Skip to main content
sharethis

ภาคใต้ - หน่วยข่าวเตือน "สงขลา" ระวังเจอบึ้ม ตำรวจผวาเฝ้าระวังสถานที่ราชการ สั่ง รปภ.เข้ม สนามบินหาดใหญ่ - สถานีขนส่ง - สถานีรถไฟฯ เน้นอำเภอชายแดนเพิ่มมาตรการดูแลความปลอดภัย จัดกำลังตำรวจ - ทหาร ลาดตระเวนตลอดแนวพรมแดน


 


หวั่น "สงขลา" เจอบึ้ม


ภายหลังจากเกิดเหตุระเบิดระลอกใหญ่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ ระหว่างวันที่ 15 - 16 มิถุนยาน 2549 หน่วยงานข่าวกรองของรัฐได้แจ้งเตือนให้ระวังการก่อวินาศกรรมสถานที่ราชการในจังหวัดสงขลา ส่งผลให้ท่าอากาศยานนานาชาติหาดใหญ่ ต้องเพิ่มความเข้มงวดเกี่ยวกับมาตรการรักษาความปลอดภัยบริเวณสนามบินให้รัดกุมมากขึ้น โดยเฉพาะบริเวณปากทางเข้าออกท่าอากาศยานฯ ก่อนถึงอาคารผู้โดยสาร ขณะที่มาตรการรักษาความปลอดภัยสถานที่สาธารณะต่างๆ เช่น สถานีรถไฟชุมทางหาดใหญ่ สถานีขนส่งหาดใหญ่ ต่างเข้มงวดในการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น โดยทางสถานีตำรวจภูธรอำเภอหาดใหญ่ ได้จัดส่งกำลังตำรวจไปประจำ และส่งสายตรวจไปคอยสังเกตการณ์อยู่ตลอด


 


นอกจากนี้ พล.ต.ต.ไพฑูรย์ พัฒนโสภณ ผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดสงขลา ยังได้สั่งการให้สถานีตำรวจภูธรอำเภอในจังหวัดสงขลา ที่มีอาณาบริเวณติดต่อกับ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ และติดต่อกับชายแดนมาเลเซีย ประกอบด้วย อำเภอจะนะ อำเภอเทพา อำเภอนาทวี อำเภอสะบ้าย้อย อำเภอสะเดา และอำเภอหาดใหญ่ เพิ่มความเข้มงวดในการดูแลพื้นที่เป็นพิเศษ โดยให้เพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการ โดยเฉพาะพื้นที่เสี่ยง เช่น อำเภอเทพา อำเภอสะบ้าย้อย ให้ตั้งจุดตรวจจุดสกัดตามถนนสายหลักและสายรอง หากเกิดเหตุฉุกเฉินให้รีบวิทยุประสานไปยังพื้นที่ใกล้เคียงจัดส่งกำลังช่วยเหลือ


 


ขณะที่ด่านจังโหลน และด่านปาดังเบซาร์ อำเภอสะดา ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองได้เข้มงวดตรวจสอบหลักฐานการเดินทางเข้าออก และตรวจสอบรถยนต์ทุกคันอย่างละเอียด ขณะเดียวกันกองกำลังตำรวจและทหาร ที่ดูแลรอยตะเข็บแนวชายแดน ตั้งแต่จังหวัดสตูลจนถึงจังหวัดนราธิวาส ทั้งฝ่ายไทยและฝ่ายมาเลเซีย ต่างออกลาดตระเวนป้องกันการลักลอบเข้าออกประเทศในพื้นที่ป่าเขา ด้วยความเข้มงวดมากขึ้น โดยเฉพาะมีการจัดส่งกำลังทหารและตำรวจตระเวนชายแดน ออกลาดตระเวนแนวชายแดนด้านตำบลสำนักขาม และตำบลปาดังเบซาร์ อำเภอสะเดา จังหวัดสงขลา เป็นพิเศษ


 


บ้านอดีต ส.ส.นราฯเจอระเบิดปลอม


เมื่อเวลา 13.30 น. วันที่ 17 มิถุนายน 2549 คนร้ายได้โทรศัพท์ไปที่บ้านนายสุธิพันธ์ ศรีริกานนท์ อดีตสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรจังหวัดนราธิวาส พรรคไทยรักไทย หมู่ 6 ตำบลนาประดู่ อำเภอโคกโพธิ์ จังหวัดปัตตานี แจ้งว่า มีการวางระเบิดบริเวณศาลาทรงไทยหน้าบ้าน จึงได้แจ้งตำรวจและกำลังชุดเก็บกู้วัตถุระเบิดเข้ามาตรวจสอบ จากการตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยเป็นกล่องกระดาษ ภายในมีปลอกโทรศัพท์มือถือยี่ห้อโนเกีย และธงชาติไทยพันด้วยกระดาษกาว


 


ต่อมา คนร้ายได้โทรศัพท์แจ้งกับนายภูชาติ แซ่ตั้ง เจ้าของร้านวัสดุก่อสร้างนำเจริญค้าไม้และอุตสาหกรรม หมู่ 7 บ้านโคกม่วง ตำบลตุยง อำเภอหนองจิก จังหวัดปัตตานีว่า มีผู้ลอบวางระเบิดภายในร้าน จากการตรวจสอบพบวัตถุต้องสงสัยอยู่ในกระป๋องสี เมื่อเก็บกู้ด้วยการยิงปืนอัดแรงดันน้ำ พบว่าภายในมีเพียงธงชาติไทย


 


เบตงฝึกอาวุธราษฎรอาสาฯ


วันเดียวกัน ร.อ.โกวิท บุญกิจโนทัย ผบ.ฉก. 1031 ฉก. 14 เบตง จังหวัดยะลา ได้เปิดการฝึกอบรมราษฏรอาสารักษาหมู่บ้านกองพันเบตง ที่สนามกีฬากาญจนาภิเษก เขตเทศบาลเมืองเบตง เพื่อให้ราษฏรสามารถป้องกันหมู่บ้าน และชีวิตทรัพย์สินของตัวเองได้ โดยมีกำลังพลราษฏรอาสารักษาหมู่บ้านกองพันเบตงเข้ารับการฝึก 200 คน


 


ร.อ.โกวิท เปิดเผยว่า ผู้สำเร็จการฝึกอบรม มีขีดความสามารถในการใช้อาวุธประจำกาย คืออาวุธปืนลูกซองเพื่อป้องกันตัวเอง ป้องกันภัยหมู่บ้าน ตลอดจนได้รับความรู้เพิ่มเติมด้านงานการข่าว ด้านกฎหมายเบื้องต้น ด้านการปฐมพยาบาลเบื้องต้น และด้านการประกอบอาชีพเสริมต่างๆ


 


พ.ต.อ.ทรงเกียรติ์ วาทะกุล ผู้กำกับการสถานีตำรวจภูธรอำเภอเบตง เปิดเผยว่า ขณะนี้สถานีตำรวจภูธรอำเภอเบตง ได้เพิ่มมาตรการดูแลรักษาความปลอดภัยสถานที่ราชการในพื้นที่ โดยกำชับให้ตำรวจประสานกับกองกำลังในพื้นที่ เพื่อร่วมสนธิกำลังป้องกันการก่อเหตุร้าย และเพิ่มมาตรการรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ห้ามรถยนต์ รถจักรยานยนต์ เข้าจอดบริเวณสถานที่ราชการเด็ดขาด พร้อมกับประสานกับเทศบาลเมืองเบตงให้ติดตั้งทีวีวงจรปิดเพิ่มขึ้น และให้ประชาชน ช่วยเป็นหูเป็นตา หากพบวัตถุหรือผู้บุคคลต้องสงสัยให้แจ้งตำรวจโดยด่วน สำหรับการก่อเหตุครั้งนี้ ส่งผลให้การค้า การลงทุน การท่องเที่ยวของอำเภอเบตงทรุดลง


 


ตำรวจนราฯเสวนาโรงเรียนสอนศาสนา


เวลา 09.00 น. วันเดียวกัน ที่ว่าการอำเภอระแงะ จังหวัดนราธิวาส พล.ต.ต.วรพงษ์ ชิวปรีชา รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง และรองผู้บัญชาการศูนย์ปฏิบัติการตำรวจแห่งชาติส่วนหน้า จังหวัดยะลา เป็นประธานเปิดโครงการสัมมนาเชิงปฏิบัติการสานสัมพันธ์เสริมสร้างสันติสุข ระหว่างโรงพักกับโรงเรียนสอนศาสนาในพื้นที่จังหวัดนราธิวาส ซึ่งเป็นโครงการที่กองบังคับการตำรวจภูธรจังหวัดนราธิวาส จัดขึ้นมาเพื่อรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับเหตุการณ์ความไม่สงบจากผู้เข้าร่วมสัมมนา และเสริมสร้างความสัมพันธ์ระหว่างตำรวจกับบุคลากรในสถาบันสอนศาสนา ครู นักเรียนในพื้นที่


 


สำหรับผู้เข้าร่วมโครงการสัมมนา ประกอบด้วย ตัวแทนเจ้าของโรงเรียนสอนศาสนา ผู้นำศาสนา โต๊ะอิหม่าม/โต๊ะครู ครู และนักเรียนในพื้นที่กว่า 100 คน โดยกลุ่มคนเหล่านี้ ได้รับผลกระทบทางด้านจิตใจจากเหตุการณ์ความไม่สงบในพื้นที่ เนื่องจากถูกเจ้าหน้าที่เข้าไปปิดล้อมโรงเรียน และควบคุมตัวเจ้าของโรงเรียนมาสอบสวนอยู่เป็นระยะ

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net