีอาเซียน-จีน กล่าวว่า สิ่งที่น่าเป็นห่วงคือ มาตรการป้องกันการไหลเข้าของสินค้าจากจีน เพราะขั้นตอนของไทยยังล้าหลังจากมาตรการป้องกันของจีนมาก เพราะในขณะที่จีนมีการตั้งการกีดกันการนำเข้าสินค้าจากกลุ่มอาเซียนต่างๆทุกกรณีเท่าที่ทำได้ แต่ไทยกลับไม่มีมาตรการในการป้องกันเรื่องนี้ ความเด็ดขาดยังไม่มี

"สินค้าที่มาจากจีน โดยมากเป็นเครื่องใช้ไฟฟ้า แต่มีคุณภาพต่ำถือว่าเป็นสินค้าชั่วคราว เพราะคนไทยสามารถพิจารณาได้ว่าสิ่งไหนเหมาะกับการใช้สอยอย่างถาวร ซึ่งเรื่องนี้ก็เป็นวิธีกีดกันสินค้าได้อีกวิธีหนึ่ง" นายพิษณุกล่าว

นายพรศิลป์ พัชรินทร์รัตนะกูล กรรมการผู้จัดการเครือเจริญโภคภัณฑ์ กล่าวว่า ไทยต้องทำให้เกิดการมีส่วนร่วมระหว่างการเมืองกับภาคเอกชนให้เท่ากัน เพราะในปัจจุบันการเข้ามามีส่วนร่วมของภาคเอกชนยังน้อยมาก

นายพรศิลป์กล่าวว่า การเตรียมความพร้อมด้านเอกชนของไทยยังไม่พร้อม โดยเฉพาะผู้ประกอบการต่างๆ ทั้งรายปลีก รายย่อย เพราะไม่มีข้อมูลในเรื่องนี้เท่าที่ควร ทำให้ไทยต้องเสียประโยชน์ไปบ้าง สิ่งที่ต้องทำคือพลิกการเจรจาครั้งนี้ให้เป็นโอกาส โดยการพัฒนาสินค้าให้ถูกต้องตามหลัก เกณฑ์เพื่อให้เกิดการยอมรับเรื่องการตรวจสอบที่เป็นมาตรฐานโลก เพื่อให้ไทยมีโอกาสใช้มาตรฐานการตรวจสอบได้อย่างเท่าเทียม

นายพรศิลป์กล่าวอีกว่า ไทยต้องสร้างความร่วมมือให้เกิดขึ้นอย่างแท้จริง และต้องหาช่องทางในการส่งสินค้าไปจีนโดยผ่านการติดเรื่องกำแพงภาษีน้อยที่สุด อย่างเช่นพวกเครื่องประดับจิวเวอร์รี่ ซึ่งไม่มีมาตรการกีดกันมากเหมือนผักผลไม้ ภาครัฐและภาคธุรกิจต้องปรับตัวให้สอดคล้องกันมากขึ้นเพื่อรับสถานการณ์

ศิริรัตน์ อนันต์รัตน์
ประชาไทรายงาน

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net