เช้าวันที่ 29 กันยายน 2548 พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี นำคณะ 200 กว่าคน โดยสารเที่ยวบินปฐมฤกษ์ จากท่าอากาศยานกรุงเทพไปลงที่ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิเพื่อแสดงว่า ระบบต่างๆ ของท่าอากาศยานแห่งใหม่เสร็จเรียบร้อยแล้ว แม้จะยังเปิดใช้เชิงพาณิชย์ไม่ได้อีกระยะหนึ่ง

รัฐบาลไทยถือว่า เที่ยวบินนี้เป็นการพิสูจน์ความพร้อมในการเปิดสนามบินใหม่ ซึ่งเป็นผลงานชิ้นโบว์แดงในการยกระดับระบบสาธารณูปโภคของประเทศ อย่างไรก็ตาม ผู้สังเกตการณ์ภายนอกชี้ว่า รัฐบาลยังมีภารกิจหนักที่จะเตรียมท่าอากาศยานสุวรรณภูมิให้พร้อมเปิดใช้จริง

นายจิม เอคเคิส ผู้เชี่ยวชาญในเรื่องกิจการการบินในภูมิภาค แห่งสถาบันที่ปรึกษาการบิน อินโดสวิส ที่ฮ่องกง บอกว่า การนำเครื่องบินโดยสารลงจอด เป็นเพียงการแสดงให้คนทั่วไปเห็นว่า รันเวย์สนามบินเรียบ ไม่มีสิ่งกีดขวาง และพร้อมจะเริ่มรับการทดสอบอีกเป็นชุด รวมทั้งการทดสอบงานก่อสร้าง อุปกรณ์อีเลคโทรนิคส์ อีกมากมายมหาศาลกระบวนการตรวจสอบการทำงานของสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ของไทย ยังต้องใช้เวลานานพอสมควร กว่าที่ผู้เชี่ยวชาญที่อุตสาหกรรมการบินยอมรับจะอนุมัติ

นักวิเคราะห์ด้านธุรกิจการบินของอินโดสวิสชี้ด้วยว่า ประเด็นสำคัญอีกอย่างที่คนกำลังจับจ้อง ก็คือ การเดินทางเชื่อมต่อระหว่างสนามบินแห่งใหม่กับย่านศูนย์กลางธุรกิจของกรุงเทพมหานคร และเมืองใหญ่ๆ ของประเทศ นักวิเคราะห์มองว่า สนามบินสุวรรณภูมิเป็นผลงานที่รัฐบาลไทยต้องการโชว์ว่า มีความสามารถผลักดันโครงการใหญ่ๆ 

ด้านนายบ๊อบ บรอดฟุต กรรมการผู้จัดการของเพอร์ค สำนักงานให้คำปรึกษาด้านความเสี่ยงทางการเมืองและเศรษฐกิจ ที่ฮ่องกงมองว่า เที่ยวบินปฐมฤกษ์ คือ การย้ำภาพความเป็นผู้บริหารแบบซีอีโอของพันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร

นักวิเคราะห์จากเพอร์คบอกว่า พันตำรวจโททักษิณ ชินวัตร มีสไตล์การบริหารที่มุ่งเน้นว่า เขาคุมสถานการณ์ได้ ซึ่งจำเป็นสำหรับการผลักดันโครงการใหญ่ๆ อย่าง ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ ที่มีเรื่องอื้อฉาวหลายเรื่อง และยังล่าช้ากว่ากำหนดด้วย

นายบ๊อบ บรอดฟุต เสริมด้วยว่า ขณะนี้รัฐบาลไทย กำลังผลักดันเรื่องโครงการเมกะโปรเจคท์ ซึ่งต้องใช้เงินงบประมาณสูงถึงประมาณ 1.7 ล้านล้านบาท

ที่มา : http://www.bbc.co.uk/thai/news/story/2005/09/050929_2330g280905tx.shtml