ประชาไท11 พ.ย.48 รมว.พลังงาน เตรียมพร้อมชี้แจงศาลปกครองสูงสุด เชื่อไม่กระทบความมั่นใจนักลงทุน ระบุจะแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการไฟฟ้าขึ้นมาดูแลผู้บริโภค ด้านปิยสวัสดิ์ ชี้จำเป็นต้องมีมาตรการควบคุมก่อนนำ กฟผ. เข้าตลาดหุ้น ชี้หากศาลเลื่อนตัดสินอีกอาจเกิดความสับสนกับประชาชนและนักลงทุน ฝ่ายองค์กรภาคประชาชนจับมือม็อบเบียร์ช้างนัดชุมนุมใหญ่ที่สนามหลวง18 พ.ย.นี้
นาย
นายวิเศษ กล่าวว่าการแปรรูป กฟผ.ก่อให้เกิดผลดีและไม่ได้ทำให้ค่าไฟฟ้าปรับแพงขึ้นเมื่อเทียบกับไม่ได้แปรรูป โดยเมื่อกระจายหุ้นไปแล้วจะทำให้เกิดการเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของ กฟผ. มีความคล่องตัวในการระดมทุนรูปแบบต่างๆ ซึ่งจะใช้รูปแบบเดิมไม่ได้อีกแล้ว เนื่องจากรัฐประกาศชัดเจนว่าจะไม่เข้ามาค้ำประกันหนี้ เพราะไม่ต้องการเพิ่มหนี้สาธารณะของประเทศ
สำหรับการคุ้มครองผู้บริโภคนั้น จะมีแต่งตั้งคณะกรรมการกำกับกิจการไฟฟ้า (Regulator) ขึ้นมาดูแลทั้งด้านราคา การแข่งขันการผลิตไฟฟ้าในอนาคตที่เปิดให้ภาคเอกชนหรือไอพีพี เข้ามาผลิตไฟฟ้า และดูแลเรื่องการบริการ โดยในเรื่องของสายส่งไฟฟ้า แม้จะไม่มีการแยกบริษัทออกมาจาก กฟผ.แต่คณะกรรมการกำกับฯ จะเข้าไปดูแล และเปิดให้เอกชนเข้ามาใช้สายส่งได้เช่นกัน โดยกระทรวงพลังงานจะเสนอต่อคณะรัฐมนตรีให้มีการแต่งตั้งคณะกรรมการดังกล่าวเป็นการชั่วคราวจำนวน 7 คน ภายในเดือน พ.ย.นี้ ก่อนที่หุ้น กฟผ. จะเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในวันที่ 30 พ.ย.นี้
รมว.พลังงาน กล่าวอีกว่า กฟผ.ได้มีการกำหนดค่าไฟฟ้าหลังแปรรูปไว้อย่างชัดเจน โดยในช่วง 3 ปีนี้ ค่าไฟฟ้าฐานจะไม่เปลี่ยนแปลง ขณะที่ค่าไฟฟ้าอัตโนมัติ (เอฟที) จะมีการเปลี่ยนแปลงตามค่าเชื้อเพลิงเป็นหลัก ขณะเดียวกันอัตราผลตอบแทน 8.3% ที่กำหนดให้กฟผ. ต้องได้รับ เป็นผลตอบแทนที่เกิดขึ้นจากการลงทุนที่เป็นการกำหนดขึ้นตามปกติของการกำหนดค่าไฟฟ้าส่งระหว่างการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค การไฟฟ้านครหลวง และการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ไม่ใช่ผลตอบแทนแก่นักลงทุนแต่อย่างใด
ด้านนาย
"องค์กรที่ยังเป็นรัฐวิสาหกิจนั้นรัฐบาลสามารถสั่งได้ ไม่ว่าจะให้ลงทุนเพิ่มหรือลดค่าไฟ แต่ถ้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แล้ว แม้แต่มติ ครม.ก็ไม่ง่ายเท่าไร จึงจำเป็นต้องมีกฎหมายขึ้นมาเพื่อกำกับดูแลเป็นการเฉพาะ ที่สำคัญต้องมีมาตรการด้านค่าไฟที่ชัดเจนและสร้างความมั่นใจได้ว่าต่อไปจะรักษากติกาอย่างเคร่งครัดโปร่งใส โดยจะต้องรับฟังความคิดเห็นอย่างทั่วถึงเสียก่อน"นายปิยสวัสดิ์ กล่าว
นอกจากนี้ นายปิยสวัสดิ์ยังเห็นว่าบรรดานักลงทุนต่างก็ต้องการซื้อหุ้น กฟผ.กันทั้งนั้น สำหรับราคาขายในตอนนี้อาจไม่ดีนัก เนื่องจากปัญหาความไม่ชัดเจนในหลายเรื่องส่งผลให้ กฟผ.เสนอขายเพียงราคาหุ้นละ 25-28 บาท จะทำให้มีรายได้ประมาณ 1.7 แสนล้านบาท จากเดิมที่ กฟผ.ประมาณมูลค่าการขายหุ้นในตลาดหลักทรัพย์ครั้งนี้ไว้ถึง 3 แสนล้านบาท
อย่างไรก็ตาม ประธานมูลนิธิพลังงานไทยเพื่อสิ่งแวดล้อม ไม่ขอแสดงความเห็นต่อกรณีองค์กรภาคประชาชนยื่นฟ้องต่อศาลปกครองสูงสุด แต่แสดงความเห็นว่าผลคำตัดสินถ้าออกมาคงไม่มีปัญหาว่าจะเดินหน้าต่อไปหรือไม่ แต่ถ้าศาลยังไม่มีคำตอบในวันที่ 15 พ.ย.นี้ก็จะทำให้เกิดความคาราคาซัง และจะก่อให้เกิดความสับสน คนที่จะจองหุ้นก็ไม่รู้จะทำยังไง
ด้านนาย
ขณะเดียวกัน นาง
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)