โดย สิริลักษณ์ ศรีประสิทธิ์ 25 เมษายน 2549
ปัญหาของแรงงานไทยไม่ได้มีเพียงการต่อสู้ระหว่างแรงงานไทยกับบรรษัทข้ามชาติเท่านั้น ในขณะนี้แม้แต่องค์กรอิสระที่ตั้งขึ้นเพื่อให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยก็พลอยติดร่างแหไปด้วย
จรรยา ยิ้มประเสริฐ ผู้ประสานงานโครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย ถูกกล่าวหาและดำเนินคดีจากบริษัท ปับบลิซิส ประเทศไทย (The Publicis Thailand) ในข้อหา หมิ่นประมาทโดยการโฆษณา เนื่องมาจากการเสนอข่าวการเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรมของบริษัทดังกล่าวลงในเวบไซต์ของโครงการฯ (www.thailabour.org) โดยเมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ที่ผ่านมา จรรยาได้เดินทางไปขึ้นศาลเป็นวันแรก เพื่อรายงานตัวสู้คดีหลังจากอยู่ในกระบวนการรับฟ้องของศาลอาญาใต้มานานกว่า 6 เดือน
รู้จักโครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย
สำหรับโครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทยนั้น ก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 15 กุมภาพันธ์ 2543 ทำหน้าที่รณรงค์เผยแพร่ข้อมูลความเคลื่อนไหวของแรงงานไทย โดยทำงานร่วมกับองค์กรแรงงานทั้งในระดับประเทศและสากล เพื่อรายงานสถานการณ์การต่อสู้ของขบวนการแรงงานไทย
โครงการฯ ได้เข้ามามีบทบาทสนับสนุนการต่อสู้ของคนงานอย่างจริงจัง ในกรณีของบริษัทมาสเตอร์ทอย โดยร่วมกับสหภาพแรงงานมาสเตอร์ทอย สภาศูนย์กลางแรงงาน สหพันธ์กระดาษและการพิมพ์แห่งประเทศไทย และสหภาพแรงงานพนักงานการรถไฟฯ โดยดำเนินการประท้วงและเผยแพร่เอกสารทั้งในภาษาไทยและภาษาอังกฤษ
นอกจากการสนับสนุนจากองค์กรในเมืองไทยแล้ว ยังได้รับการสนับสนุนจากองค์กรพันธมิตรซึ่งเป็นองค์กรด้านแรงงานกว่า 10 องค์กรในฮ่องกง โดยได้ทำการประท้วงหน้าบริษัทแม่ในฮ่องกงถึง 2 ครั้ง จนในที่สุด นายจ้างก็ยอมจ่ายค่าชดเชยและเงินทดแทนให้ลูกจ้าง
นอกจากงานด้านการรณรงค์แล้ว โครงการฯ ยังมีการทำวิจัยศึกษาและติดตามข้อมูลการละเมิดสิทธิแรงงานไทยของบริษัทต่างชาติ โดยเฉพาะบริษัทที่มีจรรยาบรรณแรงงาน (Codes of Conduct) ที่ให้การคุ้มครองทางด้านแรงงาน ไม่ว่าจะอยู่ในประเทศใดก็ตาม ซึ่งโครงการฯ ได้ติดตามบริษัทอุตสาหกรรมรองเท้า การตัดเย็บเสื้อผ้า และของเด็กเล่น โดยนำเสนอข้อมูลการละเมิดออกมาอย่างต่อเนื่องด้วย
ด้านผลงานวิจัย อาทิ เรื่อง "จรรยาบรรณด้านแรงงานสามารถส่งเสริมสิทธิแรงงานได้จริงหรือไม่? บทเรียนจากอุตสาหกรรมรองเท้าและตัดเย็บเสื้อผ้าแห่งประเทศไทย" (Can Corporate Codes of Conduct Promote Labor Standards? Evidence from the Thai Footwear and Apparel Industries) โดยจรรยา ยิ้มประเสริฐ และคริสโตเฟอร์ คัลแลนด์ ตีพิมพ์เป็นภาษาอังกฤษโดยศูนย์ข้อมูลแห่งเอเชีย (
ที่มาของคดี "หมิ่นประมาท"
สำหรับสาเหตุของการถูกฟ้องนั้น เริ่มมาจากการที่โครงการฯ รายงานข่าวการเลิกจ้างพนักงานของบริษัท ปับบลิซิส ประเทศไทย โดยมีเนื้อหาว่า
"บริษัท ปับบลิซิส เป็นบริษัทด้านการสื่อสารที่ใหญ่เป็นอันดับ 4 ของโลก บริษัทใหญ่ตั้งอยู่ที่ประเทศฝรั่งเศส บริษัทนี้ใหญ่ที่สุดในยุโรปและเป็นอันดับ 3 ในสหรัฐอเมริกา ซึ่งบริษัท ปับบลิซิส ประเทศไทย เป็นบริษัทสาขา เมื่อปี 2547 มีรายได้ทั้งหมดภายในกลุ่มบริษัทจำนวนมากกว่า 4.6 พันล้านดอลล่าร์สหรัฐ มีการจ้างพนักงานจำนวนกว่า 36,000 คน ใน 104 ประเทศ
ซึ่งขณะนี้ ปับบลิซิส ประเทศไทย ถูกกล่าวหาเรื่องการแบ่งแยก กีดกันในการทำงานต่อพนักงานเพศหญิงสูงวัยในระดับผู้บริหารจำนวน 5 คน เพราะเมื่อวันที่ 29 ตุลาคม 2547 บริษัทต้องการลดจำนวนพนักงาน จึงบังคับกลุ่มพนักงานหญิงดังกล่าวให้ออกจากงานโดยขอให้ลงนามในใบลาออก ซึ่งไม่มีผู้ชายคนใดหรือผู้หญิงที่อายุต่ำกว่า 40 ปีที่ถูกไล่ออกในครั้งนี้ ซึ่งมีพนักงานหญิงเพียงหนึ่งคนที่ยอมเซ็นใบลาออก ที่เหลือกลับถูกคุมขังในที่ทำงานซึ่งผู้บริหารขู่ว่าจะไม่ได้รับการปล่อยตัวหากไม่เซ็นยินยอมลาออก
พนักงานจึงได้เข้ายื่นดำเนินคดีที่สถานีตำรวจ และเข้าฟ้องต่อศาลแรงงานในวันที่ 1 เมษายน 2548 ในข้อหาการเลิกจ้างอย่างไม่เป็นธรรม ซึ่งเมื่อพิจารณาตามกฎหมายแรงงานไทย ปี 2541 "ลูกจ้างต้องไม่ถูกกีดกัน แบ่งแยกระหว่างเพศชาย-หญิง ด้วยลักษณะการทำงาน ค่าจ้าง ชาย-หญิงควรได้รับการดูแลอย่างเท่าเทียมกัน"
อย่างไรก็ตาม การกีดกันทางเพศต่อหญิงสูงวัย มีการวิจัยศึกษาภายในประเทศไทยพบว่า ผู้หญิงยังคงได้ค่าแรงต่ำกว่าเพศชายร้อยละ 20 ในลักษณะการทำงานประเภทเดียวกัน นอกจากนี้มีรายงานของธนาคารโลกในปี 2544 พบว่าผู้หญิงได้รับโอกาสก้าวหน้าในการทำงานน้อยกว่า และมักถูกคุกคามทางเพศในสถานที่ทำงานอีกด้วย"
การต่อสู้ที่เพิ่งเริ่ม
จรรยาเล่าว่า ในการสู้คดีนี้ มีทนาย 3 คน นอกจากนี้ ยังมีองค์กรพันธมิตรในไทย และสากล ยุโรป สหภาพแรงงานต่างๆ เสนอความช่วยเหลือและคอยเป็นกำลังใจให้จำนวนมาก
ในฐานะคนทำงานด้านการรณรงค์ ช่วยเหลือข้อพิพาทเกี่ยวกับแรงงานไทยมาหลายปี จรรยา ให้สัมภาษณ์ว่า คดีแบบนี้เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ แต่โครงการฯ ก็ยังยึดมั่นที่จะรณรงค์ทำให้เกิดจรรยาบรรณของนายจ้าง มาตรฐานการทำงานที่ดีในโรงงาน สวัสดิการค่าแรงที่เป็นธรรม ตลอดจนผลักดันกฎหมายแรงงานต่างๆ ต่อไป
"เราทำตามอุดมการณ์ขององค์กรที่มีเป้าหมายเพื่อสมานฉันท์แรงงานไทยกับแรงงานสากล ให้ตื่นตัวต่อสู้เพื่อสิทธิความมั่นคง ความปลอดภัยในการทำงาน การประกันการว่างงาน และมาตรการคุ้มครองแรงงานที่ทัดเทียมกับนานาประเทศ...ซึ่งเป็นพันธกิจขององค์กรที่ดำเนินมากว่า 5 ปี"
กระบวนการในศาลไม่เอื้อแรงงาน?
จรรยา ให้ความเห็นว่า สิ่งที่นำเสนอออกไปนั้นทุกอย่างเป็นความจริง ถึงอย่างไรก็คงต้องต่อสู้ต่อไป ซึ่งตนเองต่อสู้กับนายจ้างที่ละเมิดสิทธิแรงงานมามาก ดำเนินการผ่านกระบวนของศาล มีลูกจ้างมากมายที่ต้องเสียประโยชน์ และกระบวนการศาลก็ไม่เอื้อให้คนงานซึ่งเป็นคนจน คนตัวเล็กๆ ต่อสู้ได้เพราะคดีส่วนใหญ่มักยืดเยื้อ คนงานได้รับความกดดันทางภาวะ ฐานะทางเศรษฐกิจเพราะขณะที่ศาลดำเนินคดีอยู่ คนงานก็ตกงานไม่มีงานทำ สุดท้ายต้องยอมคดีไป
ทั้งนี้ โครงการฯ ก็ได้พยายามสู้ ช่วยคนงานที่ถูกเอารัดเอาเปรียบต่อสู้ด้วย และครั้งนี้ก็เป็นโครงการฯ เองที่ถูกฟ้องหมิ่นประมาท บางคดีที่คนงานพยายามสู้คดีอย่างที่สุด แต่ปรากฏว่าได้เงินชดเชยกลับมาเพียง 10,000-20,000 บาท ซึ่งเป็นค่าแรงขั้นต่ำเพียง 4-5 เดือน
นอกจากนี้ บางคดี สภาทนายความไม่รับคดี หรือรับคดีไว้ก็ไม่ดำเนินการต่อ บางคดีนายจ้างก็กดดันลูกจ้าง คนงานไม่มีเงินสู้คดี สุดท้ายคดีจึงตกไป ซึ่งต้องยอมรับว่ากระบวนการในการดำเนินคดีของศาลก็เป็นปัญหา ไม่เอื้อต่อลูกจ้างที่ฟ้องนายจ้างเลย
มุมมองของนายทุน อีกอุปสรรคของแรงงานไทย
จรรยา กล่าวว่า ปัญหาสำคัญอีกประการหนึ่งที่มีผลต่อการสภาวะแรงงานไทย คือ ทัศนะของผู้บริหารประเทศ อาทิ นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ที่มองแรงงานในมิติเพียงเพื่อสร้างคุณค่าทางเศรษฐกิจ แต่ไม่พูดถึงกฎหมายดูแลคุ้มครองสิทธิแรงงาน
ทิศทางการส่งเสริมกลับกลายเป็นนโยบายที่มุ่งส่งคนไปทำงานต่างประเทศเพื่อนำเงินเข้าประเทศ
ไม่เพียงเท่านั้น การร้องเรียน การฟ้องร้องนายจ้างของลูกจ้าง กลายเป็นการบั่นทอนเสถียรภาพความมั่นคงทางเศรษฐกิจ เกรงว่าภาพลักษณ์ของประเทศชาติจะเสียหาย ส่งผลต่อการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ เป็นต้น ซึ่งสิ่งเหล่านี้ทำให้ความถูกต้องและจริยธรรมของนายจ้างของโรงงานอุตสาหกรรมไม่ถูกดูแลควบคุม
"ทัศนะของนายจ้างก็เป็นสิ่งสำคัญ นายจ้างมักไม่ยอมรับเงื่อนไขการเจรจาต่อรอง และมักเลือกปฏิบัติต่อลูกจ้าง ส่วนลูกจ้าง คนงานเองก็มีความเข้าใจในมาตรฐานแรงงาน กฎหมายแรงงานน้อย แม้ว่าแรงงานไทยจะมีคู่มือในการยืนยันสิทธิในการหนุนช่วยแรงงานก็ตาม"
ทัศนะของนายจ้าง นายทุนมักจะแสวงหากำไรสูงสุดให้แก่ธุรกิจของตนเอง ยังคงมองคนว่าเป็นเพียงแรงงาน หรือเครื่องมือที่นำมาซึ่งเงินตราเท่านั้น ไม่ได้มองว่าแรงงานก็เป็นมนุษย์ที่พึ่งได้รับสิทธิ ความชอบธรรม และการดูแลที่เหมาะสม เท่าเทียม ปัญหาละเมิดสิทธิแรงงานคงเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องต่อไป
สุดท้ายแล้ว ไม่ว่าคดีความระหว่างบริษัท ปับบลิซิส ประเทศไทยกับจรรยา ยิ้มประเสริฐจะจบลงแบบใด การต่อสู้ระหว่างแรงงานไทยกับบรรษัทต่างชาติคงต้องดำเนินต่อไป ตราบใดที่โลกยังขับเคลื่อนด้วยมือของนายทุนที่เห็นเงินเป็นพระเจ้า!
..
เอกสารประกอบการเขียน
1. ข่าว "Pubilcis Groupe accused of discriminate sackings in
2. บทความ "ประสบการณ์ชีวิต" โดย จรรยา ยิ้มประเสริฐ โครงการรณรงค์เพื่อแรงงานไทย. มีนาคม 2549, www.thailabour.org
ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)