ศูนย์ข่าวภาคเหนือ-13 ก.ย.48 ที่บ้านธารแก้ว อ.เมือง จ.เชียงใหม่ เครือข่ายนักวิชาการ 1,142 ชื่อ และเครือข่ายกลุ่มศิลปินและนักเขียน ร่วมกันคัดค้านข้อเสนอ "ยงยุทธ" ไม่ให้มีการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่ "ป่าต้นน้ำพิเศษ" ชี้เป็นวาระซ่อนเร้นที่สวนกระแสของประชาชน เป็นการพยายามหวงอำนาจและกีดกันไม่ให้ชาวบ้านเข้าไปจัดการป่า
"เหตุใดจึงมองป่าชุมชนแยกออกจากความเป็นป่าอนุรักษ์ ไม่ทราบว่า รัฐมนตรียงยุทธได้อ่าน พ.ร.บ.ป่าชุมชนได้ละเอียดมากน้อยแค่ไหน เพราะถ้าพิจารณารายละเอียดจะรู้ว่า ป่าชุมชนที่ชาวบ้านเสนอที่จัดตั้งในเขตป่ารวมทั้งเขตป่าอนุรักษ์ คือ ป่าชุมชนมีลักษณะเป็นไปเพื่อการอนุรักษ์ คำถามใหญ่ก็คือว่า ทำไมจึงมองป่าสองชนิดแยกออกจากกัน ท่านมองป่าชุมชนที่ชาวบ้านเสนอเป็นเพียงป่าที่ชาวบ้านจะเอาไปใช้ประโยชน์ อย่างนั้นเพียงอย่างเดียวใช่หรือไม่ ถ้าเป็นอย่างนั้นดิฉันคิดว่าท่านตีความ หรือท่านเข้าใน พ.ร.บ.ป่าชุมชนผิด" ดร.ปิ่นแก้ว เหลืองอร่ามศรี ตัวแทนเครือข่ายนักวิชาการ กล่าว
ทั้งนี้ ในขั้นตอนการพิจารณาของกรรมาธิการร่วมฯ 2 สภา เพื่อพิจารณากฎหมายป่าชุมชนในขณะนี้นั้น นายยงยุทธ ติยะไพรัช รัฐมนตรีว่าการกระทรวงธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม(ทส.) ได้เสนอแนวคิดไม่ให้มีการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่ "ป่าต้นน้ำพิเศษ" ซึ่งหมายถึงว่า หากมีการควบคุมพื้นที่ป่าต้นน้ำเช่นนั้นจริง ประชาชนที่อาศัยอยู่ในพื้นที่เขตป่าต้นน้ำกว่า10,000 หมู่บ้านทั่วประเทศจะต้องถูกอพยพออก
ดร.
ดังนั้นถ้าไประบุว่า เขตนี้ทั้งหมดที่เกิน 30 องศาแล้วห้ามให้ทำป่าชุมชนถือว่ามันเป็นการเหมารวม เพราะพื้นที่ทั่วไปของหมู่บ้านจะมีความลาดชันที่หลากหลายผสมกันอยู่ ซึ่งในพื้นที่ลาดชันเกิน 30 องศานั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่ไม่ได้ทำกินอยู่แล้ว แต่จะใช้เป็นเขตพื้นที่ป่าชุมชนอยู่แล้ว ดังนั้นจึงมองไม่เห็นเหตุผลว่าเหตุใดจึงเอาเรื่องการกำหนดความลาดชันนี้มาเป็นตัวห้าม
"ประเด็นเรื่องการอุ้มดิน ที่ รมว.ยงยุทธ บอกว่า ป่าดิบเขาลึก
ตัวแทนเครือข่ายนักวิชาการ กล่าวอีกว่า รายงานกรมป่าไม้เองระบุว่าการชะล้างพังทลายของหน้าดินในพื้นที่ป่าทั่วไปที่เจอ 3.1 ตันต่อเฮกแตร์ต่อปีนั้น เป็นการเอาตัวเลขมาเป็นตัวตั้ง แต่ไม่มองว่าศักยภาพชุมชนแบบไหน อยู่ในเขตป่าอย่างไรจึงช่วยลดการชะล้างพังทลายที่ปรากฏอยู่แล้วตามพื้นที่ป่าธรรมชาติให้ลดลงได้ ซึ่งคิดว่าเป็นสมการแบบตรรกะแบบชั้นเดียวที่ไม่ถูกต้อง ไม่มีข้อมูลพื้นฐานจากข้อเท็จจริงรองรับ
"เรื่องความหลากหลายทางชีวภาพก็เช่นกัน ในพื้นที่จำนวนมากที่เราศึกษาเราพบว่า ป่าชุมชนหรือว่าการอยู่อาศัยของชุมชนในเขตป่า จะเป็นตัวช่วยหรือเป็นเงื่อนไขให้เกิดความหลากหลายทางชีวภาพมากยิ่งขึ้น"
ดร.ปิ่นแก้ว กล่าวในประเด็นสุดท้าย ว่า ในเรื่องการกำหนดชั้นคุณภาพลุ่มน้ำ
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)