Skip to main content
sharethis

ประชาไท--12 ส.ค. 2549 - พลเอกสายหยุด เกิดผล รองประธานมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย (PNET) ได้แถลงต่อผู้สื่อข่าวว่าในสัปดาห์หน้า องค์กรกลางฯ จะส่งจดหมายถึงพรรคการเมืองใหญ่ทั้ง 5 พรรค คือพรรคไทยรักไทย พรรคประชาธิปัตย์ พรรคชาติไทย พรรคมหาชน และพรรคประชาราช เพื่อสอบถามความเห็นว่ายินดีที่จะเข้าร่วมการประชันนโยบาย หรือ "ดีเบท" หรือไม่


 


หากแต่ละพรรคการเมืองส่งหัวหน้าพรรคของตนมาร่วมในการดีเบท ประชาชนก็จะได้มีข้อมูลเพียงพอว่าแต่ละพรรคมีนโยบายอย่างไร และถ้าพร้อมหรือไม่พร้อมอย่างไรก็ขอให้ตอบกลับมาภายในเวลาที่กำหนด และหากพรรคใดตอบกลับมาล่าช้า องค์กรกลางฯ จะถือว่าพรรคการเมืองนั้นไม่มีความพร้อม โดยการประชันนโยบายจะจัดขึ้นในช่วงประมาณ 2 สัปดาห์ก่อนวันเลือกตั้ง แต่เรื่องสถานที่จัดจะแจ้งให้ทราบในภายหลัง


 


นอกจากนี้ นายสมชัย ศรีสุทธิยากร ผู้ประสานงานองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตยกล่าวว่า ผลการสรรหาคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ทั้ง 10 คน เป็นที่น่าพึงพอใจ เนื่องจากการดำเนินการคัดเลือกมีความโปร่งใส ตรงไปตรงมา


 


ขณะนี้ที่ประชุมใหญ่ของศาลฎีกาได้ส่งมอบรายชื่อให้กับสมาชิกวุฒิสภาแล้ว เพื่อให้มีการประชุมพิจารณาในขั้นต่อไป ซึ่งนายสมชัยได้กล่าวต่อว่าจากท่าทีของส.ว.เท่าที่ผ่านมา ยังไม่อาจทำให้ประชาชนไว้วางใจการทำหน้าที่ของวุฒิสภาได้เท่าที่ควร เนื่องจากมีข่าวว่ามีการใช้กระบวนการบล็อกโหวต หรือการเรียกรับประโยชน์ในการเลือกตั้งแต่ละครั้ง รวมถึงการรับใบสั่งจากพรรคการเมืองว่าต้องการให้คนของใครเข้ามาทำหน้าที่เป็นองค์กรอิสระ


 


ดังนั้น สิ่งที่น่าเป็นห่วงในครั้งนี้ก็คือกระบวนการในการเลือกของวุฒิสภาอาจจะยังมีพฤติกรรมแบบเดิมๆ ที่สำคัญจะมีการบล็อกโหวตที่จะไม่เลือกคนใดคนหนึ่ง จึงอยากจะฝากไปถึงกกต.ชุดใหม่ว่าการเลือกตั้งที่เป็นไปด้วยความบริสุทธิ์และเที่ยงธรรมตามมาตรฐานสากลต้องประกอบด้วยกกต.ที่ดี เป็นกลาง สุจริตและเที่ยงธรรม ต้องมีการตรวจสอบโดยองค์กรเอกชน และต้องมีตัวแทนของนักการเมืองเข้าไปสังเกตการณ์ อย่างน้อย 2 คนมีที่นั่งในหน่วยเลือกตั้ง หากกกต.ชุดใหม่ทำเช่นนี้จะทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ดูดีได้


 


อย่างไรก็ตาม นายวรินทร์ เทียมจรัส เลขานุการมูลนิธิองค์กรกลางเพื่อประชาธิปไตย แนะนำว่าทุกภาคส่วนไม่ควรยึดติดกับวันเลือกตั้งดังกล่าว เพราะการเลือกตั้งที่สมบูรณ์ ต้องดูที่ความพร้อมของขั้นตอนในการทำงานเป็นหลัก พร้อมทั้งเรียกร้อง ให้กกต. ชุดใหม่จัดการตรวจสอบ ปรับปรุง ระเบียบข้อบังคับของ กกต. ที่ส่อเค้าขัดกฏหมาย เพื่อให้การจัดการเลือกตั้งครั้งต่อไปสามารถสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ประชาชน  ได้โดยปราศจากข้อท้วงติง


 


นอกจากนี้ นายวรินทร์ได้แสดงความเป็นห่วงว่ากกต. ชุดใหม่ มีแนวโน้มมาจากสัดส่วนสายตุลาการอาจจะ ไม่ถนัดเรื่องงานบริหาร จึงเสนอให้มีการใช้อำนาจตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 145 วงเล็บ 6 คือ การขอความร่วมมือหน่วยงานของรัฐและรัฐวิสาหกิจ มาสนับสนุนการปฏิบัติหน้าที่ดังกล่าวด้วย


 


ขณะเดียวกัน นางสาวสมศรี หาญอนันทสุข ผู้ประสานงานเครือข่ายเอเชียเพื่อการเลือกตั้งเสรี กล่าวว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าตนจะนำผู้สังเกตุการณ์นานาชาติ มาศึกษาและตรวจดูความเรียบร้อยในการเลือกตั้งของประเทศไทยด้วย

ร่วมบริจาคเงิน สนับสนุน ประชาไท โอนเงิน กรุงไทย 091-0-10432-8 "มูลนิธิสื่อเพื่อการศึกษาของชุมชน FCEM" หรือ โอนผ่าน PayPal / บัตรเครดิต (รายงานยอดบริจาคสนับสนุน)

ติดตามประชาไท ได้ทุกช่องทาง Facebook, X/Twitter, Instagram, YouTube, TikTok หรือสั่งซื้อสินค้าประชาไท ได้ที่ https://shop.prachataistore.net