Skip to main content
sharethis


วสันต์ สิทธิเขตต์ เป็นศิลปินที่มีผลงานเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ผลงาน "แรงๆ" ของเขากำลังจะถูกนำมาจัดแสดงในมหานครนิวยอร์ค และลอส แอนเจลิส ในช่วงเดือนเมษายน นั่นทำให้เขาต้องเดินทางมา "สร้างงาน" ที่อเมริกาในช่วงที่การต่อสู้ทางการเมืองในประเทศไทยที่เขามีส่วนร่วมด้วยตั้งแต่ต้นกำลังถึง "จุดเดือด"


"งานผมในช่วง 6-7 เดือนที่ผ่านมานี่ ผมโฟกัสอยู่แต่เรื่องสังคมบ้านเมือง งานผมส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องชีวิตความเป็นอยู่ สภาพชีวิตของคนในสังคม ความทุกข์ความสุข ความหวังความใฝ่ฝัน และผูกพันไปถึงการเมือง งานผมจะมีเนื้อหาอยู่แถวนี้"


 


วสันต์ สิทธิเขตต์ เป็นศิลปินอิสระที่ต่อสู้กับความไม่ถูกต้องในสังคมมาอย่างยาวนาน เช่นบทเริ่มต้นของการสนทนากับเราที่ว่า "ผมไล่ชวน ไล่จิ่ว ไล่บรรหาร ไล่มาตลอดเลย จนคนเขาสงสัยว่ามาไล่รัฐบาลทำไม ไม่มีรัฐบาลไหนดีเลยหรือไงในสายตาคุณ"...


 


วสันต์ สิทธิเขตต์ คือผู้ก่อตั้ง "สหพันธ์ศิลปินเพื่อประชาธิปไตย" ก่อนที่จะคลี่คลายมาเป็น "เครือข่ายศิลปินแห่งประเทศไทย" ทำงานร่วมกับพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย อยู่ในปัจจุบันนี้ เขาบอกว่าศิลปินก็เหมือนประชาชนคนไทยทั่วไป เพียงแต่ศิลปินอาจมีเวลาคิดใคร่ครวญถึงสภาพความเป็นไปทางสังคมมากกว่า จึงอยากใช้ผลงานศิลปะของตนเป็น "สื่อ" ให้มวลชนได้รับรู้ถึงปัญหาที่เกิดขึ้น เพราะ "สื่อ" ที่มีอยู่ในประเทศไทยยังไม่มีคุณภาพเพียงพอ


 


 


"ผมก็ไปรับรู้เรียนรู้ว่าจะสร้างเขื่อนแล้ว จะตัดป่าแล้วเราช่วยเหลืออย่างไร เราก็ไปสร้างขบวนการชาวบ้าน เพื่อให้ชาวบ้านปกป้องผลประโยชน์ของตัวเอง นั่นคือหน้าที่ของศิลปิน ผมเชื่ออย่างนั้น


 


กับสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน ภายใต้การบริหารประเทศโดยนายกรัฐมนตรีชื่อ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นั้น เรื่องราวความ "ไม่ชอบธรรม" ในด้านต่างๆ มีมากมายมหาศาล จนวสันต์ สิทธิเขตต์ บอกกับเราว่า "นายกฯ ทักษิณ คือผู้นำที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่เราเคยมี ให้บวก อีดี้ อามินบวกฮิตเล่อร์ ยังไม่เท่าทักษิณคนเดียว"


 


วสันต์ สิทธิเขตต์ บอกว่า เขาไม่ได้ตั้งเป้าเอาไว้เพียงแค่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร หรือนักการเมืองโกงกินคนอื่นๆ จะต้องพ้นไปจากวิถีการเมือง และถูกตรวจสอบตามกระบวนการยุติธรรมเท่านั้น แต่เขาต้องการ "ล้างบางทางการเมือง" ให้เกิดการเมืองแบบอุดมคติ ไม่มีการโกงกินคอรัปชั่น ได้นักการเมืองที่เสียสละจริงๆ เข้ามาทำงาน โดยมีประชาชนทั้งประเทศ โดยเฉพาะระดับรากหญ้าเข้ามาในกระบวนการทางการเมืองภาคประชาชน คอยตรวจสอบอย่างเข้มงวด... เป็นระบบการเมืองที่เขาบอกว่าอาจต้องรออีกห้าร้อยชาติ


 


"แต่ผมก็ทำเต็มที่ในช่วงที่ผมมีชีวิตอยู่ กลับไปผมจะเดินสายทั่วประเทศ ตายก็ตาย ผมไม่สนอยู่แล้ว"


 


เป็นที่ยอมรับว่า ยังมีคนไทยอีกเป็นจำนวนมากทั้งในประเทศไทยและในสหรัฐอเมริกา ที่ให้การสนับสนุนนายกรัฐมนตรี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และคนกลุ่มนี้มองว่าสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี คือการให้ข่าวสารด้านเดียว และมอมเมาประชาชน


 


"ก็เข้าใจนะ บางคนเปิดเข้ามาก็เจอ ทักษิณออกไป ไล่กันเหมือนหมูหมา ตกใจ เกิดการต่อต้านทันที เฮ้ย ทักษิณไม่มีดีเลยเหรอถึงไล่กันแบบนี้ มันหยาบช้าป่าเถื่อน แต่จริงๆ แล้วกระบวนการมันพัฒนามานานกว่านั้น มันเริ่มต้นมาตั้งแต่การฆ่าตัดตอน การอุ้มทนายสมชาย ฆ่าผู้นำชาวบ้านไปกี่คน เราเห็นด้วยกับการปราบปรามยาเสพติด แต่การฆ่าโดยไม่มีการพิสูจน์หลักฐานมันไม่ควร และยาเสพติดก็ยังอยู่ ยาบ้าก็ยังมีอยู่มากมาย ฆ่าคนเล็กๆ น้อยๆ ฆ่าศัตรูการเมืองเท่านั้น ชาวบ้านก็เอ้อ! ดีๆ ถึงลูกถึงคนดี สื่อมวลชนอย่างสรยุทธเองก็หวาดกลัว เพราะเอเอสเป็นคนสนับสนุน หรือ ปตท.อะไรอย่างนี้ เขาเคยถูกทักษิณด่าตรงๆ เลย ไอ้บ่างช่างยุ เขาเลยชะงัก ทำอะไรไม่ถูกเลย เพราะฉะนั้น ถ้าจะว่าสนธินี่ เราก็ต้องดูสื่ออื่นด้วย... ผมอยากชี้แจงว่า ห้าปีที่ผ่านมา สื่อถูกครอบงำโดยรัฐทั้งสิ้น... ผมก็ฟันธงเลยนะว่า สื่อมวลชนไทยไม่มีมาตรฐานเลย มาตรฐานต่ำมากในวันนี้"


 


อย่างไรก็ดี เหตุการณ์วุ่นวายทางการเมืองในเวลานี้ วสันต์ สิทธิเขตต์ บอกว่า ไม่ใช่เป็นเรื่องระหว่าง สนธิ ลิ้มทองกุล กับพ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร แต่คือการประลองกำลังกันระหว่างความถูกต้องชอบธรรม และความอยุติธรรม หากผลแห่งการประลองกำลังดังกล่าว จะทำให้ประชาชนชาวกรุงเทพฯ ต้องเดือดร้อนบ้าง เพราะการจราจรติดขัด หรือเกรงว่าจะส่งผลกระทบในเศรษฐกิจ การลงทุน หรือการท่องเที่ยวบ้าง ฯลฯ ประชาชนก็ต้องเลือกเอาว่าอย่างไหนจะสร้างความเสียหายร้ายแรงให้กับประเทศชาติและประชาชนมากกว่ากัน


 


ประเด็นความดุเดือดรุนแรงของกลุ่มพันธมิตร ที่คนไทยในสหรัฐฯ ส่วนหนึ่งได้เห็นผ่านทางสถานีเอเอสทีวี ตลอดเวลาที่ผ่านมา และเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ทำให้หลายๆ คน "รับไม่ได้" นั้น วสันต์ สิทธิเขตต์ กล่าวว่าตนก็รู้สึกเช่นเดียวกัน และได้คุยกับกลุ่มพันธมิตรมาตั้งแต่ต้นให้พูดคุยกันด้วยเหตุผล อย่าใช้อารมณ์


 


"เคยคุยตั้งแต่วันที่ 4 กุมภา แล้ว ตอนนั้นพันธมิตรเข้ามาร่วมมากแล้ว เราเรียกว่าเป็นการชุมนุมเพื่อรับข้อมูลข่าวสารด้วยเหตุผล เรื่องเอฟทีเอ เรื่องไฟฟ้า เรื่องชาวนา พันธมิตรจากทุกภาคส่วน ที่เป็นเอดส์ เรื่องยา เรื่องเอฟทีเอ เรื่องโค กลุ่มครู เพื่อมาชี้แจงให้ประชาชนในกรุงเทพฯ เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ก็มีหลากหลายส่วน หลายอารมณ์ไง จากพูดถึงข้อมูลมันก็มาถล่มกัน ทักษิณต้องออกไป อารมณ์รุนแรง ผมเอง ฟังๆ ก็เบื่อคำเหล่านี้ น่าจะมีครีเอทีฟ มีอารมณ์ขันนะ... มีเพลงแปลงบ้าง ตลบขบขันบ้าง ไม่ใช่มาสาดสีเข้มๆ สีเดียว อยากให้มีสีสันเหมือนดอกไม้เบ่งบาน ดอกไม้แห่งความจริงน่ะ"


 


ส่วนปัญหาติดล็อคทางการเมือง โดยที่ทุกฝ่ายต่างไม่ยอมลดลาวาศอกกันในตอนนี้ ทำให้เกิดมีกลุ่มคนที่เบื่อหน่าย อยากให้เหตุการณ์ยุติ โดยการขอให้เห็นแก่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เนื่องในวโรกาสอันเป็นมหามงคลที่ทรงครองราชย์ครบ 60 ปี การอ้างศูนย์รวมใจของไทยทั้งประเทศ ซึ่งเชื่อว่ามีผลอย่างมากในการลดทอนความฮึกเหิมของคนที่จะเข้ามาสนับสนุนกลุ่มพันธมิตรนั้น วสันต์ สิทธิเขตต์ ปฏิเสธที่จะแสดงความคิดเห็นว่าเป็นการ "ดึงเบื้องสูง" ลงมาเป็นเครื่องมือทางการเมืองหรือไม่ แต่บอกเพียงว่าทุกคนรักในหลวง


 


"สิ่งหนึ่งที่อยากฝากไว้คือสิ่งที่พันธมิตรเคยพูดไว้ตั้งแต่ต้น ที่สู้ทุกวันนี้ก็เพื่อในหลวง ไม่อยากให้คนฉ้อฉล ที่ยังพิสูจน์ไม่ได้ว่าถูกผิดดีเลวอย่างไรมาทำพิธีกรรมอันศักดิ์สิทธิ์ให้กับในหลวงซึ่งเป็นที่รักของประชาชนทุกคน ขอให้เข้าใจแบบนี้ การจะเปลี่ยนประธานจัดงานเป็นองคมนตรี ซึ่งมีความเหมาะสมมากกว่า ผมเห็นด้วย เพราะปลดล็อคได้อันหนึ่ง ไม่งั้นคนก็คลางแคลงใจ และฝ่ายรัฐบาลเองก็พยายามปล่อยข่าวเรื่องนี้ว่าในหลวงให้เลิกทะเลาะกัน เรื่องนี้ขอบอกว่าไม่ใช่เรื่องทะเลาะกันระหว่างทักษิณกับสนธิ แต่เป็นเรื่องของรัฐบาลที่ฉ้อฉลกับประชาชน เมื่อประชาชนเกิดรู้ขึ้นมา อยากบอกว่า"


 


เมื่อถามถึงประเด็น "นายกรัฐมนตรีพระราชทาน" ซึ่งกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้เสนอให้เป็นทางออกของการติดล็อคทางการเมืองในเวลานี้ วสันต์ สิทธิเขตต์ บอกว่าน่าจะเป็นทางออกที่สวยที่สุดในขณะนี้


 


"มาตราเจ็ด คิดว่าเป็นทางออก ทุกคนก็เหนื่อยนะ คุณจำลองนั่น 14 ปีแล้วนะจากพฤษภาทมิฬ ท่านก็ 70 ปีกว่าแล้ว ก็คงต้องมองกันแล้วว่าเราจะหาทางออกอย่างไรที่ละมุนละม่อมที่สุด เราก็ได้หวังว่าในหลวงท่านจะทรงเมตตา เพราะเป็นปีมหามงคลด้วย คิดว่าเป็นทางออกเพียงทางเดียว"


 


โดยย้ำว่า จะต้องพระราชทานลงมาก่อนวันที่ 2 เมษายน 2549 ซึ่งเป็นวันเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรด้วย... หาไม่จะต้องเกิดการนองเลือดขนานใหญ่อย่างแน่นอน


 


"ถ้าหลังวันที่สองก็คงต้องตายกันแน่ วายวอดเลย ตายกันเป็นหมื่นเป็นพันแน่... ทำไมน่ะเหรอ...การเลือกตั้งที่เกิดขึ้น เป็นการเลือกตั้งเพื่อปกป้องคนๆ คนเดียว ทักษิณจะอ้างจำนวนคน เขาเอาจำนวน ไม่ใช่คุณภาพของประชาชน ถ้าทักษิณกลับมา คงมีคนถูกอุ้มถูกฆ่ากันอีกเยอะ เพราะขบวนการอุ้มฆ่านี่ ตำรวจถนัดที่สุด อีกอย่างนะ ถ้าผ่านวันที่ 2 เมษาไปแล้ว หรือเกิดมีการใช้ พรบ. ฉุกเฉินขึ้นมาเพื่อจะบล็อคคน การก่อการร้ายต้องเกิดขึ้นทั่วกรุงเทพฯ แน่นอน เพราะคนไม่มีทางออกแล้ว ไม่มีที่ระบายออกแล้ว คนพร้อมที่จะทำทุกสิ่งทุกอย่างแล้ว ทางเดียวที่จะเกิดสันติสุขได้คือนายกฯ ทักษิณต้องออกไป คือต้องเสียสละ เพื่อชาติจริงๆ ไม่ใช่จะดันทุรังไป เอาปริมาณมาข่มขู่เยาะเย้ย เป็นความดันทุรังที่สร้างความเสียหายให้บ้านเมืองแบบวายวอดจริงๆ"


 


"คิดดู ไม่เคยมีนายกฯ คนไหนโดนคณาจารย์ไล่กันขนาดนี้ เป็นด็อกเตอร์ที่สั่งสอนลูกศิษย์ลูกหาลูกหลานพวกเรา จะไปบอกว่าอาจารย์โง่เหรอ แล้วเราส่งลูกไปเรียนหนังสือทำไม เผามหาวิทยาลัยทิ้งสิ ประชาชนที่รักทักษิณทั้งหลาย ธรรมศาสตร์เผาทิ้งไป จุฬาฯ เผาทิ้งไป ศิลปากรเผาทิ้งไป... งั้นเหรอ นั่นคือสิ่งที่อยากให้เราได้ตั้งสติ คิดนะครับ ผมเองก็เป็นห่วงมาก ไม่อยากให้เสียเลือดเนื้อเลยแม้แต่หยดเดียว..."


 


เรื่องหนึ่ง ที่วสันต์ สิทธิเขตต์ แสดงความห่วงใยก็คือ ความชาชินของประชาชนไทยต่อมาตรฐานที่ค่อนข้างต่ำของผู้นำประเทศ เห็นได้จากข้อโต้แย้งของกลุ่มสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ที่ว่า "รัฐบาลไหนๆ ก็โกงทั้งนั้น" และบอกว่านั่นคือที่มาของแนวคิดเรื่อง "ล้างบางการเมือง" ของตน


 


"ผมเองที่บอกว่าเราจะล้างบางการเมืองคือไม่อยากให้คนชาชินกับการคดโกง อยากให้นักการเมืองคือคนที่เสียสละ ถ้าทำได้ก็อยากจะร่างรัฐธรรมนูญด้วยบางข้อในส่วนที่เกี่ยวกับการเลือกตั้ง ใครจะเสนอหน้ามาเป็นนักการเมืองก็ต้องยึดทรัพย์ก่อนเลย กินแค่เงินเดือน ก็อยู่ไป ถ้ามีเงินอะไรเกิดขึ้นก็จะได้รู้กัน คือมีสปายเกาะหัวกบาลตลอดเวลา ไปมั่วสาวที่ไหนหรือเปล่า มันต้องคลีน ผมอยากให้เป็นอย่างนั้น อยากได้คนเสียสละเพื่อชาติจริงๆ ไม่ใช่มาเป็นรัฐมนตรีเพื่อประโยชน์... รู้ว่า อ๋อจะตัดถนนผ่านแถวนี้เหรอ กูไปซื้อที่ดินดักไว้ก่อนแล้ว ความร่ำรวยมันเกิดจากแบบนี้ รวยแล้วเลี้ยงลูกน้อง ใครฟ้องกูเอาปืนไปยิงหัวมัน เราไม่อยากให้สังคมไทยเป็นอย่างนี้ ต้องรณรงค์กันเป็นการใหญ่ให้คน "สำนึก" ว่าการคอรัปชั่นไม่ใช่เรื่องปกติ เป็นความผิด ให้สำนึกว่าคอรัปชั่นหนึ่งบาทกับร้อยล้านบาท ชั่วพอกัน คอรัปชั่นคือคอรัปชั่น อย่าไปชาชิน เราต้องช่วยกัน"


 


แต่ไม่ใช่ว่านายกรัฐมนตรีรักษาการ จะไร้ซึ่งความดีโดยสิ้นเชิงในสายตาของวสันต์ สิทธิเขตต์


 


"ต้องขอบคุณทักษิณ ที่ทำให้การเมืองภาคประชาชนเติบโตชนิดก้าวกระโดดเลย คือจากอนุบาลโดดมาปริญญาเอกเลย"


 


แถมยังแสดงความเมตตาสงสารนายกรัฐมนตรีรักษาการด้วยว่า จำเป็นต้องดื้อรั้นดันทุรังอยู่ทุกวันนี้ เพราะไม่มีทางออกจริงๆ หาใช่ไม่เห็นแก่ความสงบสุขของชาติบ้านเมืองไม่


 


"เขาไม่ไปเพราะเขากลัว กลัวจะถูกเช็กบิล กลัวคดีหลายคดีเช่นฆ่าคนบริสุทธิ์ไปตั้ง 200-300 คน อาจถูกยึดทรัพย์ เงินที่ได้มาจากการปั่นหุ้นน่ะ แล้วก็กรณี ซีทีเอ็กซ์ กรณีลำไย ทุกสิ่งทุกอย่างที่ถูกกลบไว้จะถูกเปิดออกหมด ถ้าเขาหมดอำนาจ แล้วเขาจะไม่เหลืออะไรเลย ผมเองก็สงสารท่านนายกฯ จริงๆ นะ..."


 


เมื่อถามถึงบทบาทของกลุ่มพรรคฝ่ายค้านในเรื่องนี้ วสันต์ สิทธิเขตต์ ส่ายหน้า แล้วกล่าวว่า "ฝ่ายค้านผมก็ไล่เขามานะ เลวพอๆ กัน เราไปล็อบบี้กันอย่างมหึมาสามวันสามคืน ไม่หลับไม่นอน เพื่อเรียกร้องให้บอยคอตเลือกตั้งวันที่ 2 แต่ก็ยังมีต่อรองกันเพื่อจะมีเงินสะพัดมาทางเขาอีกนะ ออกเหอะๆ กูจะให้เงินมึงพันล้าน ให้เทพ เทือก ไปจัดการ... เทพ เทือกก็ยังใช้ได้แหละ ในทางการเมือง แต่ว่าฝ่ายค้านไม่มีน้ำยาจริงๆ คืออ่อนหัดมาก และตัวเองมีบาดแผลเยอะแยะมากมาย"


 


ถามว่า อยากฝากอะไรถึงคนไทยในอเมริกาบ้าง วสันต์ สิทธิเขตต์ บอกว่ามีสองอย่าง หนึ่งคือให้ติดต่อกลับไปยังญาติพี่น้องที่ประเทศไทย และให้ข้อมูลที่แท้จริงว่าเกิดอะไรขึ้นกับประเทศชาติ และสองคือให้ส่งเงินกลับไปคนละ 200 ดอลลาร์ เพื่อให้ญาติที่เมืองไทยติดตั้งจานรับสัญญาณดาวเทียมของเอเอสทีวี เพื่อให้ได้รับข่าวสารทั้งสองด้าน


 


ส่วนการเลือกตั้งนอกราชอาณาจักรของคนไทยในอเมริกานั้น วสันต์ สิทธิเขตต์ บอกว่าให้กาช่องไม่เลือกใครสักคน "ผมเสนอมาตั้งแต่เลือกตั้งคราวที่แล้วโน้น แล้วให้นับด้วย ถ้าคนไม่เลือกมีมากกว่า ก็ให้คนที่ไม่เลือกนี่ตั้งรัฐบาลใหม่ขึ้นมา ตั้งสมัชชาประชาชนขึ้นมาเพื่อตั้งรัฐบาลประชาชนขึ้นมา หมายความว่าการเลือกตั้งเป็นโมฆะ เพราะคุณได้เสียงน้อยกว่าไง บอกได้ว่าการเลือกตั้งมันมีกระบวนการโกงตั้งแต่เริ่มต้นกันเลย เขาก็ชนะอยู่แล้ว แค่บัตรนะ ใครมีบัตรมาได้ตังค์ ชนะแล้วมารับตังค์ได้เลย มันเป็นอย่างนี้ตลอด เงินไม่มา-กาไม่เป็น นี่หรือประชาธิปไตย อยากบอกพี่น้องทุกคน เงินมาไม่มาก็อย่ากา อย่ากาใครสักคน เพราะไม่ไว้ใจใครสักคน นักการเมืองทุกคนคือโจรทั้งนั้น" เขาสรุปแบบฟันธง


 


เมื่อเราเอ่ยปากขอบทกวี ที่เขาแต่งเอาไว้มากมายจนเต็มสมุดโน้ตที่ถือติดมือตลอดเวลา วสันต์ สิทธิเขตต์ เลือกดูอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะอ่านกวีชื่อ "เมื่อรัฐบาลทำผิด" ที่เขาว่า "รุนแรงน้อยที่สุดแล้ว" ให้เราฟัง...


 


เมื่อรัฐบาลทำผิด


พลเมืองมีสิทธิ์วิพากษ์วิจารณ์


หากรัฐเป็นเผด็จการ


ประชาชนต้องคัดค้านโค่นมันลง


เพราะรัฐมาจากประชาชน


ต้องดูแลรักษาผลประโยชน์ร่วม


แก้ไขปัญหาของส่วนรวม


ไม่ใช่อัดประชาชนน่วมปล้นชาติกิน


ตั้งอภิมหาโครงการ


แหกตาชาวบ้านเพื่อหาเสียง


ใจแคบคับอคติลำเอียง


รมต.เรียงหน้าหาแดกกัน


พูดข้างเดียวโกหกทุกวัน


ประชาสัมพันธ์สร้างภาพสวย


สร้างตัวเลขเห็นแต่ฝูงท่านร่ำรวย


ปวงชนซวยจนซ้ำซากอยู่ดักดาน


 


………………………………………………..


 


ที่มา : ไทยทาวน์ ยูเอสเอนิวส์


 

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net