ประชาไท 9 พ.ย. 48 - ที่สมาคมพัฒนาประชากรและชุมชน เมื่อวันที่ ๙ พฤศจิกายน ๔๘ นายจอน อึ๊งภากรณ์ สว.กรุงเทพฯ ในฐานะประธานคณะกรรมการจัดงาน "มหกรรมเอดส์ภาคประชาชน" ร่วมกับตัวแทนเครือข่ายคนทำงานด้านเอดส์ แถลงข่าวว่า สถานการณ์เอดส์ในประเทศไทยยังน่าเป็นห่วง รัฐบาลชุดนี้ไม่ให้ความสำคัญกับการรณรงค์แก้ปัญหาเรื่องเอดส์เท่าที่ควร โดยเฉพาะนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร ที่ไม่เคยให้ความสำคัญมาร่วมการประชุมเอดส์ชาติ มอบหมายให้เพียงรองนายกรัฐมนตรีผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนมาร่วมประชุม ทำให้รัฐบาลชุดนี้ไม่มีคนเข้าใจปัญหาและรับผิดชอบเรื่องดังกล่าวอย่างแท้จริง

สำหรับงบประมาณแก้ปัญหาเอดส์ที่จะกระจายไปในแต่ละจังหวัดโดยหลักการแล้วดี แต่อาจมีปัญหาถ้าไม่มีนโยบายหรือทิศทางร่วม เพราะการตัดสินใจใช้เงินขึ้นอยู่กับผู้ว่าราชการจังหวัด ถ้าผู้ว่าจังหวัดใดไม่ให้ความสำคัญในการแก้ปัญหาเอดส์ ก็เท่ากับว่างบประมาณที่รัฐบาลจัดสรรให้ไปนั้นสูญเปล่า

นายจอนได้ย้ำด้วยว่า การร่วมกำหนดนโยบายและทิศทางในการใช้งบประมาณ จำเป็นต้องมีการมีส่วนร่วมจากภาคประชาสังคม ซึ่งที่ผ่านมาในการดำเนินการแก้ปัญหาเอดส์ ภาคประชาชนมีบทบาทมาก ดังการจัดงาน "มหกรรมเอดส์ภาคประชาชน" ขึ้นที่ท้องสนามหลวง ระหว่างวันที่ ๒๓-๒๕ พฤศจิกายนนี้ เพราะต้องการที่จะให้เครือข่ายภาคประชาชนทุกเครือข่าย อาทิ พนักงานบริการ ผู้ใช้ยา กลุ่มชาติพันธ์ หรือผู้สูงอายุมาร่วมกันเพื่อสื่อสารให้รัฐบาลมีนโยบายในการแก้ปัญหาเอดส์ที่ชัดเจนและสร้างความเข้าใจที่ถูกต้องเรื่องเอดส์แก่ประชาชนทั่วไป นายจอนกล่าว

ด้านนางสาวภาวนา เหวียนระวี ผู้อำนวยการฝ่ายวิชาการองค์การพัฒนา (แพธ) กล่าวว่า เป็นที่น่าสนใจว่า ปัจจุบันผู้หญิงที่รักเดียวใจเดียวติดเชื้อมากกว่าหญิงบริการ เพราะหญิงบริการรู้จักใช้ถุงยางฯ ป้องกันเอดส์ ส่วนผู้หญิงที่รักเดียวใจเดียวติดเชื้อ เพราะไม่เคยพูดคุยเรื่องเพศกับคู่ของตน  อย่างการใช้ถุงยางอนามัย อาจเพราะกรอบความคิดของสังคมว่าเรื่องเพศเป็นเรื่องที่ไม่ควรพูดถึง ทำให้คนไม่กล้าคุยกันเรื่องนี้

นายนิมิตร์  เทียนอุดม  ผู้อำนวยการมูลนิธิเข้าถึงเอดส์  กล่าวย้ำในตอนท้ายว่า หากใครเคยไปงาน "จากรากหญ้าสู่รากแก้ว" ที่เมืองทองธานีก็อยากเชิญชวนให้มางานนี้ แล้วจะรู้ว่าเป็นหญ้าคนละต้น สิ่งที่เราจะทำ ไม่ใช่การร้องขอรัฐ แต่เป็นอีกมุมหนึ่งที่เราจะมาทำให้ดู ที่ผ่านมาเราไม่ได้รอให้รัฐทำเราเริ่มทำด้วยตัวเราเอง